รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ไม่พอใจต่อการเรียกร้องของ IMF ให้เลิกใช้ Bitcoin

รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ออกมาปฏิเสธคำแนะนำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ที่ให้ยกเลิก Bitcoin เป็นเงินที่ถูกกฎหมายในประเทศของพวกเขา

Alejandro Zelaya รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวอย่างโกรธจัดว่า “ไม่มีองค์กรระหว่างประเทศใดที่จะบังคับให้เราทำสิ่งใดๆ ได้เลย”

Zelaya บอกสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า Bitcoin เป็นเรื่องของ “อำนาจอธิปไตย” ในประเทศของเขาเท่านั้น

“ประเทศต่างๆ เป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย และพวกเขาตัดสินใจโดยใช้อำนาจอธิปไตยที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะของประเทศ” เขากล่าว

กองทุนการเงินระหว่างประเทศกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเอลซัลวาดอร์ได้สร้างความสูญเสียให้กับกองทุนทรัสต์มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ที่สร้างขึ้นเพื่อทำการเข้าซื้อสกุลเงินดิจิทัล และส่งคืนกองทุนที่ไม่ได้ใช้เหล่านั้นไปยังคลัง

หน่วยงานอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคา Bitcoin และความเป็นไปได้ของอาชญากรที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล หลังจากที่มูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากนั้นราคาของ Bitcoin ก็ดิ่งลงเหวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

Zelaya กล่าวว่าเอลซัลวาดอร์ได้ปฏิบัติตามกฎการทำธุรกรรมทางการเงินและการฟอกเงินทั้งหมด

กองทุนทรัสต์มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุญาตให้แปลง Bitcoin เป็นดอลลาร์สหรัฐโดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นสกุลเงินอื่นของเอลซัลวาดอร์โดยทำเพื่อสนับสนุนให้ผู้คนระมัดระวังการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศยังแนะนำให้ยกเลิกข้อเสนอแจกเงิน 30 ดอลลาร์ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนเริ่มใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล Chivo และเพิ่มกฎระเบียบของกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อปกป้องผู้บริโภค แนะนำว่าอาจมีประโยชน์ต่อการใช้ Chivo และแนะนำให้ใช้เฉพาะดอลลาร์ ไม่ใช่ Bitcoin

“ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ต้นทุนที่แท้จริงของการนำ Chivo และการดำเนินการตามกฎหมาย Bitcoinจะเปิดเผยตัวเลขที่มากกว่าผลประโยชน์ที่เอลซัลวาดอร์คิดว่าจะได้รับจากมันจริง ๆ ” รายงานกล่าว

ประธานาธิบดี Nayib Bukele แห่ง ซัลวาดอร์ ปฏิเสธคำแนะนำของ IMF เกี่ยวกับ Bitcoin

เจ้าหน้าที่ของรัฐบอกกับ IMF ว่าการเปิดตัว Chivo ได้เพิ่มการบริการทางการเงินของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ดึงดูดผู้คนนับล้านที่ก่อนหน้านี้ไม่มีแม้กระทั่งบัญชีธนาคารเข้าสู่ระบบการเงิน พวกเขายังพูดถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคู่ขนานที่กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin

รัฐบาลไม่เห็นความจำเป็นในการลดขอบเขตของกฎหมาย Bitcoin แต่กฎระเบียบที่ตกลงกันไว้สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศของพวกเขาได้

Bukele เป็นผู้นำในการผลักดันให้นำ Bitcoin มาใช้เป็นเงินที่ถูกกฎหมายควบคู่ไปกับดอลลาร์สหรัฐ สภานิติบัญญัติของเอลซัลวาดอร์ทำให้ประเทศเป็นประเทศแรกที่ทำเช่นนั้นโดยเริ่มในเดือนมิถุนายนปี 2021 ที่ผ่านมา และกฎหมาย Bitcoin มีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน

References : https://markets.businessinsider.com/news/currencies/bitcoin-price-outlook-el-salvador-president-nayib-bukele-gigantic-increase-2022-1
https://abc17news.com/news/ap-national-business/2022/01/31/el-salvador-angrily-rejects-imf-call-to-drop-bitcoin-use
https://abcnews.go.com/International/wireStory/el-salvador-angrily-rejects-imf-call-drop-bitcoin-82588223

Cryptocurrency กับทางเลือกสุดท้ายของวิกฤติการเงินที่ล่มสลายของอัฟกานิสถาน

การเข้ายึดครองประเทศของกลุ่มตอลิบาน ทำให้ระบบการเงินธนาคารของอัฟกานิสถานกำลังล่มสลาย และผู้คนกว่า 39 ล้านคนทั่วประเทศกำลังขาดแคลนเงินในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน

ผู้บัญชาการของกลุ่มตอลิบานสั่งให้ธนาคารของประเทศปิดทำการเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะเป็นมาตรการชั่วคราว แต่ก็ถูกมองว่า อาจจะทำลายระบบการธนาคารที่มีความเปราะบางของประเทศได้เลย

หลังการถูกยึดครอง เงินช่วยเหลือต่าง ๆ ก็ถูกระงับ IMF ปฏิเสธที่จะปล่อยเงินจำนวนมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เดิมถูกกำหนดไว้สำหรับช่วยเหลือประเทศอัฟกานิสถาน

ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มเงินช่วยเหลือต่าง ๆ จากต่างประเทศนั้น ต้องการรอดูท่าทีของกลุ่มตอลิบาน ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบไหนขึ้นมา เพราะการอัดเงินไปตอนนี้มันเป็นความเสี่ยงต่อการสูญเปล่า

และยังรวมถึงบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Western Union และ MoneyGram ได้หยุดทำธุรกิจในอัฟกานิสถาน และจำกัดการชำระเงินในต่างประเทศ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแหล่งเงินสนับสนุนหลักสำหรับชาวอัฟกานิสถานจำนวนมาก

ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจที่่ด้อยพัฒนา เช่น อัฟกานิสถานแล้วนั้น ต้องบอกว่า มันเป็นผลกระทบที่สำคัญมาก ๆ ต่อผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กหลายล้านรายในประเทศ

ระบบธนาคารของอัฟกานิสถานอยู่ในภาวะล่มสลาย

ก่อนหน้านี้ อัฟกานิสถานได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศมานานหลายปี เพื่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ

มีรายงานจากเว็บไซต์ India TV ที่รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ธนาคารในอัฟกานิสถาน ไม่มีเงินสดอยู่ในตู้ ATM และธนาคารก็ไม่ได้เปิดดำเนินการ รวมถึงสำนักงานของ Western Union ก็ปิดทำการ”

หรือแม้กระทั่งมีรายงานว่า Ajmal Ahmady รักษาการผู้ว่าการธนาคารกลางของอัฟกานิสถาน ได้เผ่นหนีออกจากประเทศไปแล้ว

Ajmal Ahmady รักษาการผู้ว่าการธนาคารกลางของอัฟกานิสถาน ได้เผ่นหนีออกจากประเทศ (CR:wikipedia)
Ajmal Ahmady รักษาการผู้ว่าการธนาคารกลางของอัฟกานิสถาน ได้เผ่นหนีออกจากประเทศ (CR:wikipedia)

นั่นทำให้ระบบธนาคารของอัฟกานิสถานนั้นอยู่ในภาวะล่มสลาย และผู้คนทั่วประเทศกำลังขาดแคลนเงิน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลมาจากความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศ ในการแบนกลุ่มตอลิบาน แต่มันทำให้ผู้คนชาวอัฟกันจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการที่สำคัญได้

การช่วยเหลือด้วย Cryptocurrency เป็นทางออกที่เป็นไปได้

ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง Airbnb, Walmart , Verizon และอื่น ๆ กำลังเสนอความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันหลายหมื่นคน สถานการณ์ทางการเงินในประเทศก็ยังไม่มีวี่แววที่จะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้

การแบนด้านการเงินกับกลุ่มตอลิบาน ประชาคมระหว่างประเทศทำเพื่อป้องกันไม่ให้เงินช่วยเหลือประเทศจำนวนมาก ถูกใช้เพื่อเป็นทุนในกิจกรรมการก่อการร้าย

นั่นทำให้มันเหลือทางเลือกไม่มากนักสำหรับชาวอัฟกันในการทำการค้า การโอนเงิน การชำระสินค้า และบริการที่สำคัญ

ก่อนหน้านี้ Asef Khademi ซึ่งได้เคยทำงานเพื่อปรับปรุงระบบการเงินของประเทศให้ทันสมัย

Khademi ใช้เวลาสามปีครึ่งที่ผ่านมาทำงานให้กับโครงการที่ได้รับทุนจากนานาชาติเพื่อนำสกุลเงินดิจิทัล และการธนาคารมาสู่ชีวิตของผู้คนในอัฟกานิสถาน

โดยระบบการชำระเงินของอัฟกานิสถานหรือ APS นั้น ได้ถูกสร้างขึ้น และได้รับเงินทุนจากธนาคารโลก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของธนาคารกลางของอัฟกานิสถานเมื่อสองปีที่ผ่านมา

แต่การบุกเข้ายึดเมืองหลวงอย่างคาบูล ทำให้ Khademi กลายเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องซ่อนตัวอยู่ในกรุงคาบูล และต้องการออกจากอัฟกานิสถานให้เร็วที่สุด เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของกลุ่มตอลิบานเช่นเดียวกัน

Asef Khademi ผู้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินแบบดิจิทัล ก็ต้องหนีตายเช่นเดียวกัน (CR:Linkedin)
Asef Khademi ผู้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินแบบดิจิทัล ก็ต้องหนีตายเช่นเดียวกัน (CR:Linkedin)

“เราหวังว่าความพยายามของเราจะได้ผล” Khademi กล่าวทั้งน้ำตา “ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำมาตลอดสามปีจะไร้ประโยชน์ ทุกสิ่งที่เราทำ ก่อนหน้านี้มันดูเหมือนความฝัน แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นจริงได้อีกแล้ว”

Lennix Lai ผู้อำนวยการตลาดการเงินที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล OKEx ได้กล่าวว่า “ชาวอัฟกัน ต้องการ Cryptocurrency เพื่อใช้ในการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้เราเห็นทราฟฟิกที่เกี่ยวข้องกับ Crypto ในอัฟกานิสถาน ที่คนเริ่มมองหา Bitcoin หรือ Ethereum พุ่งสูงขึ้น”

Lai ได้กล่าวว่า Crypto นั้นได้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่เคย ซึ่งทาง Lai เองก็ได้รับคำขอร้องจากหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายทั่วโลกตลอดเวลา รวมถึงในสหรัฐอเมริกาเองด้วย

เพราะ Crypto เองก็มีประวัติในเรื่องการถูกนำเงินไปใช้ในเรื่องผิดกฏหมาย ไมว่าจะเป็นยาเสพติด หรือ การฟอกเงินต่าง ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และตอนนี้สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ กำลังถูกมองว่า จะมาใช้สำหรับการก่อการร้ายในอนาคตได้นั่นเองครับผม

References : https://www.technologyreview.com/2021/08/20/1032344/afghanistan-cash-crisis-digital-money/
https://twitter.com/aahmady/status/1427883009164955649?s=20
https://www.buzzfeednews.com/article/clarissajanlim/gofundme-fundraiser-afghanistan-queer-trans
https://www.pymnts.com/news/international/2021/afghanistan-crisis-military-monetary-banks-closed-atms-empty/

Crypto ATMs กับอนาคตการแทนที่ตู้ ATM แบบเดิม ๆ

จำนวนตู้เอทีเอ็ม Bitcoin ( BTMs ) ทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วโลกมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นถึง 5,000 เครื่อง เป็นครั้งแรกจากการตรวจสอบของ CoinATMRadar ที่มีการยืนยันเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากสถิติล่าสุดขณะนี้มี 5,006 BTM เครื่อง อยู่ใน 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเหล่าผู้ใช้งาน cryptocurrency สามารถซื้อหรือขาย bitcoin ( BTC ) โดยที่เครื่องบางเครื่องนั้นสามารถให้บริการทั้งสองอย่างได้พร้อมกัน 

จากข้อมูลนั้นจะแสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาการเติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจของ BTM โดยที่ประเทศสหรัฐฯเป็นผู้นำเทรนด์เนื่องจากมีสถานที่ที่รองรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลดิจิตอลทั้งหลายและสกุลเงินรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ 

ซึ่งเพียงในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้เห็นการติดตั้งตู้ BTM ทั้งหมด 150 เครื่อง เฉลี่ยโดยประมาณ 6 เครื่องต่อวัน เมื่อไม่นานมานี้บริษัท General Bytes ได้ก้าวเข้าสู่วงการการเงินดิจิตอลโดย Genesis Coin ในฐานะผู้ผลิตเครื่องที่มีจำนวนตู้ BTM มากที่สุด

ตามที่ Cointelegraph รายงานในปี 2019 ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเพียงรุ่น BTM แบบ ‘คลาสสิค’แบบเดิม ๆ เท่านั้น ที่กำลังขยายตัว แต่ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึง วิธีการอื่นในการซื้อขาย BTC ซึ่งในข้อตกลงก่อนหน้านี้ บริษัทสร้างตู้หยอดเหรียญอย่าง Coinstar นำเสนอฟังก์ชั่นของ bitcoin ไปแล้วกว่า 2,200 แห่งทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา 

ในประเทศสหรัฐนั้นปัจจุบันมี BTMS มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนเครื่องทั้งหมดทั่วโลกและยังมีโครงการนำร่องใหม่ในเดือนนี้ที่จะมีการนำเครื่องมาเปิดบริการในร้านค้าสะดวกซื้อในรัฐแอริโซนาและเนวาดา

“ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับองค์กรที่มีชื่อเสียงอย่าง Circle K” Marc Grens ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งผู้ให้บริการเข้ารหัสดิจิตอล DigitalMint กล่าวในการแถลงข่าววันที่ 20 มิถุนายน 

“ การเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้เป็นการเปิดประตูสำหรับการขยายการเข้าถึง Bitcoin ไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั่วโลก”

การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด BTM มีแนวโน้มที่จะลดค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบริการบนโลกออนไลน์อย่างเห็นได้ชัด 

References : 
https://cointelegraph.com/news/there-are-now-more-than-5000-bitcoin-atms-around-the-world

Geek Monday EP9 : Libra Coin กับอนาคตของ Facebook

Facebook จากเดิมที่เป็นเพียงแค่บริษัทยักษ์ใหญ่ ทางด้านเทคโนโลยี ตอนนี้กำลังคิดการณ์ใหญ่ เพื่อที่จะมุ่งเป็นมหาอำนาจทางการเงิน

ด้วยจำนวนประชากรของ Facebook ที่มีอยู่อย่างมหาศาลกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก
ซึ่งมากกว่าประชากรใน สหรัฐอเมริกาและจีนรวมกันเสียอีก เราน่าจะพอเห็นภาพว่า Facebook มีศักยภาพขนาดไหนในการสร้างอาณาจักรหรือประเทศออนไลน์ของตนเอง

และที่สำคัญเหล่าร้านค้าและผู้บริโภคนั้นก็พร้อมที่จะปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่า สกุลเงินดิจิตอลนั้นทำให้ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ลดลงไปอย่างแน่นอน  ดังนั้นการมาของ Libra Coin ของ Facebook ครั้งนี้ ก็คงไม่ต่างกัน หากมันมีประโยชน์ คนจะใช้มันอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น ก้าวย่างครั้งนี้ของ Facebook นั้นคงมีเพียงแค่เป้าหมายเดียวเท่านั้น คือการทำให้ Libra Coin สกุลเงินดิจิตอลของ Facebook นั้น กลายเป็นสกุลเงินออนไลน์อันดับ 1 ของโลกอย่างแน่นอน

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep9-libra-coinfacebook/

ฟังผ่าน Spotify :
 https://open.spotify.com/episode/6xqblcq4HXIG7SGpie7pqy

Digital ‘dress’ เมื่อ Blockchain บุกวงการแฟชั่น

สำหรับคนที่เคยซื้อเสื้อผ้าเป็นหลักเพื่อสร้างความประทับใจให้เพื่อนออนไลน์ของคุณโดยการถ่ายรูปอวดผ่าน Social ? ตอนนี้คุณอาจได้รับโอกาสพิเศษในการซื้อเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวที่มีอยู่ในโลกออนไลน์

Startup ชาวดัตช์ The Fabricant, Dapper Labs และ Johanna Jaskowska ได้ออกวางจำหน่ายชุด Iridescence ในราคา 9,500 เหรียญสหรัฐใน Blockchain  โดยมันจะไม่เหมือนกับการซื้อเครื่องแต่งกายในวิดีโอเกม

แต่ผู้สร้างจะ ‘ปรับแต่ง’ ส่วนต่าง ๆ ให้คุณโดยอิงจากรูปถ่ายของคุณ ซึ่งในฐานะที่เป็นมันเป็นสินทรัพย์รูปแบบเดียวกับ Blockchain  และสร้างเอกลักษณ์แบบใหม่ให้มูลค่าแบบเดียวกับตระกูลเงินดิจิตอล cryptocurrency 

โดยมีการขึ้น Model ในรูปแบบ 2D แบบที่ใช้สำหรับเสื้อผ้าธรรมดาดัง นั้นคุณสามารถเห็นมันเปรียบเสมือนเสื้อผ้าในชีวิตจริง

แม้มันจะฟังดูน่าหัวเราะ แต่อย่างไรก็ตามเสื้อผ้าดูเหมือนเป็นจริงหรือภาพลวงตา ก็แยกออกจากกันได้ เมื่อมีคนสงสัยว่าพวกเขาสามารถเห็นได้ด้วยตนเองหรือไม่ และเมื่อในราคาที่จ่ายได้เท่ากับเครื่องแต่งกายแบรนด์หรูหรา

มันอาจะทำให้คุณอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้เงินจำนวนมากไปกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้เหมือน Digital ‘dress’ ชุดนี้

อย่างไรก็ตามก็มีเหตุผลที่รองรับคุณค่าของมันอยู่ เพราะอย่างแรกคือมันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แล้วทำไมต้องใช้เนื้อผ้ากับเสื้อผ้าที่คุณสวมใส่เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นล่ะ? และสำหรับบางคนที่ติดโลกออนไลน์มาก ๆ นี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูดีขึ้นโดยไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าจริง 

ซึ่ง Digital ‘dress’ นั้นมีโมเดลเสมือนจริงที่มีผู้ติดตามหลายคนใน Social Network ชื่อดัง และคงจะทำให้เสื้อผ้าดีไซเนอร์เสมือนเหล่านี้ สามารถจับคู่เขัากับสไตล์ของคุณได้ แม้ว่ามันจะไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนของจริงก็ตาม

References : 
https://www.engadget.com/2019/05/27/fabricant-blockchain-digital-dress/?guccounter=1