Series Review : Chernobyl เชอร์โนบิล มหันตภัยนิวเคลียร์โลกไม่ลืม

ห่างหายจากการ Review หนังและซีรี่ย์ ไปนานเนื่องจากการเข้าสู่วิกฤติโควิด ทำให้โรงหนังปิดทำการมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่วงหลังผมเองก็ได้หันมาดู ซีรี่ย์มากยิ่งขึ้น ทั้งฝั่งของ Netflix , HBO หรือของ Apple Plus ซึ่งมีหลายเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ

แต่เท่าที่ได้ดูหลายเรื่อง Chernobyl เชอร์โนบิล มหันตภัยนิวเคลียร์โลกไม่ลืมของทางฝั่ง HBO เป็น ซีรี่ย์ ที่ทำให้ผมประทับใจเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นคนนึงที่สนใจโดยเฉพาะเรื่องประวัตศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งเหตุการณ์สำคัญ ๆ รวมถึงบุคคลสำคัญ ๆ ของโลก ซึ่ง Documentary เหล่านี้ผมเก็บมาหมดเรียบแทบจะทุกเรื่อง

สำหรับ Chernobyl นั้น เป็น Mini Series ที่มีเพียงแค่ 5 ตอน ซึ่งสร้างโดย HBO เป็นการเล่าเรื่องราวของการเกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ที่ได้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ของโลก ที่ทาง HBO ได้นำมาตีแผ่ถึงเรื่องราวที่แท้จริงที่เกิดขึ้นว่าในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แม้จะเป็น Mini Series แต่เรื่องนี้ใช้นักแสดงมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น Jared Harris , Stellan Skarsgard แและ Emily Watson ที่มารับบทนำในเรื่อง ที่มาทอดเรื่องราวความเป็นไปของเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้จะมีการเติมแต่งเรื่องราวบางส่วนไปบ้าง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการอ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริง ที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ

ซึ่งเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกอย่าง ศาสตราจารย์ วาเลรี เลกาซอฟ (Jared Harris) ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการสถานบันคูร์ชาทอฟ ซึ่งเป็นสถานบันที่วิจัยและค้นคว้าเทคโนโลยีทางด้านนิวเคลียร์ชื่อดังของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น

ต้องบอกว่ายุคนั้นถือเป็นยุคปลาย ๆ ของสหภาพโซเวียต ที่กำลังแข่งขันกับโลกเสรีอย่างอเมริกา และนิวเคลียร์ถือเป็นเทคโนโลยีหนึ่ง ที่พวกเขาล้ำหน้ากว่าใคร และไม่เป็นรองใครในโลก แต่การเกิดระเบิดขึ้นที่เชอร์โนบิลนั้น ถือเป็นการตอกหน้าความผิดพลาดครั้งสำคัญของสหภาพโซเวียตเลยทีเดียว

มันเป็นเรื่องของความดราม่า ทั้งเรื่องการเมือง รูปแบบการปกครอง และ วิถีชีวิตของชาวสหภาพโซเวียตในยุคนั้น ที่ต้องบอกว่ามีดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างมาก และซีรีย์เรื่องนี้ ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้ง location ของการถ่ายทำ และโทนของซีรีย์ ที่ทำออกมาได้ย้อนยุค สมจริง ให้เราได้เรียนรู้ไปกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ

ซึ่งรายละเอียดทุกอย่างที่โลกมองมายังสหภาพโซเวียตในยุคนั้น ก็ต้องบอกว่า ซีรีย์เรื่องนี้ทำได้ดีในทุก ๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์ , เสื้อผ้า , ทรงผม , ฉากต่าง ๆ ตึกรามบ้านช่องทั้งหมด ทุก ๆ รายละเอียดยิบย่อยทั้งหมดเรียกได้ว่า HBO ลงทุนมหาศาลเลยทีเดียวกับ ซีรีย์ชุดนี้

มีการตัดฉากเพื่อให้หนังเฉลยด้วยตัวมันเอง และเราต้องคอยรอลุ้นจนถึงตอนจบว่า คืนที่เกิดเหตุการณ์นั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะความผิดพลาดส่วนบุคคล ความผิดพลาดระดับนโยบาย หรือ ความประมาทกันแน่

แน่นอนว่า ทุกอย่างจะค่อย ๆ เฉลยผ่านตัวละครนำทั้งหมดที่ผมได้กล่าวไป และพวกเขาถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยม ตัวประกอบทั้งหมดที่นำมาเล่น เหมือนหนังฟอร์มยักษ์ดี ๆ นี่เอง เพราะลงทุนสูงมากสำหรับซีรีย์ แต่ HBO นั้นก็ทำได้ดีในจุดนี้มาตั้งแต่ต้น ตัวอย่างเช่น ซีรีย์สงครามโลกครั้งที่สองอย่าง Band of Brothers ที่หลาย ๆ คนน่าจะจำความประทับใจกันได้ดี

ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในซีรีย์ ที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องนึงเลยทีเดียว หลังจากได้ดูจบ เพราะมันมีทุกอรรถรส ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว แม้จะมีสิ่งที่ขัดใจอยู่บ้าง เพราะดารานำนั้นเป็นอังกฤษจ๋า และ ส่วนใหญ่จะเป็นสำเนียงแบบอังกฤษ ซึ่งมันก็ทำให้ดูแปลกพอสมควรที่นำมาถ่ายทอดเรื่องราวของสหภาพโซเวียต แต่ ถือว่าได้นักแสดงระดับท็อปทำให้งานนั้นออกมาดีเยี่ยมในเรื่องการแสดงของเหล่านักแสดงนำทั้งหมด

การถ่ายทอดเรื่องราวของ ความเสียสละของทหาร และ หน่วยต่าง ๆ ของสหภาพโซเวียต ที่ต้องการกู้วิกฤตครั้งนี้ ที่เราแทบจะยังไม่เคยทราบมาก่อน แต่พวกเขาก็ทำให้สามารถผ่านวิกฤติไปได้อย่างงดงาม แม้จะมีผลกระทบต่างๆ ต่อโลกเรามากมาย หลังจากการเกิดเหตุที่ Chernobyl แต่ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โลกเราได้เรียนรู้ จากเรื่องราวจริง ๆ ถึงความน่ากลัวของภัยอันตรายจากนิวเคลียร์ และจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นได้อีกในอนาคตนั่นเองครับผม