Data Science กับอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Liverpool ของ Klopp เป็นทีมที่ยากที่จะต่อกร

87 นาทีของเกมส์ในลอนดอนเหนือ ใน Big Match นัดล่าสุดที่ผ่านมา ในขณะที่ทีมของ Jose Mourinho กุนซือของท็อตแนมฮ็อทสเปอร์ถูกตรึงสกอร์ไว้ด้วยความหมดหวัง ทีมของ Mourinho พยายามทุกวิถีทางเพื่อตีเสมอ แต่สเปอร์ก็ไม่สามารถเจาะเพิ่มทำประตูได้ แม้จะได้โอกาสที่ยอดเยี่ยมจาก Heung-min Son และ Giovani Lo Celso ในช่วงท้ายเกมส์ก็ตามที

แต่หลายคนอาจจะไม่ทันสังเกตว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งของเกมส์ ลิเวอร์พูลได้หยุดโมเมนตัมของสเปอร์ลงอย่างเลือดเย็น เมื่อ Dele Alli พาบอลเข้ามาใกล้เส้นครึ่งสนาม ทีมของ Jürgen Klopp ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นให้ผู้เล่นกระจายตัวเป็นบล็อกที่แคบและมีความแข็งแกร่งดั่งหินผา และให้คู่ต่อสู้ทำได้เพียงเคาะบอลไปมารอบ ๆ ปราการป้อมสุดแข็งแกร่งของลูกทีมของเขาเพียงเท่านั้น

ผู้เล่น 10 คนที่สวมชุดสีแดงของทีมลิเวอร์พูล มีการยืนตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งกลางสนามโดยมีระยะห่างจากด้านหลังไปด้านหน้าและจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งรวมกันไม่เกิน 20 หลา ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ในวิธีการทำงานและแน่นอนว่าการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะอย่างสวยงามของทีมลิเวอร์พูล

ตอนนี้ทีมหงส์แดงเสียประตูรวมทั้งสิ้นเพียงแค่ 7 ประตู ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนกับการเสียประตูน้อยขนาดนี้ มันล้วนเกิดจากความสามารถของทีมแทบจะทั้งสิ้น ในการควบคุมเกมส์ในสนามให้ได้ดั่งใจของพวกเขา 

แน่นอนว่า สโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่ส่วนใหญ่มีแผนกวิเคราะห์ข้อมูล แต่มีน้อยมากที่รวมเอาความรู้ดังกล่าวไปใช้ในการตัดสินใจระดับสูงและกระบวนการเล่น รวมถึง แท็กทิคต่าง ๆ ตามสิ่งที่ลิเวอร์พูลกำลังทำ

ลิเวอร์พูลฟอร์มกระชับบล็อกในใจกลางของสนามในช่วงปลายของการแข่งขันกับสเปอร์ส
ลิเวอร์พูลทำการกระชับระยะของผู้เล่นในใจกลางของสนามในช่วงท้ายของการแข่งขันกับสเปอร์ส

Michael Edwards ผู้อำนวยการด้านการกีฬาของสโมสรเป็นอดีตนักวิเคราะห์ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานที่สโมสร Portsmouth และ Spurs ซึ่งเขาได้มีโอกาสมารับตำแหน่งที่แอนฟิลด์ โดยปัจจุบันเขามีบทบาทหลัก โดยเป็นศูนย์กลางในการดูแลผลประโยชน์ระยะกลางถึงยาวของสโมสร รวมถึงการทำให้มั่นใจว่าทุกแผนกได้รับการจัดการอย่างราบรื่นที่สุด

เฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ปเจ้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล มีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้วในเรื่องของการรวบรวมข้อมูล รวมถึงเรื่องของ Data Science จอห์น เฮนรี่ เข้าไปลงทุนในกีฬาเบสบอลก่อนที่จะเข้ามายังโลกของฟุตบอล

เขามีชื่อเสียงในการแต่งตั้ง Billy Beane ชายผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดของ Moneyball โดยได้เซ็นสัญญามูลค่า 12.5 ล้านเหรียญ ที่ทำให้ Beane กลายมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบอสตันเรดซอกซ์ในปี 2002 ก่อนถูกควบรวมโดย FSG หลังจากนั้นไม่นาน และตอนนี้แนวคิดของ Beane ได้สร้างความแตกต่างให้กับความสำเร็จของทีมบอสตันเรดซอกซ์อย่างที่เราได้รู้กัน

ผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนจากการใช้ Data ของ Billy Beane
ผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจนจากการใช้ Data ของ Billy Beane

Ian Graham เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Liverpool โดยเขาได้รับปริญญาเอกในสาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎี และเชื่อในการประเมินผู้เล่นและแนวโน้มที่กว้างขึ้นในวงการกีฬา โดยการคำนวนผ่านตัวเลขที่มีความซับซ้อนสูง 

โดยการพัฒนาเรื่องดังกล่าวกับวงการฟุตบอล สามารถทำได้เมื่อมีการวิเคราะห์รายละเอียดในระดับเชิงลึกด้วยกราฟฟิก ทำให้เกิดรูปแบบข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่การครอบครองบอลของทีม

Tim Waskett นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์และ Will Spearman ผู้มีปริญญาเอกด้านปรัชญาเป็นสมาชิกของทีม Data Science ของลิเวอร์พูล ทั้งสองได้พูดต่อสาธารณะเกี่ยวกับแนวคิดของการควบคุมพื้นที่การครอบครองบอลของทีม ด้วยตัวอย่างข้อมูลกราฟิกที่ใช้ในการจับภาพแนวคิดดังกล่าว

การสร้างภาพการควบคุมระดับเสียงซึ่งจับภาพพื้นที่ของพื้นที่ที่ควบคุมโดยผู้เล่นบางคน
การสร้างภาพพื้นที่การครอบครองบอลของทีมซึ่งมีการจับภาพพื้นที่ที่ควบคุมโดยผู้เล่นบางคน

ผู้เล่นที่ล้อมรอบด้วยวงกลมสีเหลืองคือคนที่ครอบครองบอลอยู่ และที่สำคัญทีมของเขาสามารถเข้าถึงพื้นที่ของสนามที่เป็นสีฟ้าตามภาพด้านบน ในขณะที่พื้นที่สีแดงส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ที่ถูกครองบอลโดยทีมคู่แข่ง ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวผู้เล่นควรที่จะผ่านบอลเข้าไปให้เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในโซนสีฟ้า

Waskett ได้กล่าวว่า การรวมข้อมูลเหตุการณ์และข้อมูลที่มีการติดตามการเล่นของทีมลิเวอร์พูล ทำให้สามารถเข้าใจได้ว่าแต่ละการกระทำบนสนามส่งผลกระทบต่อความน่าจะเป็นของการทำประตูได้อย่างไร ซึ่งหนึ่งในกราฟิกที่ใช้ในการแสดงทฤษฎีดังกล่าว สามารถดูได้จากด้านล่าง

แนวคิดการควบคุมระดับเสียงของลิเวอร์พูลพิจารณาว่าพื้นที่ใดในสนามที่ดีที่สุดที่จะใช้ในเวลาใดก็ตาม
แนวคิดพื้นที่การครอบครองบอลของทีมลิเวอร์พูล โดยพิจารณาว่าพื้นที่ใดในสนามเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดที่จะใช้ในเวลาใด ๆ ก็ตาม

Waskett กล่าวว่า: “นักเตะที่มีวงกลมพื้นสีแดงคือนักเตะของลิเวอร์พูล และพื้นที่สีแดงเป็นพื้นที่ที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้เร็วกว่าผู้เล่นสีน้ำเงิน ซึ่งทุกอย่างจะถูกคำนวณให้กลายเป็นความน่าจะเป็นผ่านตัวเลขการคำนวณที่มีความซับซ้อน

และค่าจากตัวอย่างนี้ 1.3% แสดงความน่าจะเป็นที่ลูกบอลจะไปอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวภายใน 15 วินาทีถัดไป ” ข้อมูลดังกล่าวมีความซับซ้อนสูง แต่เมื่อข้อมูลดิบเหล่านี้ได้รับการกรองและนำไปใช้ภายในสโมสร การค้นพบนี้สามารถทำให้ลิเวอร์พูลสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ยังไม่พัฒนาในเรื่องดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ

Klopp เป็นคนรับผิดชอบหลักในการฝึกทีม ซึ่งข้อสรุปใด ๆ ที่ได้รับแนะนำโดยแผนก Data Science ของสโมสรจะต้องนำมาตีความและนำไปใช้ในแง่ของการเล่นฟุตบอลโดยตัวของ Klopp เอง

ซึ่งมีสถิติที่น่าสนใจก็คือ ลิเวอร์พูลยิงถูกยิงเข้ากรอบเพียงแค่ 55 ครั้งเท่านั้น ในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ (สถิติถึงเกมส์กับสเปอร์) ซึ่งดีกว่าอันดับสองอย่างเชลซีที่ 65 ครั้ง ใน ตามด้วยแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ 70 ครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าแนวการป้องกันของลิเวอร์พูลและกลยุทธ์การบล็อกตรงกลางของทีม อย่างที่เห็นในการเล่นกับสเปอร์ ทำให้ประสิทธิภาพในเกมส์รับของลิเวอร์พูลสูงมาก ๆ ในฤดูกาลนี้

ทางฝั่งของเกมส์รุก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์และแอนดี้ โรเบิร์ตสันส์ กำลังโด่งดังจากการผ่านบอลครอสสนาม ซึ่งต้องบอกว่าการกระทำรูปแบบนี้นั้นค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเกมส์ฟุตบอลในยุคนี้

แต่มันมีเหตุผลรองรับเพียงพอที่ว่าการกระทำเหล่านี้เกิดจากแนวคิดของการจัดการพื้นที่การครอบครองบอล อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ซึ่งเคยเผชิญหน้ากับสเปอร์สที่แอนฟิลด์ในช่วงต้นฤดูกาลและข้อมูลสถิติการผ่านบอลของเขาในเกมส์แรกแสดงดังภาพด้านล่าง

เครือข่ายผ่านของเทรนต์อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์กับสเปอร์สที่แอนฟิลด์
เส้นทางการผ่านบอลของเทรนต์อเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์ในเกมส์กับสเปอร์สที่แอนฟิลด์

จากรูปแสดงให้เห็นการผ่านบอลแบบแนวทแยงมุม ชี้ให้เห็นว่าการผ่านบอลลักษณะนี้ของ อเล็กซานเดอร์ – อาร์โนลด์ ได้รับคำสั่งจาก Klopp อย่างจงใจ

กองกลางของลิเวอร์พูลได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากขาดความคิดสร้างสรรค์ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าใช้ข้อมูลการจัดการพื้นที่การครอบครองบอลผ่าน Data Science ? 

ความเสี่ยงในการครอบครองโดยทั่วไปแล้วนั้น จะถูกนำมาใช้โดยกองหลังเต็มรูปแบบของทีม ในขณะที่กองกลางกลางในทีมของ Klopp มุ่งไปที่การรักษาวินัยในการเล่นและมุ่งเน้นไปที่การรักษาสมดุลของทีมเป็นหลัก 

ซึ่งบางทีแผนก Data Science ของลิเวอร์พูลได้ค้นพบจุดศูนย์กลางของสนามที่สำคัญที่สุดในการป้องกัน ดังนั้นผู้เล่นอย่าง Jordan Henderson และ Gini Wijnaldum ก็มักจะเล่นบอลแบบ Play-Safe อยู่เสมอ อย่างที่เราได้เห็นกันมาตลอด

และในทางกลับกัน พื้นที่แนวรุก ด้านใน ทั้งด้านขวาและซ้าย ที่นำโดย Sandio Mane และ Mohamed Salah และ ช่องว่างตรงกลางหลังแนวรับฝั่งคู่แข่ง อาจจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการใช้ในการโจมตีนั่นเอง

ลิเวอร์พูลทำคะแนนกับเอฟเวอร์ตันด้วยการกดผ่านด่านยาว ๆ ง่ายๆ
ลิเวอร์พูลโจมตีเอฟเวอร์ตันด้วยการวางบอลยาวแบบง่าย ๆ

ไม่มีใครรู้ว่าว่าทีมลิเวอร์พูลได้ค้นพบสุดยอดความลับจาก Data Science มาน้อยเพียงใด ที่ส่งผลให้ทีมฟอร์มแข็งแกร่งอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบันนี้ แต่เมื่อพิจารณาว่าพวกเขาสามารถคว้าแชมป์สโมสรโลกและแพ้ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเพียงครั้งเดียวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 มันเป็นไปได้สูง ที่ข้อได้เปรียบที่ได้รับจาก Data Science จะส่งผลอย่างมากต่อทีมลิเวอร์พูลในยุคของ Klopp อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับ

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ทำให้ทีมอย่างลิเวอร์พูลก้าวมาถึงจุดที่เราเห็นในวันนี้ มันต้องประกอบด้วยส่วนประกอบที่ลงตัวหลาย ๆ ส่วน ไม่ใช่แค่เพียงความสามารถจากกุนซือสมองเพชรอย่าง Jurgen Klopp เพียงอย่างเดียว

การเปลี่ยนแปลงของลิเวอร์พูลมันชัดเจนมาตั้งแต่การเข้ามา take over สโมสรของ จอห์น เฮนรี่ ซึ่งเขาเป็นคนที่มีประวัติไม่ธรรมดา เมื่อสามารถทำทีมเบสบอลอย่าง บอสตันเรดซอกซ์ ประสบความสำเร็จมาแล้ว ด้วยการใช้ข้อมูลจาก Billy Beane

ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นแฟนฟุตบอลตัวยงแต่เชียร์ทีมปืนใหญ่ อาเซน่อล ซึ่ง ได้มองเห็นภาพความสำเร็จทีละขั้น ๆ ของลิเวอร์พูลมาโดยตลอด และไม่แปลกใจเลยเมื่อได้อ่านข้อมูลจากบทความนี้ ที่ Data Science กลายมาเป็นปัจจัยที่สำคัญชี้ขาดอย่างหนึ่งที่ยกระดับความสามารถของทีมลิเวอร์พูลให้แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้

เราจะเห็นได้ว่า ลิเวอร์พูล เล่นอะไรง่าย ๆ ไปเสียหมด การรุกที่จังหวะไม่มากนัก แต่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง แนวป้องกัน ที่ยากที่จะเจาะเข้าไปทำลาย ซึ่งแม้กระทั่งเป๊บ กุนซือมากความสามารถ ก็ยังต้องยอมศิโรราบให้กับลิเวอร์พูลในยุคนี้

แน่นอนว่าทีมอื่น ๆ ก็ต้องมาเริ่มโฟกัสกับเรื่องของข้อมูล โดยเฉพาะงานด้าน Data Science ให้มากยิ่งขึ้น เพราะนับวันทีมลิเวอร์พูลจะทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อย ๆ เมื่อส่วนผสมของพวกเขาลงตัวในทุก ๆ จุด และส่วนผสมที่สำคัญระหว่างศาสตร์ทางด้านฟุตบอลของ Klopp และ ศาสตร์ด้านข้อมูลที่มาจากทีมงาน Data Science ของพวกเขา กำลังแสดงให้โลกเห็นว่า ข้อมูลนั้นสำคัญเพียงใดกับเกมส์ฟุตบอล ซึ่งสุดท้ายมันอาจจะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ และยากที่จะมีคู่แข่งมาต่อกร ไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียวนั่นเองครับผม

References : https://www.liverpool.com/liverpool-fc-news/features/liverpool-transfer-news-jurgen-klopp-17569689 https://www.fourfourtwo.com/news/liverpool-pepijn-lijnders-jurgen-klopp-assistant-manager-lifts-lid-working-what-it-is-like

Welcome Danny Welbeck

จบปิดตลาดซื้อขายหน้าร้อนไปอย่างเรียบร้อย  อารเซน่อลสุดที่รักของผมก็ได้กองหน้าตัวใหม่มาซักที แต่ไม่รู้จะดีใจหรือ เสียใจดีกับการได้เทพอย่าง Danny Welbeck มาร่วมทีม  แต่จังหวะช่วงเวลานี้ ขอใครก็ได้แล้วกัน เพราะมันไม่มีกองหน้าจะใช้ได้จริง ๆ แล้วสำหรับทีม อาเซน่อลในตอนนี้  ตัวความหวังอย่าง ชิรูด์ ก็ดันมาเจ็บยาวไปอีก  เวนเกอร์คงเห็นอะไรซักอย่างในตัว Danny Welbeck ถึงได้ไปกระชากตัวมาจาก Manchester United แบบนี้ ผมว่าราคาก็ไม่ได้สูงเกินไป ก็ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีกับทีมอาเซน่อล

เท่าที่ได้ดูฟอร์มการเล่นในสองนัดแรกนั้น มองยังไงก็ยังเหมือนเดิมกับที่อยู่ Man U  ซึ่งถือว่า sense ฟุตบอลของ Welbeck นั้นอยู่ในระดับที่โอเคนะ  แต่จังหวะสุดท้ายนี่ยังไงก็ยังไม่เด็ดขาดพอ หวังว่าเจ๊เวนเกอร์ แกจะปั้นขึ้นมาได้  ดูสไตล์ ก็คล้าย ๆ Henry เหมือนกันในบางจังหวะ คิดว่าศูนย์หน้า สไตล์นี้แหละน่าจะเหมาะกับทีม อาเซน่อลที่สุดแล้ว คิดว่าถ้าปรับอีกหน่อย Welbeck คงจะโอเคกับอาเซน่อลนะ

สำหรับฟอร์มโดยรวมของทีม ผมรู้สึกว่ามันจะแย่กว่าฤดูกาลที่แล้วอีกนะ ปีที่แล้วนี่ ออกสตาร์ทมาแพ้แค่นัดแรก แล้่วทยอยโกยแต้มในช่วง แรก ๆ ได้ทันที แต่ปีนี้มานี่ หนักไปทางเสมอไปหน่อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่ยังไม่แพ้ใคร ( หรือจะไร้พ่ายอีกซักฤดูกาล)  แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้ออกตัวแรงมาก ๆ เด๋วจะไปแผ่วปลาย ๆ อีก  อยากให้ไปแรงตอนปลายฤดูกาลมากกว่า เพราะปีที่แล้วนี่ อุตส่าห์ออกตัวแรงนำมาตลอดดันไปตกม้าตายในตอนจบซะงั้น รู้สึกเสียอารมณ์อยู่บ้าง แต่ยังดีที่ได้รับรางวัลปลอบใจเป็นแชมป์ FA Cup มา

โดยส่วนตัวคิดว่าปีนี้อาเซน่อล คงจะลุ้นในอันดับสี่เหมือนเดิม  ซึ่งคิดว่าน่าจะได้อันดับเดิมด้วยซ้ำ ดูจากฟอร์ม เชลซีแล้ว ไม่น่าพลาดแชมป์ ทีมแกแน่นจริง ๆ สำหรับ มูรินโย่ ซึ่งดูจะห่างจากทีมอื่นอยู่พอตัว แต่ก็ประมาท แมนซิตี้ ไม่ได้เหมือนกัน ถ้านักเตะแกเล่นฟอร์มดีกันทุกคนนี่ น่ากลัวสุด ๆ สำหรับ แมนซิตี้  ส่วนคู่แข่งที่คิดว่าน่ากลัวสำหรับการมาลุ้น แชมเปี้ยนลีค คิดว่าน่าจะเป็น แมนยู  เพราะเสริมทัพเข้ามาได้น่ากลัว ๆ มั๊ก ๆ ในปีนี้ แถมยังไม่ต้องไปเล่นถ้วยยุโรปอีกต่าง ๆ หาก ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสุด ๆ ซึ่งจากที่ได้สังเกตมานาน ทีมที่ไปเตะกลางสัปดาห์ จะกลับมาเล่นไม่ค่อยดีในวันเสาร์ อาทิตย์นั้น เนื่องจากต้องเดินทางด้วย คิดว่าทำให้เสียพลังไปเยอะกับการเตะกลางสัปดาห์ แต่สมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็สร้างทีมได้ 2 ทีมอยู่แล้ว คิดว่าไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรหากมีการสลับผู้เล่นกันบ้าง ยังไงปีนี้ ก็ยังต้องเชียร์หนัก ๆ กับอาเซน่อลเหมือนเดิม ส่วนตัวก็ยังหวังลึก ๆ ว่าจะมีโอกาสได้แชมป์กับเขาบ้างหลังจากห่างหายมาหลายปี

Book Review : Alex Ferguson My Autobiography

ถึงตัวเองจะไม่ได้เป็นแฟน แมนยู  แต่ก็สนใจหนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าจะออก ซึ่งตอนแรกนั้นได้ load ใน version ของ kindle มาแล้วอ่านไม่จบ เลยมาลองซื้อเล่มแปลไทยมาอ่าน ถือว่าเป็นหนังสือที่ให้ความรู้ในหลาย ๆ ทางมาก คือกว่า ป๋า แกจะผ่านความสำเร็จกับแมนยู มาขนาดนี้ เบื้องลึกเบื้องหลังนี่มีปัญหามากมาย ทั้งกับนักเตะ กับ ผู้บริหารสโมสรเอง เรามองจากภายในนอกในรอบสิบกว่าปีหลังนี่จะเห็นแต่ความสำเร็จของแมนยู แต่เราไม่รู้ว่าข้างในเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องภายในของแมนยู ในรอบสิบกว่าปีหลังนี้มา

ตัวหนังสือนั้นจะแบ่งเป็นบท ๆ กล่าวถึงเรื่องตั้งแต่ตอนป๋า แกเริ่มทำงาน ตั้งแต่อยู่ scotland คุมทีมเล็ก ๆ จนมาคุมทีม อเบอร์ดี คว้าแชมป์ลีก ได้ ก่อนจะถูกดึงมาสร้างทีมให้กับแมนยู และเกือบจะถูกไล่ออกในตอนแรก ๆ ที่ทำทีมไม่ได้แชมป์ รวมไปถึง การสร้างทีมจากเด็กในยุคที่ป๋าเรียกว่า class of 1992 ซึ่งมรดกที่หลงเหลือในปัจจุบัน คือ ไรอัน กิ๊กซ์ นั่งเอง รวมถึงปัญหากับนักเตะภายในทีม อย่าง เดวิด เบ๊คแคม , รอย คีน , เวย์ รูนนี่ย์  หนังสือเรื่องนี้อ่านดูแล้ว แสดงถึง พลังของความเป็นผู้นำของป๋า อย่างมาก ค่อนข้างเด็ดขาดกับการจัดการลูกทีม ไม่ให้ลูกทีมคนใด ใหญ่คับสโมสร  ไม่งั้นแกจะเฉดหัวออกจากทีมทันที่ ซึ่งผมมองว่า มันเป็น ศาสตร์ และ ศิลป์ ในการบริหารคน เช่นเดียวกับในองกรธุรกิจต่าง ๆ มันก็ต้องมีพวก star ทำตัวใหญ่คับองค์กร เรื่องนี้ได้เรียบรู้วิธีการบริหารคน บริหารทีมงาน  รวมถึงการบริหารเงิน ที่ทำให้แมนยูนั้น ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ อนาคตนั้น ก็ต้องดูกันต่อไปหลังจาก David Moyes มาคุมทีม

 

เก็บตกจากหนังสือ

  • ป๋าแกเกือบถูกไล่ออกตอนคุมแมนยูช่วงแรก ๆ เนื่องจากไม่ได้แชมป์อะไรเลย
  • ทีมที่ป๋าบอกว่าเป็นคู่แข่งที่เจ๋งที่สุด ที่คุมทีมมา คือ บาเซโลน่า ในยุค เป๊บ
  • ป๋าแกเคยเป็นเจ้าของผับด้วยตอนคุมทีมแรกๆ ในสก๊อตแลนด์
  • ป๋าเคยคิดจะวางมือ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2000 แต่เมียขอให้ทำงานต่อไป