Movie Review : Doctor Sleep ลางนรก

หลังที่ได้ย้อนกลับไปดู ความสยองขวัญของ The Shining ที่ผมได้รีวิวไปก่อนนี้นั้น ก็ทำให้ผมค่อนข้างตั้งความไว้กับภาคต่ออย่าง Doctor Sleep ค่อนข้างสูง แถมภาคใหม่นี้ยังได้ ผู้กำกับและเขียนบทอย่าง ไมค์ ฟลานาแกน ที่เคยฝากผลงานสุดสะพรึ่งที่ผมประทับใจมากใน Series อย่าง The Haunting of Hill House ใน Netflix

โดยในภาค ใหม่ “Doctor Sleep” จะเป็นเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ใน The Shining ในอีก 40 ปีถัดมาจากเหตุการณ์สยอง ณ โรงแรมโอเวอร์ลุค ที่ยังคงทำให้แดน (รับบทโดย ยวน แม็คเกรเกอร์ ) รู้สึกหวาดกลัวจนถึงทุกวันนี้

แดนพยายามหาวิธีให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่สุด แต่ความสงบสุขนั้นกลับพังทลายลงเมื่อแดนได้เจอกับ แอบรา หญิงสาวจิตใจกล้าหาญเจ้าของพลังวิเศษเรียกว่า “ไชน์” ที่เดินทางออกตามหาแดนเพื่อขอความช่วยเหลือให้ร่วมต่อสู้กับ โรส เดอะ แฮท (รับบทโดย  รีเบคก้า เฟอร์กูสัน ) ผู้เหี้ยมโหด และเดอะ ทรู น็อต กลุ่มลัทธิคัลต์ลูกสมุนของเธอ ที่ออกตามล่าเด็กผู้บริสุทธิ์เพื่อชีวิตอมตะของตัวเอง

จากคนแปลกหน้ากลายเป็นพันธมิตร ในระหว่างที่แดนและแอบราต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอันตรายในสงครามใหญ่กับโรส จิตใจอันบริสุทธิ์และกล้าหาญของแอบรากลับปลุกพลังลึกลับภายในตัวของแดนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่นั่นทำให้เหล่าภูติผีวิญญาณร้ายในอดีตฟื้นคืน และทำให้แดนต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวอีกครั้ง

จะเห็นได้ว่า จากเรื่องย่อที่เล่ามานั้น มันดูเหมือนว่า Doctor Sleep จะกลายเป็นหนังในแนวที่แตกต่างจาก The Shining อย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในประเภทเดียวกัน (หนังสยองขวัญ) ก็ตาม เพราะการเข้ามาของ โรส เดอะ แฮท นี่เองที่ทำให้ Doctor Sleep เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่า เมื่อดูจบ ความสยองขวัญสั่นประสาท มันเทียบไม่ได้กับภาคแรกเลยด้วยซ้ำ เพราะ Doctor Sleep มันกลายเป็นหนังสไตล์ ฮีโร่ เสียอย่างงั้น การสู้กันด้วยพลังจิต หรือพลังวิเศษนั้น ทำให้ผมนึกถึงหนังจำพวก X-men เสียมากกว่า เข้าใจว่าทำเพื่อการเพิ่มฐานแฟน ๆ ให้มากขึ้น

ด้วยความยืดยาวของหนังกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งนั้น เป็นอะไรที่ยาวเกินไป เพราะ 2 ชั่วโมงแรก เป็นการดำเนินเรื่องที่แทบจะไม่มีอะไร มาสนุกจริง ๆ ก็ตอนครึ่งชม.สุดท้ายเพียงเท่านั้น ซึ่งความเห็นส่วนตัว ควรจะตัดหนังให้มันกระชับมากกว่านี้

และส่วนที่ดูแปลก ๆ อย่างยิ่งคือ การพยายามยัดซาวด์แบบเดิม ๆ เข้ามาในหนังยุคนี้ ซึ่งมันมันดูไม่เข้ากันเลย เพราะ เป็นหนังคนละสไตล์อย่างที่ผมได้กล่าวไป ซาวด์แบบเดิมนั้น มันเหมาะกับ The Shining มากกว่า ไม่เหมาะมาใช้ในหนังเรื่องนี้เลย ทำให้ความรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล

สรุปก็คือสำหรับคนที่ได้ดู The Shining มาแล้วมาดูภาคนี้นั้น อาจจะทำให้คุณผิดหวังได้ แต่หากดูแบบไม่รู้อะไรเลย ก็อาจจะสนุกในแบบของหนังพลังจิตทั่วไป ที่ไม่ค่อยสยองขวัญเท่าที่เราได้คาดหวังไว้ มันคือหนัง mass ดี ๆ นี่เอง แค่มาเพิ่มความสยองขวัญในตอนท้ายเรื่องเพียงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเพียงเท่านั้น สำหรับความเห็นส่วนตัว ถือเป็นภาคต่อที่น่าผิดหวัง แม้จะดูสนุก แต่มันไม่ใช่หนังสยองขวัญ คลาสสิก เหมือน The Shining ตามที่ผมคาดหวังไว้นั้นเองครับ

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol