ประวัติ Jho Low ตอนที่ 15 : Out Of Control

ในเดือนมิถุนายนปี 2014 ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพ Rewcastle-Brown พยายามมองหาชายชาวสวิสในวัย 40 ปี ซึ่งมันแทบไม่มีรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับชายลึกลับที่ต้องการติดต่อเธอ เพราะเธอรู้เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น

Xavier Justo ได้แนะนำตัวเองในฐานะ Justo ทำให้ Rewcastle-Brown นั้นตกใจ เนื่องจากการพบกันครั้งนี้เป็นการนัดผ่านคนกลาง ซึ่งเธอคิดว่า Justo นั้นดูน่าจะอันตรายกว่านี้ ซึ่งเธอมองไม่เห็นทีท่าว่าเป็นพฤติกรรมของคนที่จะทำอันตรายจาก Justo

“ผู้คนที่เราติดต่อด้วยนั้นโหดเหี้ยมและมีอิทธิพลสูงอย่างมาก” Justo กล่าวกับ Rewcastle-Brown 

Justo กำลังหาทางเลือกอื่นเพื่อรับเงินที่เขาเชื่อว่าสมควรได้รับ เขามองหาคนที่ยินดีที่จะจ่ายค่าเอกสารของ PetroSaudi ที่เขาได้ Copy ออกมาจาก Server เมื่อ 2 ปีก่อนหน้า

ต้องบอกว่าการได้มาเจอกับ Rewcastle-Brown นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากที่ Justo ออกจาก PetroSaudi ในปี 2011 เขาก็ได้เดินทางไปยังสิงค์โปร์ เพื่อชมการแข่งขัน F1 Night Race ซึ่งที่นั่นเขาควรจะได้พบกับ Tarek Obaid หัวหน้าผู้บริหารของ PetroSaudi เพื่อเจรจาต่อรองเรื่องไฟล์ต่าง ๆ ที่เขามี

แต่เพื่อนเก่าของเขาดันไม่มาปรากฏตัว อย่างไรก็ตามในช่วงการเดินทางกลับนั้น เขาได้บังเอิญไปพบกับผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับมหาธีร์ โมฮัมเหม็ด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย และได้ทำการแลกนามบัตรกันไว้

และแทบจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นกว่า 2 ปี แต่ในช่วงฤดูร้อนปี 2014 บุคคลปริศนาที่เขาได้พบเจอก่อนกลับที่มีความใกล้ชิดกับ มหาธีร์ นั้น ได้ส่ง Connection ให้เขาไปเจอกับ Rewcastle-Brown ซึ่งในตอนนั้นกำลังขุดหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1MDB

ข้อมูลจาก Server ที่ถูกดูดลงไปในฮาร์ดไดรฟ์ขนาดพกพา ซึ่งบรรจุไปด้วยข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB และ PetroSaudi แต่ Justo มีเงื่อนไขสำคัญก็คือ Rewcastle-Brown ต้องจ่าย 2 ล้านเหรียญ ถ้าเธอต้องการข้อมูลดังกล่าว

แม้ Rewcastle-Brown นั้นจะมีน้องเขยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น ชีวิตที่เธออยู่ที่มาเลเซีย ด้วยการประกอบอาชีพนักข่าวและบล็อกเกอร์นั้น เธอไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น

Justo ยืนกราน “ไม่มีเงินสด ไม่ตกลง”

แน่นอนว่ามันเป็นข้อมูลที่สุด Exclusive ตัว Rewcastle-Brown เองก็อยากได้มันมาก ๆ หลังจากได้พบกันในครั้งนี้ เธอต้องกลับไปหาคนที่สามารถจ่ายมันได้ ซึ่งต้องใช้เวลาจริง ๆ กว่า 7 เดือนในการหาผู้มีอุปการคุณมาช่วยจ่ายเพื่อแลกกับข้อมูลดังกล่าว

ส่วนตัว Low นั้นดูเหมือนจะไม่เคยได้ยินจากผู้บริหาร PetroSaudi เกี่ยวกับความต้องการเงินของ Justo แต่อย่างใด ตัว Low เองนั้นก็ยังแทบจะไม่ระแคะระคาย ที่จะมีการพบกันระหว่าง Rewcastle-Brown และ Justo ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสั่นคลอนสถานะของเขาครั้งสำคัญ ซึ่งถ้าเขารู้ แน่นอนว่าเงินเพียงแค่ 2 ล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายปิดปาก Justo นั้นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงของ Low อย่างแน่นอน

ต้องบอกว่าในขณะนั้น Low กำลังอยู่ในช่วง in love เพราะไปตกหลุมรักนางแบบสาวชื่อดังอย่าง Miranda Kerr เรียกได้ว่ากับ Kerr นั้น Low โชว์ป๋าอย่างเต็มที่ มีการทุ่มเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินส่วนตัว รวมถึงได้สั่งซื้อเรือยอชท์ใหม่ Equanimity เพื่อพา Kerr ออกทริปไปยังน่านน้ำรอบ ๆ ประเทศอิตาลี รวมถึงไม่พลาดที่จะซื้อชุดเครื่องประดับของ Lorraine Schwartz ไม่ว่าจะเป็น ต่างหูเพชร , สร้อยคอ ,สร้อยข้อมือ หรือ แหวน ซึ่ง Low ได้สั่งมาเพื่อมอบให้กับ Kerr บนเรือยอชท์สุดหรูของเขาขณะออกทริปนั่นเอง

Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก
Miranda Kerr นางแบบสาวที่ Low ตกหลุมรักอย่างหนัก

แต่ความมั่งคั่งทั้งหมดที่ตัว Low แสดงออกมานั้น มันก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล แม้จะเพิ่งได้รับเงิน 5 พันล้านดอลลาร์จาก 1MDB แต่การที่จะต้องจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นจำนวนมากให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและสมรู้ร่วมคิด และพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรักษาวิถีชีวิตแบบเศรษฐีเงินล้านของเขา

ในใบแจ้งหนี้ 2 ล้านดอลลาร์ สำหรับเครื่องประดับล่าสุดของ Kerr นั้น Low ต้องบุกเข้ากองทุนอีกครั้ง ในขณะที่ Low เป็นลูกค้าคนสำคัญของ Schwartz ทำให้เขาสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินได้ แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินของเขาที่ได้รับจาก 1MDB ล่าสุด ดูเหมือนว่า Low จะเริ่มสะดุดกับการจ่ายเงินเสียแล้ว

เขาต้องการเงินเพิ่ม คราวนี้เป็นรายของ Deutsche Bank ที่เริ่มสนใจ จะเข้ามาร่วมทำธุรกรรมกับ 1MDB หลังจากพิจารณาจากผลกำไรของ Goldman ที่ทำได้จากกองทุน 1MDB ซึ่ง Low นั้นต้องการที่กู้ยืมเงินเพิ่มเติมจาก Deutsche Bank อีก 725 ล้านดอลลาร์

ซึ่งแม้จะมีคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของกองทุนที่มีลักษณะไม่ชอบมาพากล แต่ Mohammed Al Housseiny ผู้บริหารสูงสุดของ Aabar ก็ได้มาช่วยให้กระบวนการดังกล่าวของธนาคาร Deutsche Bank ดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งเมื่อ Deutsche Bank ได้ส่งเงินกู้งวดแรกจำนวน 725 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ Aabar แม้มันจะผิดแปลกอยู่บ้างที่ปรกตินั้น ธนาคารจะส่งเงินสดจำนวนมากเหล่านี้ไปยังผู้กู้โดยตรงซึ่งก็คือ กองทุน 1MDB แต่ Deutsche เห็นการมีส่วนร่วมอย่างชัดเจนจากกองทุนอาบูดาบี ทำให้วพกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คิดถึงแต่เพียงผลประโยชน์ที่จะได้รับเพียงเท่านั้น

และ กระบวนการยักยอก ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะผู้รับเงินที่แท้จริงแล้วนั้น เป็นบริษัทที่มีชื่อคล้าย ๆ กับ Aabar ที่ Al Husseiny จัดตั้งขึ้นโดยใช้บัญชีธนาคาร UBS ในสิงคโปร์ ซึ่งอีกสองวันต่อมา เงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ก็ถูกถ่ายโอนไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric อีกเช่นเคย

ซึ่งก็เหมือนเคยด้วยผลประโยชน์ มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บริษัท เชลล์ ของ Low ก็ได้ส่งเงิน 13 ล้านดอลลาร์ไปยัง Densmore ซึ่งเป็น บริษัทในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน ของ Otaiba ซึ่งมีบัญชีที่ BSI ในสิงคโปร์ ส่วน Khadem Al Qubaisi ที่เป็นหัวหน้าของ Al Husseiny ได้รับเงินไปอีก 15 ล้านดอลลาร์

ในเดือนกันยายนปี 2014 อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด ที่มีอายุ 89 ปี ซึ่งยังคงเป็นบุคคลสำคัญในพรรค UMNO ได้รับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา รวมถึง email จาก 1MDB ที่แสดงให้เห็นว่า Jho Low มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งการตัดสินใจลงทุน รวมถึงความไม่ชอบมาพากลของเงินทั้งหลายที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ

มหาเธร์ นั้นยังมีอำนาจอย่างสูงในพรรค UMNO และเขาเริ่มมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวหลังจากได้เห็นหลักฐานต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งเขามีความตั้งใจที่จะทำการบีบบังคับให้นายกรัฐมนตรี Najib Razak ลาออก เพราะหนี้ก้อนโตของกองทุนเหล่านี้ เสี่ยงต่อการนำพามาเลเซียไปสู่ภาวะวิกฤติได้แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอาร์เจนติน่า

ฝั่งของ Rewcastle-Brown ก็ได้เขียนบทความในหัวข้อ “การใช้จ่ายของ Jho Low และเงินเพื่อการพัฒนาของมาเลเซีย” ซึ่งชี้ประเด็นถึงเหตุผลว่า ทำไมกองทุนของประเทศต้องโกหกถึงบทบาทลับ ๆ ของ Low

Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน
Rewcastle-Brown กำลังไล่บี้ Low อย่างหนักเช่นเดียวกัน

และฝั่งของการตรวจสอบบัญชีก็เริ่มโกลาหล เพราะความกังวลของ Deloitte บริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง ก็ได้เรียกร้องให้มีการส่งเงินกลับจำนวนกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากบริษัทในหมู่เกาะเคย์แมน ที่มองว่ามีธุรกรรมที่มีความผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยการใช้จ่ายอย่างดุเดือดของ Low เขาคิดว่าจะสามารถปกปิดมันได้ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมใหม่ ๆ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ สาธารณชนเริ่มรู้สิ่งที่ Low ทำแล้ว และที่สำคัญ คนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งอย่าง มหาเธร์ โมฮัมเหม็ด กำลังมาเล่นเรื่องดังกล่าวด้วย ทำให้มันได้กลายเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังแท้จริงสำหรับ Low เพราะเขาจะหาเงินจากไหนมาจ่ายจำนวน กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์

และฝั่งของธนาคาร Deutsche Bank ก็ต้อน Low ไปอีกมุมเวที นายธนาคารชาวเยอรมัน เริ่มสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนที่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นหลักประกันในการกู้ยืม ซึ่งหากธนาคารเยอรมันขอเงินคืน กองทุนจะไม่สามารถหาเงินสดมาจ่ายได้อย่างแน่นอน

มาถึงตอนนี้ Low เริ่มที่จะจนมุม หลังจากถูกไล่บี้จากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งผู้มีอิทธิพลอย่าง มหาเธร์ นักข่าวที่เกาะติดเรื่องนี้ ขุดคุ้ยเรื่องนี้อย่างเต็มที่อย่าง Rewcastle-Brown ฝั่งตรวจสอบบัญชีอย่าง Deloitte ก็ไล่บี้จนดูเหมือนว่า Low จะไม่มีทางไปแล้ว และต้องยอมรับความจริงที่ว่า เงินทั้งหมด มันไม่เหลืออยู่แล้วเสียที แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ Low ถึงตอนนี้ใกล้จะถึงคราวสิ้นสุดของการหลอกลวงระดับโลก โดยชายที่ชื่อ Jho Low เสียแล้ว เขาจะจนมุมจริง ๆ หรือ ไม่ แล้วเขาจะหาทางออกอย่างไรจากสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 16 : Butterfly Effect

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References : http://khalifahmailonline.com/2018/06/10/sebaik-ph-menang-pru-ini-tindakan-yang-cuba-dibuat-jho-low-terhadap-tun-mahathir/

ประวัติ Jho Low ตอนที่ 10 : Win Win Situation

ต้องบอกว่าธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์อย่าง BSI นั้น เจริญรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เพราะการช่วยเหลือชาวยุโรปและอเมริกันที่ร่ำรวย ที่ต้องการซ่อนเงินสดในบัญชีส่วนตัวและหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีในประเทศของเขา ทำให้ธนาคารแบบ BSI นั้นกลายเป็นที่พึ่งที่สำคัญของเหล่าเศรษฐีเหล่านี้

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงกลางทศวรรษที่ 2000 ประเทศในยุโรปและอเมริกา ได้หมดความอดทนกับสวิตเซอร์แลนด์ และเริ่มกดดันให้ธนาคารเหล่านี้เริ่มส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับการโกงภาษี ซึ่งในท้ายที่สุด สหภาพยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์ได้ลงนามในสนธิสัญญาที่บังคับให้ธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่ถือโดยพลเมืองของประเทศอื่นในยุโรป หรือ สหรัฐอเมริกา และทำให้ ธนาคารเล็ก ๆ แบบ BSI นั้นไม่เป็นที่ต้องการของเหล่ามหาเศรษฐีอีกต่อไป

BSI ก็ได้บุกมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2005 แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เพราะต้องแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง UBS และ Credit Suisse แต่ต้องบอกว่ามันเหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้ Low ต้องมาเป็นพันธมิตรกับ BSI

เพราะ ธนาคาร Coutts ที่เป็นธนาคารที่ทางครอบครัว Low นั้นใช้บริการมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา โดย Yak Yew Chee นายธนาคารชาวสิงค์โปร์วัย 50 ปี ของ Coutts มีความผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่ BSI ทำให้บัญชีของครอบครัวของ Low นั้นก็ได้ย้ายตามมาด้วย

Coutts Bank ที่ผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ
Coutts Bank ที่ผูกพันกับครอบครัวของ Low มาตั้งแต่รุ่นพ่อ

ในปี 2009 ก็เป็น Yak นี่เองที่ช่วยเปิดบัญชีสำหรับบริษัทนอมินีของ Low อย่างบริษัท Good Star และเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นบัญชีของบริษัทที่ได้รับเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกถ่ายโอนมาจากกองทุน 1MDB ซึ่งมันเป็นความลับสุดยอด

และกองทุน 1MDB ยังได้ทำการเปิดบัญชีใหม่ที่ BSI ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับเงินอีกหลายพันล้านดอลลาร์ในอนาคตข้างหน้า และเพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริหารระดับสูงของ BSI นั้นจะไม่มีปัญหา Low จึงได้ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง โดยให้ Yak จัดการประชุมที่เมือง Lugano ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสของ 1MDB กับผู้บริหารระดับสูงของ BSI เพื่อสร้างความมั่นใจกันทั้งสองฝ่าย

และมันทำให้ Low ได้พบเจอกับนายธนาคารเด็กหนุ่มรุ่นใหม่อีกหนึ่งคนที่มีชื่อว่า Yeo Jiawei ซึ่งเป็นนายธนาคารรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 28 ปี ที่ BSI ต้องบอกว่า Yeo เป็นผู้เชี่ยวชาญในมุมมืดของระบบการเงินโลก โดยที่ BSI เขามีตำแหน่งในฐานะ “ผู้จัดการความมั่งคั่ง” ของเหล่ามหาเศรษฐีที่ต้องการบริการแบบพิเศษ

แต่ความเชี่ยวชาญที่แท้จริงของเขา คือ ความรู้ที่ซับซ้อนของวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้าชั้นยอดลดค่าภาษี เช่นเดียวกับธนาคารเอกชนหลายแห่งในสิงค์โปร์ที่กำลังคิดค้นกลยุทธ์ดังกล่าว เช่นเดียวกัน เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวอินเดีย และเศรษฐีชาวตะวันออกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ Yeo ใช้ก็คือ การฟอกเงินของลูกค้าผ่านกองทุนในสถานที่ที่ห่างไกลนั่นเอง

ซึ่งแทนที่จะให้ Yeo จัดการกับการเลี่ยงภาษี Low ได้บอกกับ Yeo ว่าเขาจะได้รับงานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยจะเป็นงานลับของรัฐบาล แน่นอนว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของ Yeo เป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นเขาก็ได้เริ่มทำในสิ่งที่ Low ต้องการ ในเดือนธันวาคมปี 2011 Yeo ได้มีการประชุมที่สิงค์โปร์กับ Jose Renato Carvalho Pinto ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ชาวบราซิล ที่ Amicorp Group ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทการเงินขนาดเล็ก

Yeo อธิบายกับ Pinto ว่า BSI ทำงานอย่างไรเกี่ยวกับกองทุนรวมที่ลงทุนในมาเลเซียและตะวันออกกลาง และต้องการให้ Amicorp จัดตั้งกองทุนโครงสร้างต่าง ๆ ซึ่งหลังจากได้ฟังแนวคิดคร่าว ๆ Pinto ก็เริ่มมีความสนใจ

Amicorp นั้นได้รับการสนับสนุนจากนักการเงินชาวดัตช์ ที่มีชื่อว่า Toine Knipping ซึ่งทำงานมานานหลายปีในฐานะนักการเงินใน Curacao เกาะในแคริบเบียน ที่เคยเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ก่อนมาตั้งรกรากในสิงค์โปร์

Knipping นั้น เคยทำงานให้กับธนาคารในเวเนซุเอลา หนึ่งในความเชี่ยวชาญหลักของเขา คือ ใน Curacao ช่วงปี 1970 และ 1980 กลายเป็นศูนย์กลางนอกชายฝั่ง ที่สำคัญ เป็นสถานที่สำหรับการเคลื่อนยาเสพติดในอเมริกาใต้เพื่อเข้าสู่สหรัฐอเมริกา และเป็นแหล่งฟอกเงินที่สกปรกแห่งหนึ่งของโลกในยุคนั้น

ซึ่งในการประชุม Yeo อธิบายว่า BSI ต้องการความช่วยเหลือของ Amicorp ในการจัดตั้งโครงสร้างของกองทุนการลงทุนสำหรับกองทุน 1MDB ของมาเลเซีย โดย Pinto ต้องช่วยในการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยธุรกรรมแรกกว่า 100 ล้านดอลลาร์นั้นมาจากบัญชี BSI ที่ควบคุมโดย 1MDB ไปสู่กองทุนรวมที่บริหารโดย Amicorp ใน Curacao

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นวิธีการฟอกเงินของลูกค้าผ่านสิ่งที่ดูเหมือนว่ามันคือ กองทุนรวม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เงินสดออกมาจากด้านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการโอนมาจากกองทุนรวม ซึ่งนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Enterprise Emerging Market Fund ส่งไปยังบริษัท เชลล์ที่ถูกควบคุมโดย Fat Eric ซึ่งเป็นบริษัทของ Low นั่นเอง

Curacao แหล่งฟอกเงินชั้นดีของเหล่าเศรษฐี
Curacao แหล่งฟอกเงินชั้นดีของเหล่าเศรษฐี

แม้ Yeo นั้นจะไม่เคยอธิบายเหตุผลทางธุรกิจที่ชัดเจน สำหรับการโอน มันมีความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่งที่กองทุนของรัฐเช่น 1MDB จะใช้โครงสร้างทางการเงินที่เป็นความลับ แต่ Pinto ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะ BSI นั้นได้รับรอง 1MDB เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ เงินที่ Low ดึงมาในล็อตแรก ๆ นั้น ค่อนข้างมีความเสี่ยงเพราะมีการส่งเงินสดโดยตรงจาก Good Star ไปยังบัญชีของเขาที่ BSI และเมื่อสื่อ เริ่มเพ่งเล็งตัวเขามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ The Edge ของ Tong Kooi Ong ทำให้เขาเริ่มหวาดระแวงมากยิ่งขึ้น และเริ่มสร้างวิธีการที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้ขั้นตอนผ่านตัวกลาง เช่น กองทุนใน Curacao ซึ่ง Low หวังว่ามันจะแนบเนียนมากยิ่งขึ้น และตามรอยเขาได้ยากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

และมีอีกกองทุนหนึ่งที่ช่วยในการฟอกเงินครั้่งใหญ่ครั้งนี้ นั่นก็คือ Bridge Partners International ซึ่งเป็นของนักการเงินชาวฮ่องกงที่ชื่อ Lobo Lee โดย Bridge Partners ได้จัดตั้งกองทุนขึ้นที่เกาะเคย์แมน ที่มีชื่อว่า กองทุน Bridge Global

โดยกองทุน Bridge Global นั้นมีลูกค้ารายเดียวซึ่งก็คือ 1MDB และยังแทบไม่ได้จดทะเบียนกับหน่วยงานในเกาะเคย์แมนเพื่อขออนุญาตลงทุนเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง 1MDB ได้อ้างสิทธิ์ในงบการเงิน โดยเฉพาะการลงทุนใน Bridge Global กว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ และ กำไร 500 ล้านดอลลาร์ จากเงินที่ PetroSaudi ให้ยืม

โดยกองทุน 1MDB จัดตั้งบริษัทย่อย ใหม่ชื่อว่า Brazen Sky ซึ่งเปิดบัญชีธนาคารกับ BSI เพื่อถือหน่วยลงทุนดังกล่าว แต่ต้องบอกว่าบริษัทใหม่นั้น มันไม่มีอะไรเลย นอกจากอาคารเปล่าๆ ไม่มีเงินสด มีเพียงหน่วยลงทุนเท่านั้น ที่คาดหวังผลกำไรจากการขายหุ้นในเรือขุดเจาะน้ำมันที่ไม่มีค่า

ซึ่งสุดท้าย ทุกคนก็จะปิดปากเรื่องดังกล่าว ด้วยผลประโยชน์ที่มหาศาล กองทุน 1MDB ตกลงที่จะจ่าย 4 ล้านเหรียญต่อปีให้กับ Bridge Partners Global และ 12 ล้านเหรียญต่อปีให้กับ BSI เพื่อจัดการเรื่องการฟอกเงินที่ซับซ้อนดังกล่าว ส่วนตัว Yeo นั้นก็ใช้ความอัจฉริยะของเขาดึงเงินหลายล้านดอลลาร์เข้าบัญชีส่วนตัวของเขา เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการฟอกเงินที่ WIN-WIN-WIN ของ ทุก ๆ ฝ่ายได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับ

ถึงตอนนี้ เราจะได้เห็นถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของเส้นทางการเงิน เนื่องจาก Low เริ่มถูกจับตามอง และมีการสืบสวนโดยสื่อที่เป็นอริของ Najib Razak ทำให้เขาต้องหาวิธีการที่ตามรอยยากมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านระบบการเงินที่มีความซับซ้อนเช่นนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับเขา โปรดติตามต่อตอนหน้านะครับผม

–> อ่านตอนที่ 11 : Goldman and the Sheikh

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

References Image : https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2017/07/14/ex-bsi-bankers-trial-opens-up-pandoras-box-regarding-1mdb/