Geek Monday EP61 : Neural Link กับความคืบหน้าล่าสุดจาก Elon Musk

Elon Musk ได้ขึ้นเวทีที่สำนักงานใหญ่ของ Neural Link เพื่อเปิดเผยต้นแบบ V2 ของเครื่อง Neural Link ที่ได้มีการเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว

และการเปิดเผยครั้งสำคัญในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการ ปฏิวัติวงการแพทย์ เมื่อชิป ดับกล่าวจะสามารถ วัดอุณหภูมิ ความดัน และ การเคลื่อนไหวของผู้ป่วย ซึ่งอาจให้คำเตือบล่วงหน้าเกี่ยวกับ อาการหัวใจวาย หรือ โรคหลอดเลือดสมอง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่คร่าชีวิตของมนุษย์ในลำดับต้น ๆ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ 

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3jpyXv6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3lth6VY

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/JztCGywUueE

References : https://www.somagnews.com/elon-musk-introduced-neuralink-all-the-details/

Elon Musk กับการอัพเดทความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Neural Link

ถือเป็นการอวดผลงานครั้งสำคัญของสุดยอดนักประดิษฐ์ และ นักเทคโนโลยีอย่าง Elon Musk ที่มีการเปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการ Neural Link อินเทอร์เฟซระหว่างสมองและเครื่องจักรกล ที่จะปฏิวัติวงการ และเป็นก้าวที่สำคัญ ที่จะทำให้มนุษย์เราสามารถต่อสู้กับความสามารถของ AI ที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดย Elon Musk ได้ขึ้นเวทีที่สำนักงานใหญ่ของ Neural Link เพื่อเปิดเผยต้นแบบ V2 ของเครื่องต้นแบบที่มีการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยรุ่น V2 นี้จะบรรจุอิเล็กโทรดมากถึง 1,024 ตัว และจะแตะเพียงแค่ผิวเปลือนอกของสมองมนุษย์เพียงเท่านั้น

โดยอิเล็กโทรดเหล่านี้จะเชื่อต่อกับชิป “Link 0.9” ของ Neural Link ซึ่งเป็นชิปขนาด 23 มม. * 8 มม. ซึ่งจะเสียบเข้ากับรูเล็ก ๆ ที่เจาะเข้าไปในกะโหลดศรีษะของผู้ป่วย และเป็นตัวที่ใช้ในการรวบรวมสัญญาณ

โดยจะสามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วระดับ เมกะบิต ต่อ วินาที และด้วยแบตเตอรี่เทคโนโลยีใหม่ มีรายงานว่าสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้เต็มวัน และช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จไฟได้ในขณะนอนหลับ

และการเปิดเผยครั้งสำคัญในครั้งนี้ เรียกได้ว่า ปฏิวัติวงการแพทย์ เมื่อชิป ดับกล่าวจะสามารถ วัดอุณหภูมิ ความดัน และ การเคลื่อนไหวของผู้ป่วย ซึ่งอาจให้คำเตือบล่วงหน้าเกี่ยวกับ อาการหัวใจวาย หรือ โรคหลอดเลือดสมอง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่คร่าชีวิตของมนุษย์ในลำดับต้น ๆ

โดยในระหว่างการสาธิตนั้น Musk ได้เปิดเผยการทดลองกับ หมู 3 ตัว ได้แก่ Joyce , Gertrude และ Dorothy โดย Joyce นั้นไม่ได้รับการปลูกถ่าย ส่วน Dorothy นั้นได้รับการปลูกถ่าย และได้ถอดออกในภายหลัง ส่วน Gertrude นั้นได้รับการปลูกถ่าย และอุปกรณ์ Link ก็ยังฝังอยู่ในตัวของมัน

เพื่อทำการทดสอบเปรียบเทียบผลกระทับทั้งสามตัวอย่าง และเก็บข้อมูลเพื่อมาวิเคราะห์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ทำการทดลองในหนู และได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีเยี่ยม ที่ Musk เคยออกมากล่าวว่า “Link สามารถที่จะควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสมองได้”

การปลูกถ่ายไปยังสมองมนุษย์ | cr : cnet.com
การปลูกถ่ายไปยังสมองมนุษย์ | cr : cnet.com

ต้องบอกว่า ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของอุปกรณ์ Device ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับมนุษย์เราที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่ง ใน V2 ที่ Musk ได้ออกมากล่าวนั้น ต้องบอกว่ามันเหมือนกับอุปกรณ์อย่าง Fitbit ในกะโหลกศีรษะของมนุษย์เรา

แน่นอนว่าเป้าหมายแรกของ Elon Musk ก็คงเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย หรือ การทำการ Monitor สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย เพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้า จะดีแค่ไหน เมื่อ อุปกรณ์อย่าง Link สามารถแจ้งเตือนอาการ อย่าง โรคหัวใจวาย หรือ หลอดเลือดสมองตีน ให้เราเหมือนมีระบบ Notification บนมือถือ ที่ต้องบอกว่าโรคดังกล่าวนั้นได้คร่าชีวิต ผู้คนที่คุณรักแบบไม่ทันได้ตั้งตัวมาอย่างมากมาย

รวมถึงการช่วยเหลือ ผู้ป่วยพิการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายตา หรือ การได้ยิน ที่อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถที่จะมาช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Musk ก็ยังหวังว่า สุดท้ายแล้วจุสามารถยกระดับอุปกรณ์ดังกล่าว ให้สามารถอ่านจิตใต้สำนึกของมนุษย์ และทำให้เราสามารถสื่อสารกับเครื่องจักร หรือ AI ได้ โดยใช้เพียงแค่ความคิด หรือ ถึงขนาดที่ว่าในอนาคตเราสามารถที่จะบันทึก หรือ เล่นซ้ำ ความทรงจำเก่า ๆ เหมือนที่เราทำกับสื่อดิจิตอล ได้นั่นเอง

ต้องบอกว่า Elon Musk นั้นมองปัญหาใหญ่ ๆ ของโลกเราเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานทดแทน หรือ การเดินทางในอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างฝันของเขาให้สำเร็จขึ้นมาได้

และที่สำคัญ การหลอมรวมกันอย่างกลมกลืนของซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ วัสดุล้ำสมัย และประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ มันคือพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของ Elon Musk ที่ยากจะหาใครเทียบได้ในยุคปัจจุบัน 

ทั้ง SpaceX , Tesla , SolarCity หรือ โครงการล่าสุดอย่าง Neural Link นั้น เป็นบริษัทที่ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นมีหลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ Musk ก็ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือ ยากเย็นเพียงใด เขาก็สามารถทำมันให้เห็นผลเป็นประจักษ์ได้สำเร็จได้นั่นเองครับ และผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ..

References : https://www.newscientist.com/article/2253274-elon-musk-demonstrated-a-neuralink-brain-implant-in-a-live-pig
https://www.engadget.com/elon-musk-unveils-v-2-of-the-neuralink-brainmachine-interface-surgery-bot-231559145.html
https://www.cnet.com/news/elon-musks-neuralink-its-like-a-fitbit-in-your-skull/

Blastar กับการสร้างเกมครั้งแรกของ Elon Musk ในวัยเพียงแค่ 12 ขวบ

วันนี้คุณคงรู้จัก อีลอน มัสก์ ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง บริษัท เทคโนโลยีเช่น SpaceX และ Tesla ซึ่งลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของเรา

อีลอน มัสก์ ซึ่งชีวิตในวัยเด็กได้ส่งผลสำคัญต่อมัสก์ในวันนี้เป็นอย่างมาก แม้วัยเด็กของเขานั้นมันออกจะเป็นชีวิตที่น่าเบื่อ กับการใช้ชีวิตในแอฟริกา เขามักถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นอยู่เสมอ แต่มันไม่มีทางเลือกสำหรับเด็ก ที่ต้องตื่นเช้าและไปโรงเรียน และตัวเขาเองก็รู้สึกเกลียดชีวิตในวัยเด็กของตัวเองเป็นอย่างมาก

และมันได้ส่งผลต่อชีวิตในครอบครัวของเขา การที่เขาเป็นเด็กที่ฉลาดมาก บางครั้งทำให้ไม่ค่อยเชื่อฟังสิ่งที่พ่อแม่พูด เขามักจะถามหาเหตุผลในทุก ๆ เรื่อง คำว่า Why? นั้นคือประโยคที่เขามักพูดกับแม่เขาบ่อย ๆ เพราะเขาเป็นคนที่รู้เยอะมากจากการอ่าน

บางครั้งหากพ่อแม่สอนอะไรผิด ๆ เขาก็มักจะสวนกลับไปทันที และ ไม่มีท่าทีรดราวาศอก เขาจะเถียงจนกว่าแม่เขาจะยอมแพ้ไปเท่านั้น

จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ มัสก์ คือ การได้พบเจอกับโลกใหม่คือคอมพิวเตอร์ เขาได้พยายามสะสมเงินเพื่อซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเครื่องแรกของเขาอย่าง Commodore VIC-20 ซึ่งแน่นอนสำหรับเด็ก ๆ มันใช้สำหรับเล่นเกมส์นั่นเอง

มัสก์ ต้องการสร้างเกมส์ของตัวเอง เขาจึงได้พยายามเรียนรู้ที่จะทำการฝึกเขียนโปรแกรม เขาจึงได้ไปลงเรียนในคลาส computer programming

ซึ่งในปี 1983 ในขณะที่เขาอายุได้ 12 ปีนั้น เขาสามารถสร้างเกมส์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก และขายไปยัง นิตยสารที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้เงินถึง 500 เหรียญสหรัฐ เขาติดต่อผ่าน email ง่าย ๆ ไปยังนิตยสารเพื่อต้องการขายเกมส์ที่เขาสร้างขึ้นมา ซึ่งเกมส์แรกที่เขาสร้างขึ้นคือ “Blastar” 

Blastar เกมแรกที่่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของอีลอน มัสก์
Blastar เกมแรกที่่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของอีลอน มัสก์

มันเป็นการเอาแนวคิดเกมส์อาเขต ที่เขาชอบอย่าง Asteroids และ Space Invaders มารวมร่างกัน ซึ่งจากผลงานชิ้นแรก นั้นทำให้เขาเป็นที่ยอมรับจากนิตยสาร และเขาก็สามารถสร้างเกมส์อื่น ๆ ขายได้อีกในภายหลัง

ซึ่งมัสก์ ได้กล่าวถึงการสร้างเกมในวัยเด็กของเขา โดยเรียกมันว่า “เกมที่ไม่สำคัญ … แต่ดีกว่า Flappy Bird” และถึงแม้มันอาจจะขายดีมาก ๆ ก็ตาม ถึงกระนั้นเขาก็ได้รับค่าจ้างเพียงแค่ 500 เหรียญสหรัฐ แต่มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตเขา ก่อนที่จะก้าวไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่ามาก ๆ อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับ

References : https://www.pcgamesn.com/elon-musk-rocket-science-games-blastar
https://www.cnbc.com/2019/06/28/elon-musk-talks-about-how-video-games-got-him-hooked-on-programming.html
https://www.theverge.com/2015/6/9/8752333/elon-musk-blastar-pc-game

Elon Musk กล่าว “คนที่ไม่คิดว่า AI จะฉลาดกว่าพวกเขา เป็นคนโง่กว่าที่คิด”

Elon Musk CEO ของ Tesla กล่าวย้ำถึงข้อกังวลของเขาเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในวันพุธที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ผู้ที่ไม่เชื่อว่าคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เกินขีดความสามารถทางปัญญาของพวกเราได้ เป็นคนโง่กว่าที่คิด

Musk กล่าว “เราควรกังวลว่า AI กำลังจะก้าวไปถึงจุดไหน และคนที่คิดผิดมากที่สุดเกี่ยวกับ AI คือคนที่ฉลาดมาก ๆ เพราะพวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคอมพิวเตอร์จะฉลาดกว่าพวกเขา เป็นตรรกะที่โง่กว่าที่คิด

ก่อนหน้านี้ Musk ได้กล่าวว่าเขาเชื่อว่า AI ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อมนุษยชาติมากกว่าอาวุธนิวเคลียร์และเรียกร้องให้มีกฎระเบียบในการตรวจสอบในการพัฒนาเทคโนโลยี AI

“อันตรายของ AI นั้นใหญ่กว่าอันตรายจากหัวรบนิวเคลียร์เป็นอย่างมาก” Musk กล่าวในปี 2018 “ไม่มีใครในโลกนี้อยากให้โลกสร้างหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นมาเพิ่มอีก : แต่ AI จะอันตรายยิ่งกว่านิวเคลียร์ “

Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ไม่เห็นด้วยกับ Musk และกล่าวว่า AI มีประโยชน์มากมาย ทั้งการปรับปรุงการดูแลสุขภาพ และสามารถลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะที่เห็นว่า Musk นั้นมอง AI ในแง่ร้ายมากเกินไปเกี่ยวกับ AI

สำหรับโดยส่วนตัวนั้น ก็ถือว่า ติดตามเทคโนโลยีด้าน AI มาอยู่ตลอดเป็นเวลาหลายปี และใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการทำงานด้วย ต้องบอกว่าความเห็นส่วนตัวนั้น ค่อนข้างที่จะเห็นด้วยกับ Elon Musk

จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ผมมองเห็นน่าจะเป็นการสร้าง Alpha Go ที่เอาชนะแชมป์โกะโลกได้ ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ ที่ IBM เคยเอาชนะแชมป์หมากรุกโลกได้นั้น ถือเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไปเลย เมื่อเทียบกับเกมส์โกะ เพราะเกมส์โกะ เป็นเกมส์ที่มีความน่าจะเป็นในกระดานสูงมาก และต้องคิดแบบหลายชั้น

ซึ่งการที่ AI สามารถเอาชนะขีดจำกัดในข้อนี้ของมนุษย์ได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เราต้องลองจินตนาการว่า หาก Alpha Go สามารถเอาชนะแชมป์โลกโกะ ได้ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ AI สามารถเรียนรู้การทำงานของมนุษย์ และรู้ถึงจุดอ่อนของมนุษย์เราได้

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือการเกิดขึ้นของ Alpha Go
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือการเกิดขึ้นของ Alpha Go

ต่อจากนี้เราก็อาจจะได้เห็น Alpha Go ในทุก Domain เลยก็ว่าได้ลองจินตนาการว่า  หมอที่เก่งที่สุดในโลกในด้านที่ AI สามารถจำลองการทำงานได้ เช่น รังสีแพทย์ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลจากการถ่าย X-RAY ไม่ว่าจะเป็น Ultrasound , MRI , CT-Scan เพื่อใช้ในการวิเคราะห์โรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งหมอเล่านี้นั้น ต้องใช้การเรียนรู้ + ประสบการณ์ในการ วิเคราะห์ภาพที่ได้จากเครื่อง X-RAY ชนิดต่าง ๆ ซึ่ง ไม่ยากเลยสำหรับ AI ที่จะเรียนรู้แบบหมอได้

และเทคโนโลยีปัจจุบันนั้น คิดว่า สมมติว่ามีการแข่งขัน ให้หมอที่เทพที่สุดด้านนี้ มาแข่งกับ AI ผลน่าจะไม่ต่างจากเกมส์โกะ ที่สามารถเอาชนะแชมป์โลกไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็อยู่ที่ว่ามนุษย์เรานั้นจะสามารถยอมรับได้หรือไม่ หากต่อไป นั้น เราจะถูกวินิจฉัยโดย AI ซึ่งไม่ใช่หมอ

เช่นเดียวกับ ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะยอมรับได้มั๊ยว่า รถแบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น จะเป็นรถปรกติที่วิ่งบนถนนเดียวกับเรา ซึ่ง ยังไงอัตรการเกิดอุบติเหตุจาก AI เหล่านี้ ก็น่าจะน้อยกว่ามนุษย์อยู่แล้ว เพราะความแม่นยำที่สามารถตรวจสอบได้ และขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างของมนุษย์นั้น จะไม่สามารถทำงานได้เทียบเท่า AI อีกต่อไป

แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ???

References : https://www.businessinsider.com/elon-musk-smart-people-doubt-ai-dumber-than-they-think-2020-7

Neuralink กับการช่วยให้คุณสามารถสตรีมเพลงไปยังสมองของคุณได้โดยตรง

Neuralink อีกหนึ่งบริษัท Startup ของ Elon Musk กำลังทำงานบนอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์กับสมองที่จะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถสตรีมเพลงไปยังสมองของพวกเขาได้โดยตรง

Musk ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของทั้ง SpaceX และ Tesla จะมีการเปิดเผยข้อมูลใหม่ครั้งใหญ่เกี่ยวกับ Neuralink ในเดือนหน้า แต่เขาก็ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนทาง Twitter ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

การตอบสนองต่อนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง Austin Howard ที่กล่าวว่า Musk ยืนยันว่าเทคโนโลยีของ Neuralink จะช่วยให้ผู้คน “ฟังเพลงโดยตรงจากชิปของเรา”

เขายังกล่าวอีกว่า Neuralink “สามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและใช้มันเพื่อประโยชน์ของมนุษย์เราในด้านอื่น ๆ เช่น เพิ่มความสามารถและการใช้ในการบรรเทาความวิตกกังวล ฯลฯ”

นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 Neuralink จัดงานนำเสนอครั้งสำคัญ เพียงแค่ครั้งเดียวเกี่ยวกับการทำงานของเทคโนโลยีของบริษัทใหม่แห่งนี้

Musk กล่าวในงานปี 2019 ว่า บริษัท กำลังทำงานกับอุปกรณ์แบบใหม่ ที่จะทำให้สามารถเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างคอมพิวเตอร์และชิปที่แทรกอยู่ในสมองของเรา

เทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคสมอง เช่น พาร์กินสัน แต่เป้าหมายสูงสุดของ Neuralink คือการทำให้มนุษย์สามารถแข่งขันกับปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงได้ในอนาคตนั่นเอง เขากล่าว

กระบวนการของการติดตั้งชิปจะคล้ายกับการผ่าตัดด้วยเลเซอร์เลสิก

โดยส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีนี้จะเกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ศัลยกรรมประสาท ซึ่งเหมาะกับความยืดหยุ่นในการฝังเข้าไปในสมองที่เชื่อมต่อกับชิปคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมาก ๆ

ชิปใหม่ที่จะ Stream เพลงเข้าสู่สมองได้โดยตรง
ชิปใหม่ที่จะ Stream เพลงเข้าสู่สมองได้โดยตรง

รายงานการวิจัย ที่แสดงรายละเอียดอุปกรณ์ อ้างว่าสาย USB-C เพียงเส้นเดียวจะสามารถ“ สตรีมมิ่งข้อมูลแบบเต็มแบนด์วิดท์” ไปยังสมอง

Neuralink มีการประกาศรับสมัครงาน 11 รายการบนเว็บไซต์ของ บริษัท ซึ่งมีทั้งตำแหน่งวิศวกรเครื่องกล วิศวกรซอฟต์แวร์ วิศวกรด้านหุ่นยนต์ และ “ช่างทางด้านเทคนิค”

ในช่วงสุดสัปดาห์ Musk ได้ทวีตรับสมัครงาน โดยขอให้คนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาร่วมงานกับเขา

“ หากคุณเคยแก้ไขใหญ่ ๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์ / อุปกรณ์สวมใส่ (ส่วนของการประมวลผลสัญญาณ การชาร์จ การจัดการพลังงาน ฯลฯ ) โปรดพิจารณาการทำงานที่ [Neuralink]” เขาทวีต

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Musk พูดเป็นนัย ๆ ว่าชิป ของ Neuralink จะสามารถรักษาอาการซึมเศร้าและการติดยาเสพติดได้โดยการ train ส่วนของสมองที่รับผิดชอบต่อความทุกข์เหล่านี้

การทดลองได้ดำเนินการกับสัตว์แล้ว และการทดลองในมนุษย์มีกำหนดเริ่มต้นในปีนี้ แต่รายละเอียดยังไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมจะถูกประกาศวันที่ 28 สิงหาคม ที่จะถึงนี้

ถือเป็นโครงการลับที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Neuralink ที่ Musk เข้ามาทุ่มเทให้อีกงาน โดยโปรเจคก่อนหน้าทั้ง SpaceX , Tesla หรือ SolarCity นั้น เป็นบริษัทที่ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล

ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นมีหลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่มัสก์ ก็ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือ ยากเย็นเพียงใด เขาก็สามารถทำมันให้เห็นผลเป็นประจักษ์ได้สำเร็จ

เขาจับอุตสาหกรรมอย่างยานอวกาศ และ รถยนต์ ที่อเมริกาเหมือนจะถอดใจไปแล้ว และพลิกโฉมจนมันกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้สำเร็จ ซึ่งหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้คือทักษะของมัสก์ในฐานะผู้สร้างซอฟต์แวร์และความสามารถในการประยุกต์มันเข้ากับเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และแน่นอนว่า Neuralink จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราจะตะลึงกับภาพความฝันนี้ที่ Musk จะทำให้มันกลายเป็นจริงอีกครั้งอย่างแน่นอนนั่นเองครับ

References : https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/elon-musk-neuralink-brain-computer-chip-music-stream-a9627686.html
https://www.biorxiv.org/content/10.1101/703801v4
https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/elon-musk-brain-chip-neuralink-depression-addiction-a9612931.html