Movie Review : Charlie’s Angels นางฟ้าชาร์ลี

ผมและหลาย ๆ คน ณ ที่นี้น่าจะโตมาพร้อม ๆ กับ James Bond, Jason Bourne, Ethan Hunt หรือในยุคหลังๆอย่าง Kingsman, Johnny English แต่ถ้าถามว่า “หนังแนวสายลับ ทำภารกิจพิเศษอย่างนี้ที่ตัวเอกเป็นผู้หญิง คุณนึกถึงใครบ้าง?” NIKITA? SALT? ANNA? HANNA? แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า “Charlie’s Angels” หรือ “นางฟ้าชาลี” นั้นต้องอยู่ในหัวของคุณแน่นอน (ขออนุญาตไม่พูดถึงคุณแม่ Black Widow นะครับ เพราะยังไม่ออกหนังเดี่ยว อิ อิ)

Charlie’s Angels นั้นถือกำเนิดมาในซีรี่ส์ เมื่อปี 1976 เนื้อเรืองหลักๆคือ เศรษฐีที่ชื่อ “ชาลี”  (ผู้ชาย มั้ง?) ที่เราไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งจนปัจจุบัน ได้ตั้งองค์กรสายลับ Townsend Agency ขึ้นมา ที่ปฏิบัติงานโดยผู้หญิง เพื่อปฏิบัติภารกิจผดุงความยุติธรรมต่าง ๆ และมีตัวแทนของ “ชาลี” ที่เรียกว่า “บอสลีย์” ในการแจกจ่ายภารกิจให้เหล่านางฟ้า ตลอด 5 ซีซั่น ที่ผ่านมานั้น เหล่านางฟ้าในซีรี่ส์มีทั้งหมด 6 คน

และในอีก 20 ปีถัดมา เหล่านางฟ้าก็กระโดดออกจากจอทีวีมาโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม เหล่านางฟ้าในยุคเริ่มต้นของศักราชมิลเลนเนี่ยมนั้น ช่างเซ็กซี่ขยี้ใจ ในแบบที่ชายยุคนั้นน่าจะชอบเอามาก ๆ อาจจะมีความโก๊ะบ้างพอเป็นสีสัน แต่การเปิดตัวในครั้งนั้นก็ทำให้ทุกคนทั่วโลกได้รู้จักพวกเธอยิ่งกว่าตอนที่เธอยังอยู่เพียงแค่ในจอทีวี และได้บอกให้ทุกคนได้รู้ว่า “สายลับนั้นไม่ได้มีแค่ผู้ชายเท่านั้นนะที่จะทำได้”

ในอีกเกือบ 20 ปีถัดมา พวกเธอก็กลับมาอีกครั้ง Charlie’s Angels (2019) ได้นำเสนออีกมุมมองที่ชัดเจน และแสดงให้เห็นว่าทิศทางของพวกเธอหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร กับนักแสดงที่เรียกได้ว่าพวกเรารู้จักเธอน้อยมาก อย่าง Naomi Scott เจ้าหญิงจัสมินในอะลาดินภาคล่าสุดที่เราแอบหลงรักเสน่ห์ของเธอไปโดยไม่รูัตัว รับบท Elena Houghlin นักวิทยาศาสตร์สาวผู้มีความเนิร์ด น่ารัก อัจฉริยะ, Ella Balinska นักแสดงจากซีรี่ส์ในอเมริกา คนนี้นี่ไม่เคยรู้จักเลยจริง ๆนะ ผลงานก็ไม่เคยดู รับบท Jane Kano อดีตเจ้าหน้าที่ MI6 ขาบู๊ประจำทีม, Kristen Stewart น้องเบลล่าผู้หน้าตาคร่ำเครียดตลอดเวลาจากแวมไพร์ ทไวไลท์ รับบท Sabina Wilson สาวห้าว มาดกวนๆ พูดเก่ง ทั้งสามคนต้องมาเกี่ยวข้องกันโดยภารกิจที่จะค่อย ๆ ร้อยเรียงความสัมพันธ์ของพวกเธอไปทีละนิด จนกลายเป็นทีมในท้ายที่สุด

ความคิดเห็น:

1. บทภาพยนตร์ไม่มีความซับซ้อนใด ๆ มากมาย โยงภาคก่อนๆเล็กน้อย ไม่ต้องคิดเยอะ อะไรหลายๆอย่างเดาได้ ฉากแอคชั่นไม่ได้วินาศสันตะโร เวอร์วังอลังการ อย่าคิดว่าคุณกำลังเข้าไปดู Hobbs & Shaw และก็ไม่ได้จะตลก ฮา เหมือนสองภาคก่อนหน้าในช่วงต้นของยุค2000 แต่นี่คือหนังสายลับหญิง ที่เน้นความเป็นผู้หญิง และกำลังแสดงให้พวกคุณเห็นว่าผู้หญิงในยุคปัจจุบันนั้นเธอไม่ได้ต่างจากผู้ชายแล้วจริง ๆ เรากำลังเข้าสู่โลกที่เลิกแบ่งแยกชายหญิงกันได้แล้วนะ ผมไม่ใช่คนที่เข้าใจคำว่า Feminist ได้ลึกซึ้งอะไรมาก

แต่ผมชอบ ชอบตั้งแต่บทสนทนาแรกที่เปิดเรื่องจนถึงการดำเนินเรื่องต่อ ๆ มา ถึงแม้หนังจะแสดงความเป็นผู้หญิงมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าความเป็นผู้ชายนั้นถูกกด หรือโดนย่ำยีใด ๆ ตัวนักฆ่า หรือสายลับฝั่งตรงข้ามเอง หนังก็ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผู้ชายนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ นะ การปฏิบัติการ หรือการวางแผนต่าง ๆ ที่หนังแสดงให้เห็นถึงทั้งสองขั้วชาย-หญิง ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

2. อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ นักแสดงที่เข้ามารับบทนั้นคือตัวแทนของสาวยุคปัจจุบัน เธอฉลาด เธอเก่ง เธอไม่ได้เน้นแต่ความเซ็กซี่ เธอมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผมว่ามันดีกว่ายุคก่อนมาก ๆ ในแง่ของความเป็นอิสระในการกระทำหลาย ๆ อย่าง เธอเลือกเส้นทางของตัวเอง เธอไม่ยอมโดนกดใด ๆอีกต่อไป และทั้งสามคนก็ทำหน้าที่ตามบทบาทของตัวเองได้ดีมาก ๆ ตัวละครทั้งสามคนเริ่มต้นจากที่ไม่รู้จักกัน นี่คือจุดต่างจากภาคก่อน ๆ จากนั้นพวกเธอก็ค่อย ๆ เติมเต็มความสัมพันธ์จากภารกิจที่ทำร่วมกัน จนเป็นทีม ทีมที่รักกัน ทีมที่แคร์กัน นี่คือพลังหญิง พลังที่เป็นกลุ่ม ไม่ใช่ One Man Show เหมือนสายลับฝั่งผู้ชายที่เราคุ้นๆกัน (หลังๆ อีธาน ฮันท์ ของผมก็ทำงานเป็นทีมขึ้นเยอะนะ อิ อิ)

นี่คือภาคที่เราจะได้เห็นว่านางฟ้าชาลีกลุ่มนี้ เธอยังเด็ก เธอคือคนยุคใหม่ เธอรักพวกพ้อง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของพวกเธอที่จะเป็นทีมที่แข็งแกร่งต่อไปในอนาคต (แอบนึกถึงฉากที่ขุ่นแม่ Carol Danvers เหาะมารับถุงมืออัญมณีจากปีเตอร์ แล้วจากนั้นก็เป็นภาพการรวมกันของเหล่าฮีโร่หญิงของมาร์เวลทั้งหมด กำลังมุ่งหน้าไปถล่มเหล่าลูกระจ๊อกของธานอส)

3. แอบเสียดายตอนจบเล็กน้อย อยากให้…..รอด แบบหนีไปได้ ไปฟอร์มทีมมาสู้กันต่อภาคต่อ ๆ ไป

4. ผู้กำกับพ่วงนักแสดงแถมเขียนบทเองด้วยอย่าง Elizabeth Banks ที่มีผลงานผ่านตามาอย่าง Pitch Perfect หรือ The Hunger Games ที่รับบท “บอสลี่ย์” คนสำคัญในการแจกจ่ายภารกิจต่าง ๆ ให้เหล่านางฟ้า นั้นตั้งใจมาก ๆ ที่จะกำหนดว่านี่คือทิศทางของเหล่านางฟ้าในยุคนี้ บางคนอาจมองว่า เธอตั้งใจใส่บทให้ตัวเองสำคัญมากไป หรือเทียบเท่าเหล่านางฟ้า แต่ผมก็ไม่ได้สนใจประเด็นนี้เท่าไหร่นัก

5. หนังจบ ไม่ต้องรีบลุกกลับบ้าน เว้นแต่คุณไม่ชอบ คุณรีบจริง ๆ เพราะ Mid Credit มีให้ดูต่อยาว ๆ โดยเฉพาะนักแสดงตั้งแต่ซีรี่ส์ยุคเก่า ขนกันมาเกือบหมด จะเรียก Cameo หรือ Ester egg ดีก็ไม่รู้

6. ผมทำใจเรื่องรายได้ ถ้ามันไม่ดี ก็ว่ากันไปตามธุรกิจ จะไม่มีภาคต่อ จะรีบู๊ท จะรีเมค ก็สุดแล้วแต่ แต่ผมชอบภาคนี้ ชอบทิศทาง แนวทางที่ปูไว้ให้ไปต่อได้ เพราะนางฟ้าทีมใหม่ทีมนี้ผมมั่นใจว่ามีแววมาก พวกเธอเหลือล้นในเสน่ห์ของสาวยุคใหม่ พวกเธอเติบโตได้อีก และทั้งสามคนดูเข้ากันอ่ะ เป็นทีมที่แอบอยากให้ไปต่อมาก ๆ และภาคหน้าจัดฉากวินาศสันตะโรมาให้เต็มที่เลยนะ ผมรออยู่

7. ถ้าคุณติดอยู่กับสมัย ดรูว ลูซี่ คาเมรอน ผมก็เข้าใจได้นะ ภาคนี้ก็ดูไม่สนุกไปเลยล่ะ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันก็ต้องก้าวต่อไป แม้ก้าวลงเหว ก็อยู่ที่ว่าเราคาดหวังแค่ไหนล่ะมั้งเนอะ

8. สุดท้าย ไม่ว่านางฟ้าของคุณจะเป็นแบบไหน ลองเปิดใจไปรู้จักกับเหล่านางฟ้ายุคใหม่ทีมนี้กันนะครับ

ปล 1. ซาวด์แทร็คของเหล่านางฟ้ายุค2000 ยังติดหูผมมาอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ชั่วโมงนี้ขอแอบไปฟัง “Don’t call me angel” ก่อนนะครับ สวัสดีครับ

ปล. 2.Elena Houghlin สาวๆแบบนี้หาได้ที่ไหนบ้าง  หลงมากตอนนี้

เรียบเรียงความคิด ตัดต่อตัวอักษร ใส่ใจความรู้สึก โดย: Gaszoline Skywalker (แขกพิเศษมาเขียนเรื่องหนัง)

สมการดูหนังอย่างไรให้สนุก:

หนังสนุก + คนดูสนุก = สนุก

หนังไม่สนุก + คนดูสนุก = สนุก

หนังสนุก + คนดูไม่สนุก = ไม่สนุก

หนังไม่สนุก + คนดูไม่สนุก = ไม่สนุก

อยู่ที่ตัวคุณนะครับ ^_^