Smart Ring กับการใช้ AI เพื่อตรวจจับ COVID-19 ก่อนที่อาการจะเริ่มต้น

หนึ่งในส่วนที่ยากที่สุดในการติดตามการระบาดของ COVID-19 คือ วิธีการจะตรวจจับในขณะที่ coronavirus ซ่อนอยู่ในร่างกายมนุษย์

ในบางกรณีอาจใช้เวลามากถึงห้าวัน สำหรับคนที่ติดเชื้อโดย coronavirus ที่จะเริ่มแสดงอาการ ในช่วงเวลาดังกล่าวพวกเขาสามารถแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้คนใหม่ ๆ ได้ โดยแทบจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นป่วย

ทีมนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ กำลังพยายามตรวจหาโรคนี้ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมโดยการตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกไว้โดย อุปกรณ์ที่เรียกว่า Smart Ring ที่สวมใส่ได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถค้นพบผู้ป่วย COVID-19 ได้

“ อาสาสมัครสวม อุปกรณ์ Smart Ring เหล่านี้ และทำการลงแอปของเรา ซึ่งพวกเขาจะได้รับแบบสอบถามในตอนเช้า” Dr. Ali Rezai หนึ่งในนักวิจัยกล่าว  “ห้านาทีในตอนเช้าพวกเขาเล่นเกมบางเกม มันเป็นแอปเกม ซึ่งเรากำลังถามคำถามเฉพาะเนื้อหาสำหรับ COVID”

Rezai ซึ่งเป็นผู้นำโครงการใหม่เป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทที่ West Virginia University Medicine และเป็นหัวหน้าของ WVU Rockefeller Neuroscience Institute เขาและทีมของเขาร่วมมือกับ บริษัท Oura Health ที่ผลิตอุปกรณ์สวมใหม่ได้ซึ่งได้ร่วมมือกัน ผลิตแหวนอัจฉริยะที่บันทึกอุณหภูมิ รูปแบบการนอนหลับ ระดับกิจกรรม และความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่อง

ร่วมด้วยการฝึกอบรมอัลกอริทึมทางด้านปัญญาประดิษฐ์พร้อมกับข้อมูลทั้งหมด โดยมีการรวบรวมจากผู้ใช้นับหมื่นคนและเรียงลำดับว่า มีการแสดงให้เห็นว่าอาสาสมัครติดไวรัสโดยการตรวจสอบด้วยวิธีมาตรฐานด้วยการ swabs จมูกหรือไม่ Rezai กล่าวว่า เขาเห็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของ COVID-19

Smart Ring ที่มาพร้อม App
Smart Ring ที่มาพร้อม App

ตอนนี้ทีมของเขากำลังทดลองใช้ ซึ่งมีแพทย์พยาบาลและคนงานในโรงพยาบาลอื่น ๆ ประมาณ 1,000 คนที่อยู่ในแนวหน้าทำการตรวจสอบทางกายภาพของพวกเขาอย่างต่อเนื่องโดยการสวมแหวน Smart Ring ของ Oura และบันทึกข้อมูลทั้งหมดลงในแอป

จนถึงตอนนี้ Rezai กล่าวว่าแบบจำลอง AI ของเขาสามารถทำนายได้ 24 ชั่วโมงล่วงหน้า ด้วยความแม่นยำถึง 90 เปอร์เซ็นต์

“ เป้าหมายคือการใช้เทคโนโลยี Smart Ring Oura และแอพของเราในการทำนายอาการและระบุผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพแนวหน้าก่อนที่พวกเขาจะมีอาการ” Rezai กล่าว“ และจะช่วยจำกัดการแพร่กระจายที่เกิดขึ้นได้”

ผู้ใช้ Oura Ring ได้โพสต์บน Facebook เกี่ยวกับวิธีที่แหวนของเขาเตือนเขาว่าเขาน่าจะป่วยเร็ว ๆ นี้ ตามความผันผวนของอุณหภูมิ และเขาได้รับการทดสอบด้วยวิธีการ Swaps ทางจมูกสำหรับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ซึ่งสุดท้ายก็ได้ผลเป็นบวกจริง ๆ และเขาสามารถกักกันตัวได้เร็วกว่าหากเขารอให้อาการอื่น ๆ ที่จะเริ่มขึ้นเช่น การเจ็บคอ ไอ หรือการเป็นไข้

จนกว่าเราจะมีวัคซีน Rezai กล่าวว่า , COVID-19 จะไม่หายไปไหน ในระหว่างนี้ เขารู้สึกว่าเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเครื่องมือที่จะทำให้คนปลอดภัย และการใช้เทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากเครื่องสวมใส่เช่น แหวน หรือ การอัพเดตจากแอพจะกลายเป็นส่วนสำคัญของการลดการแพร่ระบาดแทบจะทั้งสิ้น

ต้องบอกว่า เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Smart Ring ในบทความนี้ เพราะช่วยให้ Detect ผู้ป่วยได้ก่อนที่จะมีอาการออกมาจริง ๆ อย่างที่เราได้เห็นในปัจจจุบันที่แพทย์มักให้สังเกตอาการที่เข้าข่าย และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น ถึงจะมีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ให้

ซึ่งแน่นอน การรอแบบนั้น ก็จะทำให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ สามารถไปเผยแพร่เชื้อให้กับคนอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งกว่าจะรู้ตัวเมื่อมีอาการ เชื้อก็ได้แพร่กระจายไปเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเพื่อ Detect ได้ก่อน และให้ความแม่นยำถึง 90% นั้นถือเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะกลุ่มแนวหน้าในการดูแลอย่าง แพทย์ พยาบาล หรือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง เพราะการสูญเสียกลุ่มบุคลากรเหล่านี้ไป โดยเฉพาะการที่เมื่อตรวจเจอหนึ่งคน คนที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนก็ต้องถูกกักตัวไปด้วยทำให้ทรัพยากรทางการแพทย์ในแนวหน้าสูญเสียไปอย่างมากนั่นเองครับ

References : https://futurism.com/neoscope/smart-ring-ai-spot-covid19-before-symptoms-begin

Geek Monday EP45 : ความหวังมวลมนุษยชาติ เมื่อ Apple และ Google จับมือสร้างระบบติดตามการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทรงพลังที่สุด

การร่วมมือกันของสองยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีอย่าง Google และ Apple ในครั้งนี้อาจจะสามารถที่จะช่วยเหลือคนทั้งโลกได้เลยด้วย ซ้ำ เพราะมันเป็นการสร้างการแจ้งเตือน Notification มาจาก Platform แบบทันทีทันใด หากมีผู้ป่วยที่มีการยืนยันการติด COVID-19 ซึ่งจะทำให้ ผู้ที่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Bluetooh แล้วนั้น

สามารถได้รับการแจ้งเตือนได้แบบทันที ว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และให้สามารถไปกักกันตัวได้ทันที แทนที่การคาดเดา หรือการคอยสัมภาษณ์แบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่่ติดเชื้อมาได้นั่นเองครับ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ ครับสำหรับเทคโนโลยีนี้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : https://bit.ly/2wx5fS4

ฟังผ่าน Apple Podcast :https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  https://bit.ly/2xnyEi6

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/3eiwmkP

ฟังผ่าน Youtube https://youtu.be/K9vothkXC-g

Image References : https://abcnews.go.com/Health/google-apple-team-contact-tracing-covid-19-app

เมื่อคู่แค้นต้องร่วมมือสร้างระบบติดตาม Covid-19 ใน iOS และ Android

Apple และ Google ได้ประกาศสร้างระบบสำหรับติดตามการแพร่กระจายของ coronavirus ใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันข้อมูลผ่านการส่งสัญญาณ Bluetooth Low Energy (BLE)

ระบบใหม่นี้ซึ่งจะใช้การสื่อสารผ่านเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy เพื่อสร้างเครือข่ายการติดต่อ ตามความสมัครใจของการเก็บรักษาข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือที่ได้รับในบริเวณใกล้เคียงกับแต่ละอื่น ๆ 

โดยแอปอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้และผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดแอปไป พวกเขาสามารถรายงานผ่านแอปได้ หากพวกเขาได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ที่ดาวน์โหลดแอปดังกล่าว ว่าพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือไม่

Apple และ Google จะปล่อยแอปทั้งใน iOS และ Android โดยจะทำการเปิด API ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปของหน่วยงานด้านสุขภาพเหล่านี้สามารถใช้งานได้จริงและไม่มีข้อบกพร่อง โดยในช่วงแรกนี้ผู้ใช้จะยังคงต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อเข้าร่วมในการติดตาม ซึ่งอาจจำกัดการนำไปใช้ อยู่ในวงจำกัด

แต่ในอีกไม่กี่เดือนหลังจาก API เสร็จสมบูรณ์ บริษัท จะสร้างฟังก์ชั่นการติดตามในระบบปฏิบัติการที่รองรับ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ทันที ด้วยโทรศัพท์ iOS หรือ Android โดยจะเป็นการฝังอยู่ในระบบปฏิบัติการ

การติดตามการแพร่เชื้อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหาว่าใครเป็นผู้ติดเชื้อ และพยายามป้องกันไม่ให้ผู้อื่นติดไวรัส ถือเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่มีแนวโน้มที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านแพลตฟอร์มมือถือได้เลย
ประสิทธิภาพสูงสุดเพราะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ผ่านแพลตฟอร์มมือถือได้เลย

แต่การใช้เทคโนโลยีการเฝ้าระวัง ก็มีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมัน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน ( American Civil Liberties Union )ได้ตั้งข้อกังวลเกี่ยวกับการติดตามผู้ใช้ด้วยข้อมูลโทรศัพท์โดยยืนยันว่าระบบใด ๆ จะต้องถูกจำกัด ในขอบเขต และหลีกเลี่ยงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ให้มากที่สุด

ต้องบอกว่าเทคโนโลนี้จะไม่เหมือนกับวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ข้อมูล GPS โดยการใช้ Bluetooth นี้จะไม่มีการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้คน โดยทั่วไปจะรับสัญญาณของโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้เคียงในช่วงเวลา 5 นาทีและเก็บการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขาในฐานข้อมูล 

หากมีคนที่มีผล Positive กับ coronavirus พวกเขาสามารถแจ้งให้คนอื่น ๆ ทราบว่าโทรศัพท์ของคุณเข้าไปใกล้วเคียงกับผู้ที่ติดเชื้อเหล่านี้หรือไม่ในช่วงก่อนหน้านี้

ระบบยังใช้ขั้นตอนหลายขั้นตอนในการป้องกันไม่ให้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะแบ่งปันข้อมูลของพวกเขาออกไปก็ตามที

วิธีการยังคงมีจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น ในพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ที่สามารถตั้งค่าสถานะผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียงกันซึ่งไม่ได้มีการแชร์พื้นที่กับผู้ใช้จริงทำให้ผู้คนใกล้ชิดเหล่านี้เกิดความกังวลโดยไม่จำเป็นได้ 

นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังอาจไม่ครอบคลุมถึงความแตกต่างของระยะเวลาที่มีคนสัมผัสใกล้ชิดกัน การทำงานใกล้ชิดผู้ติดเชื้อตลอดทั้งวันจะทำให้คุณมีปริมาณไวรัสมากขึ้นกว่าการเดินไปตามถนนแล้วติดไวรัสผ่านผู้อื่นนั่นเอง

แน่นอนว่ามันเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างใหม่โดย Apple และ Google ยังคงคุยกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีการใช้งาน ระบบนี้อาจไม่สามารถแทนที่วิธีการติดตามผ่านผู้ติดต่อที่ล้าสมัยแบบเดิม ๆ เช่น การสัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนและใช้เวลาไปกับใครบ้าง แต่มันสามารถช่วยเหลือวิธีการเดิม ๆ แบบนี้ได้ด้วยวิธีการที่ไฮเทค โดยใช้อุปกรณ์พื้นฐานที่มีคนใช้งานเป็นพันล้านอย่างมือถือนั่นเองครับ

ต้องบอกว่า เป็นการพัฒนาที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่าง Apple และ Google ซึ่งนำเทคโนโลยี Bluetooth มาใช้ และ คอย tracking ว่าผู้ใช้งานใกล้ชิดกับใครมาบ้าง ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างซับซ้อน

ซึ่งเทคโนโลยี นี้ ต่อไปนั้นอาจจะช่วยเหลือคนทั้งโลกได้เลยด้วย ซ้ำ เพราะมันเป็นการ Notification มาจาก Platform แบบทันทีทันใด หากมีผู้ป่วยที่มีการยืนยันการติด COVID-19 ซึ่งจะทำให้ ผู้ที่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Bluetooh แล้วนั้น

สามารถได้รับการแจ้งเตือนได้แบบทันที ว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ และให้สามารถไปกักกันตัวได้ทันที แทนที่การคาดเดา หรือการคอยสัมภาษณ์แบบเดิม ๆ ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะตามตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่่ติดเชื้อมาได้นั่นเองครับ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ ครับสำหรับเทคโนโลยีนี้

References : https://www.theverge.com/2020/4/10/21216484/google-apple-coronavirus-contract-tracing-bluetooth-location-tracking-data-app

เมื่อ Coronavirus สามารถติดอยู่กับหน้ากากได้นานถึงหนึ่งสัปดาห์

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKU) กล่าวว่า Covid-19 สามารถยึดติดกับพื้นผิวสแตนเลสและพลาสติกได้นานถึงสี่วันและชั้นนอกของหน้ากากเป็นเวลาได้นานถึงหนึ่งสัปดาห์

รายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ The Lancet ในวันพฤหัสบดีได้เพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับการคงชีวิตอยู่ของ Sars-CoV-2 ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการว่า coronavirus และสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย

“ Sars-CoV-2 นั้นมีความเสถียรสูงในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย แต่ก็มีความอ่อนไหวต่อวิธีการฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน” Leo Poon Lit-man หัวหน้าภาคสาธารณะ แผนกวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการสุขภาพและ Malik Peiris นักไวรัสวิทยาทางคลินิกและสาธารณสุข กล่าว

นักวิจัยได้ทดสอบว่าเชื้อไวรัสจะยังคงติดเชื้อได้นานแค่ไหนที่อุณหภูมิห้องบนพื้นผิวต่างๆ

ในกระดาษทิชชูมันใช้เวลาน้อยกว่าสามชั่วโมง ในขณะที่บนไม้และผ้ามันจะหายไปในวันที่สอง

บนกระจกและธนบัตร ไวรัสยังคงปรากฏให้เห็นในวันที่สอง แต่จะหายไปเมื่อผ่านไปสี่วัน ในขณะที่สแตนเลสและพลาสติกอยู่ระหว่างสี่ถึงเจ็ดวัน

นักวิจัยกล่าวว่า ยังคงมีระดับการติดเชื้อที่ตรวจพบได้ในชั้นนอกของหน้ากากผ่าตัด หลังจากผ่านไปแล้วถึงเจ็ดวัน

“ นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันสำคัญมากถ้าคุณสวมหน้ากากผ่าตัด และคุณไม่ได้สัมผัสกับหน้ากากด้านนอก” Peiris กล่าว

“เพราะมันสามารถปนเปื้อนมือของคุณ และถ้าคุณสัมผัสดวงตาของคุณ คุณก็สามารถถ่ายโอนไวรัสไปยังดวงตาของคุณได้นั่นเอง”

บนพื้นผิวทั้งหมดความเข้มข้นของไวรัสลดลงค่อนข้างเร็วเมื่อเวลาผ่านไป

น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนส่วนใหญ่มีพลังมากพอที่จะ
น้ำยาทำความสะอาดในครัวเรือนส่วนใหญ่มีพลังมากพอที่จะ “ฆ่า” coronavirus ได้

นักวิจัยยังกล่าวอีกว่าผลที่ได้ “ไม่จำเป็นต้องสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการรับเชื้อไวรัสจากการสัมผัสกันเอง” เนื่องจากการปรากฏตัวของไวรัสในการศึกษานั้นถูกตรวจพบโดยเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ ไม่ใช่บนนิ้วมืออย่างเช่นในชีวิตประจำวัน

การศึกษาโดยนักวิจัยชาวอเมริกัน ที่เกี่ยวกับ coronavirus ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนที่แล้วในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature ได้ข้อสรุปว่า coronavirus ยังสามารถติดเชื้อบนพื้นผิวได้อีกหลายวัน

พวกเขาพบว่าไวรัสสามารถอยู่ในพลาสติกและเหล็กกล้าได้นานถึง 72 ชั่วโมง แต่ไม่นานกว่าสี่ชั่วโมงบนทองแดง หรือ 24 ชั่วโมงบนกระดาษแข็ง

ทีมได้รวมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติและศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา

Leo Poon Lit-man จาก HKU กล่าวว่าวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา coronavirus ที่อ่าวคือการล้างมือของคุณ
Leo Poon Lit-man จาก HKU กล่าวว่าวิธีที่ดีที่สุดในการรักษา coronavirus ที่อ่าวคือการล้างมือของคุณ

ผลการวิจัยจาก HKU ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนและสุขอนามัย และข้อควรระวังประเภทใดที่ผู้คนควรทำเมื่อนำสิ่งของ เช่น ของชำเข้ามาในบ้าน

การล้างมือยังคงอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการป้องกันได้ดีที่สุด สำหรับอาหารกระป๋องต้องมีเชื้อไวรัสที่มีชีวิตเพียงพอที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ แต่ความเสี่ยงที่แน่นอนนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น

“หากคุณต้องการปกป้องตัวเองให้คงไว้ซึ่งสุขอนามัยที่ดี ให้ล้างมือบ่อยๆ และพยายามอย่าแตะต้องใบหน้าปากหรือจมูกโดยไม่ได้ทำความสะอาดก่อน” Leo Poon Lit-man กล่าว

คนที่มีความกังวลเป็นพิเศษอาจต้องการทิ้งของที่ไม่เน่าเปื่อยไว้ในถุงช้อปปิ้งเป็นเวลาหนึ่งวันก่อนที่จะนำมันไปทิ้งลงถังขยะสาธารณะ

“ นั่นจะลดความเข้มข้นของไวรัสลงไปมาก แต่ข้อความที่สำคัญที่สุดคือ การล้างมือของคุณให้สะอาดอยู่เสมอ”

จากข่าวที่ออกมาในช่วงหลัง เริ่มมีงานวิจัยที่เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของ Coronavirus ออกมามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอน ว่าเนื่องจากมันเป็นโรคอุบัติใหม่ เหล่าประเทศที่เคยได้พบเจอมาก่อนและสามารถควบคุมได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ก็ได้ถ่ายทอดบทเรียนเหล่านี้ออกมาผ่านงานวิจัยที่เผยแพร่ออกมามากขึ้น

หลาย ๆ งานวิจัย มันได้เริ่มเฉลยออกมาเรื่อย ๆ ว่า ทำไมการแพร่ระบาดครั้งนี้ มันถึงได้รุนแรงและรวดเร็วและกระจายไปยังทั่วโลกได้อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องของการดำรงอยู่ของไวรัส ผ่านสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะหลายคนยังประมาทกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่

งานวิจัยเหล่านี้จากประเทศที่ได้รับประสบการณ์ตรงและผ่านพ้นวิกฤติมาได้แล้ว จะช่วยเตือนให้ประเทศที่ต้องเผชิญกับปัญหาในรอบหลัง ๆ ให้สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น เพราะดูเหมือนเจ้าเชื้อ COVID-19 นั้นจะอึดเกินความคาดหมายของหลาย ๆ คน โดยพวกมันสามารถแฝงอยู่ในอุปกรณ์ วัสดุต่าง ๆ ไม่จะเป็น พื้นผิวต่าง ๆ กระดาษ หรือแม้กระทั่ง หน้ากากทางการแพทย์ ที่เหลือเชื่อว่า มันสามารถอยู่ได้ถึง 1 อาทิตย์อย่างที่งานวิจัยชิ้นนี้ได้กล่าวมานั่นเองครับ

References : https://www.scmp.com/news/china/science/article/3078511/coronavirus-can-remain-face-masks-week-study-finds

เมื่อผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า CORONAVIRUS สามารถแพร่กระจายได้เพียงแค่การพูดคุย

คณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงบอกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยการบรรยายสรุปในเรื่อง coronavirus สามารถแพร่กระจายได้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผ่านทางการไอและจามเท่านั้น แต่แค่เพียงผ่านการพูดคุยและแม้เพียงแค่หายใจเช่นกัน ตามที่ CNN รายงาน

“ ในขณะที่งานวิจัยเฉพาะในปัจจุบันมีอย่างจำกัด ผลการศึกษาที่มีอยู่นั้นสอดคล้องกับการแพร่กระจายของไวรัสจากการหายใจตามปกติ” จดหมายจาก Harvey Fineberg ประธานคณะกรรมการประจำคณะวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

จดหมายฉบับนี้เป็นการตอบคำถามที่ Kelvin Droegemeier มีรายงานเกี่ยวกับสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทำเนียบขาว

“ การวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันสนับสนุนความเป็นไปได้ที่ [coronavirus] สามารถแพร่กระจายผ่านทางชีวภาพที่สร้างขึ้นโดยตรงจากการหายใจออกของผู้ป่วย”

“ถ้าคุณสร้างละอองของไวรัสที่มีการไหลเวียนในห้องที่ปิด มันก็เป็นไปได้ว่าถ้าคุณเดินผ่านในภายหลังคุณสามารถสูดไวรัสเข้าไปได้” Fineberg บอกกับ CNN “แต่ถ้าคุณอยู่ข้างนอกสายลมก็จะกระจายไวรัสเหล่านี้ออกไป”

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อศัลยแพทย์ทั่วไปขอให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาพิจารณาทบทวนการตัดสินใจครั้งแรกเพื่อให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก

“เราได้เรียนรู้จากการแพร่กระจายของโรค ดังนั้นเราจึงได้ถาม CDC ว่าสมควรหรือไม่ที่จะทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสวมหน้ากากป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังคนอื่น ๆ” ศัลยแพทย์ทั่วไป Jerome Adams กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในรายการ “Good Morning America”

ต้องบอกว่าเนื่องจากการแพร่กระจายของ Coronavirus นั้น ยังเพิ่งเริ่มเพียงไม่กี่เดือน ทำให้งานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดยังมีไม่มากนัก ซึ่ง ตอนนี้เริ่มมีงานวิจัยที่นำเสนอความคิดหักล้างแนวคิดเดิม ๆ ว่า ให้สวมหน้ากากอนามัยเฉพาะคนที่ป่วย ออกมาเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ จน WHO เริ่มประกาศให้คนทั่วไปเริ่มหันมาใส่หน้ากากในข่าวล่าสุดที่ออกมา

จะเห็นได้ว่า ตัวเลขสถิติ มันบ่งบอกชัดเจนระหว่างประเทศ ที่สวมหน้ากาก และ ไม่สวมหน้ากาก ที่การแพร่ระบาดของโรคมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งงานวิจัยในบทความชิ้นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า การสวมหน้ากากนั้นสามารถลดการแพร่ระบาดได้ดีกว่าอย่างชัดเจนหาก มันสามารถที่จะแพร่กระจายได้แม้กระทั่งแค่การพูดคุย หรือ หายใจออกมา เชื้อก็แพร่กระจายได้

เพราะฉะนั้น การสวมหน้ากากจึงปลอดภัยกว่า และแพร่กระจายน้อยกว่า สอดคล้องกับตัวเลขที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่ประเทศที่มีแนวโน้มสวมหน้ากาก จะมีตัวเลขการแพร่ระบาดที่ต่ำกว่า ประเทศฝั่งตะวันตกที่ไม่ยอมรับแนวคิดการสวมหน้ากากนั่นเองครับ 

References : https://edition.cnn.com/world/live-news/coronavirus-pandemic-04-02-20-intl https://www.the-sun.com/news/631263/coronavirus-spread-just-talking-breathing/