Forex 3D vs Three Arrows Capital เมื่อความต่างเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์แต่เป้าหมายนั้นคือแชร์ลูกโซ่

กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการอีกครั้งหลังจากมีข่าวดาราสาวชื่อดังที่ต้องถูกจองจำในเรือนจำ โดยไม่ได้รับการประกันตัวจากคดีแชร์ลูกโซ่ในตำนานอย่าง Forex 3D

ซึ่งเมื่อลองไล่อ่านข้อมูลอย่างละเอียด จะพบว่า มันแทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเทรดในตลาด Forex จริง ๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เป็นการนำเอาคำ buzzword ในยุคนั้นมาหากินบังหน้า โดยมีเบื้องหลังเป็นระบบ Ponzi หรือ แชร์ลูกโซ่

ผมเองได้มีโอกาสฟังรายการ youtube ของ bearti ที่มีการสัมภาษณ์ คุณ สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ซึ่งให้แง่มุมหลาย ๆ อย่างที่มีความน่าสนใจมาก ๆ

ที่พอจะสรุปได้ก็คือ แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ ทำให้คนที่ทำไม่ได้สนใจในโทษที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคตเลยด้วยซ้ำ

แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ (CR:Posttoday)
แชร์ลูกโซ่ กฏหมายในไทยยังล้าหลังมาก ๆ ในการเอาผิดเครือข่ายเหล่านี้ (CR:Posttoday)

แม้จะมีคำสั่งศาลให้ติดคุก เป็นพัน เป็นหมื่นปีก็ตาม แต่กฎหมายก็กำหนดโทษสูงสุดไว้เพียงแค่ 20 ปีเพียงเท่านั้น ซึ่งติดจริง ๆ โดยเฉลี่ยจากเคสที่ผ่านมาแค่ 6-7 ปี บางเคสการฟ้องร้องคืนเงินยังไม่เสร็จ แต่นักโทษออกมาจากคุก มาใช้เงินสุขสบายกันแล้ว เพราะยุคนี้ นวัตกรรมการฟอกเงินมันซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ track ได้ยากมากกว่ายุคก่อน

หรือ อีกแง่มุมนึง คือเรื่องที่สำคัญ นั่นก็คือ เรื่องผลิตภัณฑ์ที่จะถูกนำมาใช้ในการทำแชร์ลูกโซ่นั้น มันกว้างมาก ๆ แม้กระทั่งสิ่งที่ดูเหมือนถูกต้องอย่าง ทองคำ เห็ด ปุ๋ย เลี้ยงกุ้ง หรือ แม้กระทั่ง voucher ท่องเที่ยว ก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการทำแชร์ลูกโซ่มาก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่ออนาคตแชร์ลูกโซ่จะยิ่งล้ำขึ้นไปอีก

สิ่งที่น่าสนใจกับปัญหาหลาย ๆ อย่างในวงการคริปโตโลก ที่เป็นเทคโนโลยีที่ดีหากใช้ไปในทางที่ถูกต้องแต่กลายเป็นว่า ตอนนี้พวกมันถูกใช้เป็นเครื่องมือในทางที่ผิดในการทำแชร์ลูกโซ่ไปเสียแล้ว

แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ที่ภาพลักษณ์ดูดีอย่าง Three Arrows Capital ที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่มาก่อนหน้านี้ ก็ถูกบริษัทวิจัยชื่อดังอย่าง FSInsight ที่นำโดย Tom Lee กล่าวหาต่อสาธารณชนว่า Three Arrows Capital (3AC) ดำเนินโครงการ Ponzi แบบเดียวกับ Madoff

โดยข้อมูลจาก FSInsight ได้สรุปวิธีที่ Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC “ใช้ชื่อเสียงของพวกเขาในการยืมเงินจากผู้ให้กู้สถาบันแทบทุกรายในธุรกิจอย่างไม่ระมัดระวัง” มันเป็นรูปแบบเดียวกับการล่มสลายของ Long Term Capital Management ในปี 1998

 Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC
Kyle Davies และ Su Zhu ผู้ก่อตั้ง 3AC

รายงานสรุปว่า Zhu และ Davies มีแนวโน้มที่จะใช้เงินทุนที่ยืมมาเพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้ในขณะเดียวกัน ก็แต่งเติมตัวเลขทางการเงิน เพื่อแสดงผลตอบแทนที่เหลือเชื่อ

คำถามคือมันต่างอะไรกับ CEO ของ Forex 3D คือ นายอภิรักษ์ โกฎธิ และผองเพื่อน ที่ไปตั้งบริษัทเปิดเว็บ “FOREX 3D” แล้วชักชวนคนมาลงทุน อ้างว่ามีระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยให้การเทรด forex 3d ได้กำไรเน้นๆ  ซึ่งลักษณะการจ่ายผลตอบแทนคือเป็นแชร์ลูกโซ่ชัดเจน

ทั้งสองใช้ model แทบไม่ต่างกัน คือ นำเงินคนที่เข้ามาใหม่ ไปจ่ายคนเก่า เพื่อให้ระบบมัน run ต่อไปได้ แต่ไม่มีผลิตภัณฑ์จริง ๆ ที่จะสร้างรายได้ให้สมกับผลตอบแทนที่พวกเขาได้โม้ไว้

ซึ่งปัญหานี้ ไม่เพียงแต่ 3AC เท่านั้น แต่เราจะเห็นหลาย ๆ แพลตฟอร์มที่ล่มสลายไป ก็ใช้ concept เดียวกัน เมื่อระบบถึงทางตัน ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายปันผลได้อีกต่อไป หรือแม้กระทั่ง model play2earn หลาย ๆ เกม ก็มีการยอมรับกันตรง ๆ ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่

จะเห็นได้ว่าในอนาคตรูปแบบการปั้นแชร์ลูกโซ่จะง่ายขึ้นและหลอกคนได้แนบเนียนขึ้นโดยอาศัย buzzword โดยเฉพาะคำด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้มากนัก

ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายคราวนี้จะ track เรื่องเส้นทางการเงินต่าง ๆ เพื่อยึดทรัพย์มาคืนได้ยากยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้การฟอกเงินนั้นล้ำขึ้นไปอีก คงใช้เวลาอีกซักพักกว่าหน่วยงานรัฐของเราจะตามเทคโนโลยีการฟอกเงินพวกนี้ทัน

ซึ่งเมื่อก่อนแชร์ลูกโซ่อาจจะหลอกคนรากหญ้าด้วยผลตอบแทน 10% ต่อเดือน แต่ในยุคนี้ ผลตอบแทนระดับ 6-10% ต่อปี ก็สามารถหลอกมาสร้างแชร์ลูกโซ่ให้กับคนที่มีความรู้ได้แล้วนั่นเองครับผม

References :
https://fortune.com/2022/06/28/crypto-hedge-fund-three-arrows-capital-old-fashioned-madoff-style-ponzi-scheme-research-firm-fsinsight/
https://coingeek.com/three-arrows-capital-liquidated-was-it-a-ponzi-scheme/
https://coingeek.com/wall-street-veteran-thomas-lee-economist-george-gilder-headline-coingeek-live/
https://www.youtube.com/watch?v=lmFNlLzaJpE

แม่มณี -> Forex 3D สู่ Nice Review กับจริตการลงทุนของคนไทย

นั่งดูข่าวการทลายแก๊งแชร์ลูกโซ่ที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ทั่วไทยอย่าง แม่มณี , Forex 3D แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้กับการเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเครือข่ายแบบนี้ ซึ่งมีมาในหลายรูปแบบมาก ๆ ในช่วงหลัง ๆ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเครือข่ายเหล่านี้ถึงไม่หมดไปจากสังคมไทยเสียที

และล่าสุดที่กำลังเริ่มเป็นข่าวอย่าง Nice Review ที่ต้องบอกว่าจำนวนผู้เสียหายนั้น น่าจะมากกว่า แม่มณี รวมถึง Forex 3D หลายเท่านัก ซึ่งต้องบอกว่า Nice Review เป็นแพลตฟอร์มที่ผมได้สังเกตเห็นมาเป็นเวลาพักหนึ่งแล้ว และสามารถฟันธงได้ว่า แชร์ลูกโซ่อย่างแน่นอน

ทำไมผมถึงคิดว่า มีจำนวนผู้เสียหายมากกว่า เพราะ Nice Review นั้น มีการติด Trend ของ Google Trend มาอย่างต่อเนื่องเป็นปี ๆ แล้ว แสดงให้เห็นถึงความสนใจของประชาชนทั่วไปกับ Nice Review ที่พยายามค้นหาข้อมูลจนคำว่า “Nice Review” ติด Trend ของ Google ในระดับต้น ๆ ของประเทศ

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ แชร์แม่ชม้อย ชื่อดังในอดีต ที่ได้สร้างความเสียหายกับคนไทยเป็นจำนวนมากแล้วนั้น คนไทยก็ไม่เข็ดกับเรื่องเหล่านี้เสียที กับรูปแบบการจูงใจในการหาเงินง่าย ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานที่ผิดหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งก็มักจะหลงเชื่อไปกับคำชักจูงที่สวยหรู และการที่นิสัยมนุษย์ทั่วไปนั้นความขี้เกียจถือเป็นพื้นฐานทางจิตใจที่สำคัญของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกชักจูงให้ทำงานที่ได้เงินง่ายๆ  โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรมในการหาเงิน

แต่ก็ต้องยอมรับว่าใครที่ได้เข้าไปอยู่ในวังวนเหล่านี้ ก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกันก็คือ เหมือนอยู่ในลัทธิ ที่จะมี pattern แทบจะเหมือนกันในทุก ๆ คน ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงก็จะถูกต้อนเข้าไปฟังและพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เข้าร่วม

ซึ่งตรงนี้หลายคนก็ได้เสียเพื่อนฝูง หรือ ญาติพี่น้องไปก็เป็นได้หากเขาไม่ได้สนใจในรูปแบบการลงทุนเหล่านั้น และ ถูกตามตื้ออยู่ตลอดเวลา ซึ่งผมก็เคยมีประสบการณ์เหล่านี้เช่นกัน เราก็ต้องพยายามเลี่ยง ๆ ที่จะพบหากรู้ว่าเพื่อนหรือญาติคนใดนั้นเข้าสู่เครือข่ายเหล่านี้

ซึ่งจากประสบการณ์ตรงนั้น ยังไม่เคยเห็นเพื่อนหรือญาติคนใดประสบความสำเร็จจากการทำงานกับการลงทุนแนว ๆ นี้เลยแม้แต่รายเดียว บางคนนั้น เหมือนจะร่ำรวยในตอนแรก ๆ แต่ก็จะประสบปัญหาเช่นเดียวกันในตอนหลัง เพราะเมื่อเครือข่ายการลงทุนเหล่านี้ถึงทางตัน ไม่สามารถหาสมาชิกมาต่อเพิ่มได้อีก ระบบเหล่านี้ ก็จะล้มคลืนลงอย่างที่เราเห็น อยู่ที่ว่าจะให้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ซึ่งหากให้ผลตอบแทนมาก ก็จะล้มเร็วอย่างที่เราเห็นใน case แม่มณี ที่ให้ผลตอบแทนอย่างน่าตกใจถึง 93% ต่อเดือน

แต่หาก แพล็ตฟอร์มไหน ที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงนักจนมันเว่อร์เกินไปอย่าง Forex 3D ก็อาจจะทำให้อยู่ได้นานหน่อย เราจึงได้ระบบที่ดำเนินต่อไปได้หลายปี ก่อนที่จะล้มในที่สุดเพราะไม่สามารถหาสมาชิกมาต่อยอดได้อีกต่อไป รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายในการจ่ายผลตอบแทนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

สรุปเรื่องนี้ก็น่าจะไม่ได้ทำให้คนไทยเข็ดกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็จะเกิดลักษณะใหม่ๆ  ของการทำแชร์ลูกโซ่ออกมาอีก ซึ่งก็น่าจะพัฒนาวิธีการที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ จนสุดท้ายในที่สุด เราอาจจะได้เห็นพัฒนาการของเครือข่ายเหล่านี้ กลายเป็นแชร์ลูกโซ่แบบถูกกฏหมายจริง ๆ ก็ได้ หากเรายังไม่มาปฏิรูปหรือจัดการแบบเด็ดขาดกับรูปแบบธุรกิจเหล่านี้ หรืออาจจะมีการออกกฏหมายที่เด็ดขาดเพื่อจัดการกับเครือข่ายเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคตนั่นเองครับ

References Image : https://money.kapook.com/view176757.html

Bernard Madoff กับตำนานแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

เรื่องอื้อฉาวในการลงทุนของแมดอฟฟ์ ได้กลายเป็นตำนานเรื่องการฉ้อโกงการลงทุน และหลักทรัพย์ครั้งใหญ่ที่สุดและมีความสูญเสียมากที่สุด เมื่อปลายปี 2008 ซึ่งในเดือนธันวาคมปีนั้น เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ อดีตประธานแนสแด็กและ ผู้ก่อตั้ง บริษัท หลักทรัพย์ลงทุนเบอร์นาร์ด แอล. แมดอฟฟ์ จำกัด (Bernard L. Madoff Investment Securities LLC) ได้ออกมายอมรับว่าธุรกิจของเขาเป็นการฉ้อฉลแบบพอนซี (รูปแบบเดียวกับแชร์ลูกโซ่ที่เราเห็นได้ในข่าวดังในบ้านเราขณะนี้)

เจ้าหน้าที่ที่ดำเนินคดีประเมินขนาดการฉ้อโกงครั้งนี้มีความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 64,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้ตัวเลขประเมินที่อยู่ในบัญชีของลูกค้ากว่า 4,800 ราย โดยอดีตประธานองค์กรตรวจสอบและควบคุมของรัฐบาลกลางผู้หนึ่งประเมินว่า การฉ้อโกงจริง ๆ นั้นมูลค่าที่แท้จริงอยู่ที่ระหว่าง 10,000-17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยไม่รวมเอารายได้ที่ไม่มีจริง ๆ ที่บันทึกใส่บัญชีของลูกค้า ซึ่งทำให้ธุรกิจของแมดอฟฟ์เป็นการฉ้อโกงแบบพอนซี่ (แชร์ลูกโซ่) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  และเป็นการฉ้อโกงต่อนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุด ที่ทำโดยบุคคลคนเดียวอีกด้วย

แมดอฟฟ์จัดตั้งบริษัทในปี 1960 โดยเริ่มต้นด้วยการเป็นบริษัทขายหุ้นราคาถูก (penny stock) มีเงินทุนตั้งต้นเพียงแค่ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้มาจากการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยช่วยชีวิตคนตกน้ำ และคนติดตั้งระบบหัวกระจายน้ำ ให้กับรัฐ 

บริษัทของเขาเริ่มเติบโตด้วยความช่วยเหลือจากพ่อตาของเขา นักบัญชีชื่อดังอย่าง ซาอูล อัลเพิร์น ซึ่งแนะนำเพื่อนและญาติให้ทำธุรกิจกับแมดอฟฟ์  โดยจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือ บริษัทเขาเริ่มใช้เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ก้าวหน้าในการแจ้งราคาให้กับลูกค้า ซึ่งการใช้เทคโนโลยีนี่เองเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บริษัทช่วยพัฒนาได้กลายเป็นตลาดแนสแด็ก อย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน ซึ่ง ณ จุดหนึ่ง Madoff Securities นั้นเป็น ผู้ซื้อและขายที่ใหญ่สุดที่ในตลาดแนสแด็ก

Bernard Madoff ที่กิจการกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
Bernard Madoff ที่กิจการกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

สำหรับวิธีการขายของแมดอฟฟ์ก็คือการอ้างกลยุทธ์การลงทุนที่อาศัยการซื้อหุ้นบลูชิป และซื้อสัญญาการค้าขายอนาคต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า split-strike conversion ดังที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ฟอบส์ ในปี 2009 

นอกจากนั้นแล้ว เขายังได้ให้สัมภาษณ์กับ เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ว่า ในช่วงปี 1970 เขาได้กำไรจากการซื้อและขายในต่างตลาด ณ เวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนมากเป็นหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ (large-cap) โดยหวังผลกำไรได้ในระหว่าง 18%-20% 

และเขาได้เริ่มใช้สัญญาเพื่อซื้อขายในอนาคตตามดัชนีหุ้น และได้ซื้อสัญญาเพื่อจะขายหุ้นในราคาที่แน่นอน (put option) ในช่วงเหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตกต่ำในปี 1997 

แต่ว่า นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งที่ตรวจสอบวิธีการของแมดอฟฟ์ ไม่สามารถที่จะเลียนแบบแล้วได้ผลตามที่แมดอฟฟ์กล่าวอ้าง โดยใช้ข้อมูลย้อนหลังของราคาหุ้นและราคาสัญญาซื้อขายในอนาคตของดัชนีหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าวมาเปรียบเทียบ

ซึ่ง แทนที่จะให้ผลกำไรสูงสำหรับผู้เข้าร่วมลงทุนทุกคน แมดอฟฟ์ให้ผลกำไร พอสมควรแต่มีความสม่ำเสมอต่อลูกค้าที่เขาเลือกสรรมาอย่างดีแล้ว โดยอ้างว่า วิธีการลงทุน “ซับซ้อนเกินกว่าที่คนนอกจะเข้าใจได้” เขาเก็บความลับเกี่ยวกับทั้งวิธีการลงทุน และงบการเงินของบริษัทไว้แต่เพียงผู้เดียว

เมดอฟฟ์เป็นคนเก่งมากในการวางแผนการตลาดของโปรแกรมการลงทุนของเขา โดยที่กองทุนของเขาถือว่าจำกัดเฉพาะแก่ลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่าต้องการจริง ๆ 

ซึ่งโดยทั่วไปมักจะปฏิเสธที่จะพบกับผู้ลงทุนโดยตรง ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจที่จะลงทุนกับเขา นักลงทุนบางท่านไม่กล้าที่จะถอนเงินออกจากกองทุน เพราะกลัวว่าจะกลับเข้าไปเหมือนเก่าไม่ได้ในภายหลัง

อัตราผลตอบแทนของแมดอฟฟ์นั้นมีความสม่ำเสมออย่างไม่น่าเชื่อ โดยอยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฉ้อโกงดังกล่าวสามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะธุรกิจพอนซี (แชร์ลูกโซ่) โดยมากให้ผลกำไรถึง 20% หรือมากกว่านั้น จึงทำให้ล้มเร็ว อย่างที่เราได้เห็นในกรณีของแชร์แม่มณี ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 93% ต่อเดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ ที่คนหลงเชื่อเข้าไปลงทุนได้มากมายขนาดนี้

ธุรกิจพอนซี หรือ แชร์ลูกโซ่ที่บ้านเรารู้จักกันดีนั่นเอง
ธุรกิจพอนซี หรือ แชร์ลูกโซ่ที่บ้านเรารู้จักกันดีนั่นเอง

ธุรกิจเริ่มประสบปัญหาในเดือนธันวาคมปี 2008 เมื่อตลาดหลักทรัพย์ตกลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อตลาดตกลงเรื่อย ๆ ผู้ลงทุนได้พยามยามถอนเงิน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัท และเพื่อที่จะจ่ายให้ลูกค้าเหล่านั้น แมดอฟฟ์ก็จะต้องหาเงินเพิ่มจากนักลงทุนอื่น ๆ และแม้ว่าจะยังมีนักลงทุนเป็นจำนวนมากที่เชื่อว่าแมดอฟฟ์ยังดำเนินการได้ดีอยู่ แต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับการถอนเงินจำนวนมากพร้อม ๆ กันมากมายขนาดนี้

ในวันที่ 10 ธันวาคม 2008 แมดอฟฟ์ได้ทำการพยายามส่งเงินก้อนสุดท้ายผ่านลูกชาย มาร์กและแอนดรู ให้จ่ายเงินโบนัส 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,024 ล้านบาท) แก่พนักงานกลุ่มสุดท้ายของเขา ซึ่งตอนนั้นบริษัทเหลือเงินสด 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,087 ล้านบาท) ที่เหลืออยู่เป็นก้อนสุดท้าย 

โดยทั้ง มาร์กและแอนดรู ลูกชายของแมดอฟฟ์ ซึ่งยังไม่รู้ถึงการล้มละลายของบริษัทที่กำลังใกล้เข้ามาเต็มที ได้คุยเรื่องนี้กับบิดาของตน โดยได้ถามว่าเขาจะจ่ายเงินโบนัสให้ลูกจ้างได้อย่างไรถ้าไม่สามารถจ่ายผู้ลงทุนได้ แมดอฟฟ์จึงยอมรับในที่สุดว่า เขาได้ดำเนินการถึงที่สุดแล้ว และแผนบริหารหลักทรัพย์ของบริษัทความจริงก็คือธุรกิจพอนซี่ (แชร์ลูกโซ่) ดังที่เขาได้กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่เขาคิดเพียงคนเดียวเท่านั้น” มาร์กและแอนดรู จึงได้รายงานการพูดคุยนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นการปิดฉาก การลงทุนแบบพอนซี่ (แชร์ลูกโซ่) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

References :
http://www.wsj.com/
http://www.nytimes.com/ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%8C
https://www.incimages.com/uploaded_files/image/970×450/bernie-madoff-police-1940x900_35532.jpg