เมื่อดาราสาวฮอลลีวูด ถูกคุกคามด้วย AI

จากข่าวที่มีภาพหลุดของ Gal Gadot นางเอกดังจากหนัง Wonder Woman เผยแพร่ออกไปทาง internet นั้นปรากฏว่า ใน video ดังกล่าวนั้นเป็นหน้าเธอก็จริง แต่ส่วนของร่างกายนั้นไม่ใช่เธออย่างแน่นอน โดยเป็นการใช้เทคนิคในการเปลี่ยนใบหน้าเธอ ให้เหมือนว่าเธอกำลังแสดงหนังโป๊อยู่ผ่านเทคนิคของ Machine Learning

ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนั้นทำโดยใช้ Machine Learning Algorithm ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้อย่างง่ายดายในปัจจุบัน เนื่องจากมีโครงการที่เป็น open source ให้เราสามารถ download มาใช้งานได้อยู่ทั่วไปใน internet  ซึ่งต้องบอกว่าบางครั้งสามารถที่จะหลอกคนทั่วไปได้เช่นกัน ในการสวมใบหน้าดารา เข้าไปในฉาก action ของหนังโป๊ ถ้าดูเพียงผ่าน ๆ ไม่ได้ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็มีโอกาสทำให้คนเชื่อได้เหมือนกัน

แต่ก็ต้องน่าตกใจไม่ใช่น้อยเมื่อผลงานดังกล่าวมาจากคนทำเพียงแค่คนเดียว ผู้ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘deepfakes‘ ใน เว๊บไซต์ชื่อดังอย่าง Reddit.com โดยเค้าใช้เพียง Open Source Machine Learning Tools อย่าง TensorFlow ซึ่ง google นั้นได้แจกฟรี เพื่อให้นักวิจัย หรือ นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่สนใจ Machine Learning จากทั่วโลกได้มาลองใช้กัน

Gal Gadot ดาราสาวจาก Wonder Woman ถูกคุกคามด้วย AI

Gal Gadot ดาราสาวจาก Wonder Woman ถูกคุกคามด้วย AI

ซึ่งต้องบอกว่ามีหลาย Tool ที่สามารถที่จะทำอย่างที่ Deepfakes ทำได้ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่นการใช้ Face2Face Tool ของ Adobe ซึ่งสามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน โดยสามารถที่จะทำได้แบบ Realtime ซึ่งรูปแบบ Fake Porn ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ในโลกที่ง่ายต่อการสร้างวิดีโอทำนองนี้ แม้ว่าพวกเค้าเหล่านั้นไม่เคยกระทำจริง ๆ ในโลกแห่งความจริงเลยก็ตาม ซึ่งถือว่าการพัฒนาของ Machine Learning นั้นทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายในการที่จะนำมาสร้างข่าวหลอกต่าง ๆ ได้ หากเราไม่พิจารณาให้ดีพอ (แต่จากที่ผมได้ทดลองไปส่องดูก็ถือว่าดูเนียนใช้ได้นะ) และมีดาราหลายคนโดนทำไปแล้ว ทั้ง Emma Watson , Scarlett Johansson , Aubrey Plaza หรือ แม้แต่น้อง Maisie Williams  (Arya Stark จาก Game of Thorones)

ต้องบอกว่าการทำ Fake Porn เหล่านี้ที่ใช้หน้าดาราหรือ เซเลป ดัง ๆ มาทำให้เป็นภาพโป๊เปลือยกายนั้น ถือว่าเป็นที่นิยมอยู่เหมือนกัน เพราะถึงขนาดที่ต้องมีการแยกหมวดหมู่ในเรื่องนี้แบบชัดเจนในเว๊บโป๊ชื่อดังหลาย ๆ เว๊บ และที่สำคัญ deepfakes นั้นก็ถือว่ากระแสตอบรับดีไม่ใช้น้อยใน Reddit ขณะนี้ เรียกว่ามีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นมามากมายจากการ post ของเขา

ใช้เทคโนโลยี opensource อย่าง Tensorflow with Keras

ใช้เทคโนโลยี opensource อย่าง Tensorflow with Keras ที่ทุกคนสามารถนำมาใช้งานได้

ซึ่งจากการ post ของ deepfakes นั้นหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าทำไม่ยาก เหมือนแค่เอาหน้าคนมาแปะใน video อย่างที่เราเคยเห็น ๆ มา แต่ deepfakes นั้นใช้ machine learning algorithm ในการ process ทั้งหมด โดยใช้ opensource library อย่าง Keras และ TensorFlow เป็นระบบ Backend โดยจะใช้ในการ compile เหล่าใบหน้าของ Celebrities ต่าง ๆ โดยข้อมูลที่เค้านำมา train นั้นนำมาจาก google image search , stock photos และใน youtube video โดยจะนำข้อมูลเหล่านี้มาทำการ train เพื่อสามารถจับภาพใบหน้าของเหล่า celebrities กับ หนังโป๊ ที่เค้าต้องการให้เหล่าใบหน้าของ celebrities มาสวมใส่ ซึ่งจะแตกต่างจากการใช้ video แบบตัดต่อที่เราเคยเห็นแบบทั่วไปในอดีต  หลังจากการ train เสร็จสิ้นนั้น เค้าก็สามารถที่จะสร้าง video fake porn ใหม่เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว

deepfakes นั้นไม่ใช่นักวิจัยที่ทำงานด้าน machine learning หรือเป็น expert ด้าน machine learning แต่อย่างใด แต่เป็นเพียง programmer คนนึงที่สนใจด้าน machine learning เท่านั้น ซึ่งเค้าได้ค้นพบวิธีง่าย ๆ ที่จะสามารทำเทคนิค face-swap ดังกล่าวได้ ซึ่งเค้านั้นได้ใช้ algorithm คล้าย ๆ กับ นักวิจัยจาก nividia ที่ใช้ deep learning ในการเปลี่ยน video ที่มี theme หน้าร้อน ให้กลายเป็น video ที่มี theme เป็นหน้าหนาวได้

ถึงแม้ว่าผลงานที่ post ของ deepfakes นั้นจะยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งสามารถที่จะมองออกได้ว่ามีมุมหรือเหลี่ยมปรากฏอยู่บนใบหน้า ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าเป็น fake porn video แต่หากมองผ่าน ๆ นั้นก็ทำให้น่าตกใจเหมือนกัน หากคนที่เสพข่าว online โดยไม่มาพิจารณาให้ละเอียด โดยเฉพาะในยุคนี้ที่คนชอบข่าวแนว clickbait ที่เป็นกระแส ซึ่งหากไม่มองให้ถี่ถ้วนนั้น ก็จะไม่รู้ว่าเป็น fake porn ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเหล่า celebrities เหล่านี้

ความเห็นที่น่าสนใจจาก Grace Evangeline ดารา Porn Movies รุ่นใหญ่

ความเห็นที่น่าสนใจจาก Grace Evangeline ดารา Porn Movies รุ่นใหญ่

ซึ่งมีความเห็นที่น่าสนใจของนักแสดงหนังโป๊ อย่าง Grace Evangeline ซึ่งให้ความเห็นไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความยินยอมจากเหล่า celebrities เหล่านี้ที่ถูกนำภาพมาเผยแพร่ ซึ่งการสร้าง fake porn เหล่านี้นั้นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากเหล่า celebrities นั้นเธอมองว่าเป็นเรื่องที่ผิด และไม่สมควรทำอย่างยิ่ง และความเห็นที่น่าสนใจจากอดีต ดาราหนังโป๊ อย่าง Alia Janine  ซึ่งเธอให้ความเห็นเกี่ยวกับ fake porn ไว้ว่า การทำ fake porn ลักษณะนี้นั้น แสดงให้เห็นว่าผู้ชายบางคน มองผู้หญิงเป็นเพียงแค่วัตถุที่พวกเขาสามารถที่จะบังคับหรือจัดให้ทำอะไรตามที่เค้าต้องการก็ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนเหล่านี้นั้นขาดความเคารพในตัวนักแสดงหนังโป๊ หรือ เหล่า celebrities ที่ถูกนำภาพเหล่านี้มาใช้งาน

การสร้าง Paul Walker ขึ้นมาใหม่ โดยใช้เทคนิคเดียวกันเหล่านี้

การสร้าง Paul Walker ขึ้นมาใหม่ ในหนัง Fast & Furious 7 โดยใช้เทคนิคเดียวกันเหล่านี้ เป็นการใช้ในทางสร้างสรรค์

อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะนำไปในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างการทำ fake porn แต่การพัฒนาของเทคนิคเหล่านี้นั้น เราก็ได้เห็นผู้ที่นำไปใช้ในทางที่ดีอย่างการสร้าง Paul Walkers ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว เหมือนชุบชีวิตเค้าขึ้นมาใหม่ในหนัง Furious 7 ซึ่งแม้เทคนิคเหล่านี้นั้นจะไม่ยากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเรียนรู้มากนัก ผมก็ยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นสามารถที่จะนำเอา Machine Learning ไปใช้ในทางที่ดีมากกว่า และสุดท้ายแล้วนั้น ถึงแม้สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะออกมาทั่ว internet ก็จะมีเหล่านักวิจัยที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมาตรวจจับเหล่า fake porn เหล่านี้ เพื่อกรองสิ่งที่เป็นของปลอม และช่วยควบคุมไม่ให้ปล่อยเหล่า video ที่มีการละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นออกไปได้ใน internet

References : motherboard.vice.com

 

Movie Review : Beauty and the Beast


Review

 

ต้องบอกตรง ๆ ว่าไม่ได้เป็นแฟนหนังการ์ตูนของ Walt Disney มาก่อนเลย และเนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังใหม่เรื่องดังเข้าฉาย จึงลองเข้าไปดู Beauty and the Beast ดู ซึ่งโดยส่วนตัวก็ได้ติดตามผลงานของ Emma Watson มาบ้างจาก Series ชุดดังอย่าง Harray Potter

สำหรับหนังเรื่องนี้นั้นก็มาจากการ์ตูนดังของ Walt Disney ที่เด็ก ๆ หลายคนน่าจะชอบ  (โดยส่วนตัวนั้นเคยดูผ่าน ๆ แต่ไม่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดซักเท่าไหร่)  สารภาพตามตรงว่าตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นหนังที่มีเพลงพูดประกอบคล้าย ๆ กับในละครเวที  ซึ่งตอนแรก ๆ นั้นมาถี่มาก นึกว่าจะกลายเป็นหนังแบบละครเพลงทั้งเรื่อง แต่ พอดู ๆ ไปก็มีการสลับกับฉากปรกติ ได้อย่างลงตัว และ การร้องเพลงประกอบนั้นก็ทำให้รู้สึกอินร่วมกับหนังมากยิ่งขึ้น

สำหรับเนื้อเรื่องแฟน ๆ การ์ตูนหลายคนคงจะพอรู้คร่าว ๆ กันอยู่แล้ว ว่ามีเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบยังไง แต่การนำมาเป็นทำเป็นหนังนั้นก็ให้อรรถรส อีกแบบนึงที่หาไม่ได้ในหนังสือการ์ตูนอย่างแน่นอน เรื่องนี้จะทำให้ใครหลายคนหลงรัก Emma Watson เพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการแสดงของเธอนั้นได้พัฒนาขึ้นไปมากจาก Series ดังอย่าง Harry Potter และความที่เธอเริ่มเข้าสู่วัยที่เป็นวัยรุ่นขึ้น และก่อนหน้านี้เธอก็ได้รับบทบาทที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้การแสดงของเธอนั้นพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน เรื่องนี้ดูไปแล้วก็จะยิ้มตามไปตลอดเรื่อง มีสอดแทรกใส่มุกตลกมาบ้างได้อย่างลงตัว รวมถึงความน่ารักของตัวประกอบต่างๆ  ที่เป็น CG ก็รวมกันได้อย่างลงตัว และต้องแอบเชียร์ The Beast ไปตลอดทั้งเรื่องว่าจะพิชิตใจ เบลล์  ( Emma) ได้อย่างไร

เรื่องนี้ก็เหมาะกับทุกวัย สามารถพาลูก ๆ ไปดูได้ คือถือเป็นหนังครบครัวที่น่าสนใจอีกเรื่องนึงที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

เก็บตกจากหนัง

  • Emma มีการพัฒนาทางด้านการแสดงที่ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
  • The Beast นั้นดูไม่โหดอย่างที่คิด CG ทำออกมาได้ดี
  • พาก์ย โดยตัวพ่อตัวแม่ของวงการทั้งสิ้น

คะแนน

9/10


สรุป
“เป็นหนังที่ผ่อนคลายดูแล้วจะยิ้มตามตั้งต้นจนจบเรื่อง”

Movie Review : Birdman


Review

เนื่องจากเพิ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Oscar 2015 มาหมาด ๆ สำหรับหนังเรื่องนี้ จึงไม่ควรที่จะพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวในอีกหลาย ๆ เรื่อง ๆ ของ series oscar 2015 ที่ผมได้พยายามทยอยเก็บในช่วงนี้

สำหรับ Birdman นั้นเป็นผลงานของผู้กำกับ  Alejandro Gonzalez Innaritu ผู้กำกับชาวสเปน ที่เน้นแนวหนัง indy ซะเป็นส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีการกำกับหนังใหญ่ที่ทำเงินได้เท่าไหร่นัก  ซึ่งเรื่องนี้ได้ดารานักแสดงนำชายคือ  Micheal Keaton  ที่หายหน้าหายตากับบทนำไปนานพอสมควรมารับบท Riggan ดารารุ่นใหญ่ผู้ตกอับจากผลงานการแสดงที่โด่งดังจากเรื่อง Birdman ในอดีต ร่วมด้วย Edward Norton ที่รับบท Mike ที่มาร่วมเป็นนักแสดงของ Riggan ในเรื่องนี้ รวมถึงได้นักแสดงดัง ๆ อย่าง Emma Stone , Naomi Watts เข้าร่วมด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้ถึงแม้จะเป็นแนวหนังที่ไม่หนังกระแสหลัก แต่ดาราที่เข้าร่วมงานนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่เสียดสี เรื่องราวของวงการ hollywood ได้เจ็บแสบเลยทีเดียวหนังมีการล้อเลียนตัวพระเอกในเรื่องอย่าง Micheal Keaton ซึ่งเคยโด่งดังจากภาพยนต์ชุุด Batman ใน สองภาคแรก คือ Batman ภาคแรกในปี 1989 รวมถึง Batman Returns ในปี 1992 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในการแสดงของ Micheal Keaton ทั้งในชีวิตจริง และที่หนังนำมาเสียดสีในเรื่อง Birdman เรื่องนี้โดยส่วนตัวชอบบทบาทการแสดงของ Edward Norton มาก เป็นตัวที่รับบทเด่นในหนังเรื่องนี้ ซึ่งช่วยส่งให้การแสดงของ Miceal Keaton นั้นโดดเด่นขึ้นมาเลยทีเดียว  เรื่องนี้เป็นหนังที่ถ้ามองดูให้ดี ๆ จะเสียดสีไปหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องของ Hollywood การแสดงต่อหน้าผู้ชม แต่พอลงเวทีก็กลายเป็นอีกเรื่องนึงไปเรย รวมถึงมีการเสียดสีสังคม รวมถึง social network ด้วย ตัวพระเอกนั้นไม่สนใจการเปลียนแปลงของโลกปัจจุบันและไม่ทราบถึง impact ของ social network ในปัจจุบันที่มีผลกระทบค่อนข้างสูงต่อดารา หรือ นังแสดงหรือนักกีฬาจำนวนมาก ซึ่งเนื้อเรื่องนั้นพยายามสื่อถึงการหลอนถึงภาพในอดีตที่เค้าโด่งดังจากการเป็น super star ของหนังเรื่อง Birdman ซึ่งเช่นเดียวกับชีวิตจริงของ keaton ที่แทบจะโด่งดังมาก ๆ จากหนังเพียงเรื่องเดียวคือ Birdman และก็ตกต่ำเรื่อย ๆ ทั้งในชีวิตจริงและในหนังเรื่องนี้

ส่วนสำคัญอีกอย่างของหนังเรื่องนี้การถ่ายทำแบบ long take และมีการตัดฉากได้เนียนมาก ซึ่งเมื่อดูในเรื่องนั้นแทบจะดูไม่ออกต้องถือว่าการตัดต่อของหนัง และการถ่ายทำแบบ long take ของหนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ต้องยกความดีให้ผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ ที่ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก และคิดว่าเป็นส่วนนึงที่ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่่สุดของ Oscar 2015 ในปีนี้

สรุปคือหนังเรื่องนี้ได้ให้หลายแง่มุมที่น่าสนใจของวงการ hollywood ซึ่งไม่ค่อยจะมีหนังเรื่องไหนได้ทำกันซึ่งถือว่า ได้สร้างความแปลกใหม่ และได้รสชาติใหม่ของการดูหนังได้อย่างดีเยี่ยม เรื่องนี้อาจจะดูยากนิดนึง แต่ถ้าทำความเข้าใจว่าผู้กำกับต้องการสื่อถึงอะไรนั้น ถือว่าเป็นหนังที่ประทับใจที่สุดเรื่องนึงของผมเลยทีเดียว

เก็บตกจากหนัง

  • หนังเรื่องนี้ต้องอ่านข้อมูลมาบ้างพอสมควรเพื่อให้เข้าใจว่าผู้กำกับต้องการเสียดสีเรื่องอะไรไว้บ้าง
  • ฉาก long take นั้นทำให้ดีมากจนต้องยกนิ้วให้
  • สำหรับ keaton นั้นก็ไม่ถึงกับแสดงได้ดีที่สุด ผมมองว่า edward norton นั้นแสดงได้ดีกว่า ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมถึงไม่ได้ดารานำชายยอดเยี่ยม แต่เสียดายตัว edward norton ที่น่าจะได้รางดาราสมทบชาย

คะแนน

9.5/10


สรุป
“เหมาะสมกับการเป็นภาพยนต์ยอดเยี่ยมของ Oscar 2015 ทุกประการ”