Cyborg Warriors กับอนาคตหุ่นยนต์ทหารของกองทัพสหรัฐ

ทหารสหรัฐฯมีแผนที่จะเปลี่ยนทหารให้กลายเป็นนักรบหุ่นยนต์ไฮเทคด้วยการทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเพิ่มส่วนของความรู้สึกเข้าไปในหุ่นยนต์ดังกล่าว และเชื่อมสมองของพวกเขาเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างกองทัพยุคใหม่ที่แข็งแกร่ง

เพนตากอนได้กล่าวว่า cyborgs หุ่นยนต์เหล่านี้จะพร้อมที่จะลุยในสนามรบจริงภายในปี 2050 กระทรวงกลาโหมเพิ่งทำการปกปิดรายงานใหม่เมื่อเดือนตุลาคมที่มีการระบุรายละเอียดแผนการ “ มนุษย์ / เครื่องจักรฟิวชั่น”

ซึ่งในบทสรุปของรายงานระบุการอัปเกรดที่สำคัญสี่ประการซึ่งหวังว่าจะพัฒนาในอีกสามทศวรรษข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการเพิ่มความสามารถเรื่องการมองเห็นและการได้ยินของทหารและต้องการทำให้ทหารแข็งแกร่งขึ้นด้วยการสวมใส่อุปกรณ์รูปแบบใหม่ที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้

จากรายงานดังกล่าวใน 3 หมวดแรกนั้น จะเป็นการแสดงศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานปกติของทหารที่มีอยู่เดิม”

สิ่งที่แวดวงทหารตื่นเต้นจริงๆคือในหมวดที่สี่: “การเพิ่มประสิทธิภาพระบบประสาทโดยตรงของสมองมนุษย์สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการเชื่อมโยงจิตใจของทหารกับคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้นำทหารสามารถถ่ายโอนข้อมูลใหม่ได้ทันที เพื่อให้ทหารสามารถที่จะควบคุมยานพาหนะไร้คนขับ โดยใช้เพียงแค่ความคิดของพวกเขาเท่านั้น

อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือ : “การเพิ่มทหาร Cyborgs เหล่านี้เข้าไปนั้น จะนำไปสู่ความไม่สมดุล ความไม่เท่าเทียมกัน รวมถึงเรื่องของกรอบกฎหมายในด้านความปลอดภัยและเรื่องของจริยธรรมนั่นเอง”

ความเห็นจากผู้เขียน

เรื่องราวของวงการทหารนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่กำลังนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่รุดหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของ Brain Machine Interface หรือการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์ เมื่อนำมาใช้ในวงการทหารนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

มันจะสร้างความเป็นต่อในเรื่องการรบและเพิ่มศักยภาพของกองทัพได้อย่างแน่นอน หากเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ จะเห็นได้ว่าในขณะที่ประเทศไทยกำลังถกเถียงกันเรื่องเกณฑ์ทหาร หรือ จัดซื้อาวุธยุคโบราณอยู่นั้น แต่โลกทางการทหารได้ก้าวไปไกลมาก ๆ แล้ว และ หากเราไม่พัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วยตัวเองบ้างนั้น ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียความสามารถในการรบ และแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อความมั่นคงของชาติเราเช่นเดียวกันนั่นเอง

References : https://www.armytimes.com/news/your-army/2019/11/27/cyborg-warriors-could-be-here-by-2050-dod-study-group-says/

Brain to Speech กับอุปกรณ์สุดล้ำที่เปลี่ยนความคิดเป็นคำพูด

อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สมองใหม่จะถอดรหัสกิจกรรมของสมองเพื่อค้นหาว่ามีใครพยายามพูดอะไรและใช้ข้อมูลนั้นในการสังเคราะห์ประโยคแบบเต็มและเปลี่ยนเป็นเสียงให้ได้ยิน

อุปกรณ์นี้ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบและการวิจัยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่อุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์แรกที่สร้างประโยคแบบเต็มรูปแบบในแบบที่คนอื่นเข้าใจได้โดยอ้างอิงจาก Scientific American -เป็นความหวังสำหรับผู้ที่ สูญเสียความสามารถในการสื่อสารจากการป่วยในโรคต่าง ๆ

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโกอธิบายว่า อุปกรณ์เหล่านี้ที่พยายามแปลพฤติกรรมของสมองเป็นการพูดด้วยเสียงนั้นซับซ้อนเกินไปตามการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature

แต่พวกเขาใช้เทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์เพื่อเชื่อมโยงสัญญาณที่สมองส่งไปยังผู้ใช้งานที่สอดคล้องกับคำศัพท์เฉพาะซึ่งท้ายที่สุดเป็นการจำลองพฤติกรรมของการสร้างคำที่ฟังดูสมจริง ในการทดสอบการทำงานอุปกรณ์สามารถสังเคราะห์เสียงพูดในขณะที่ผู้คนพูดคำอย่างเงียบ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คนที่ได้ฟังประโยคจากเครื่องดังกล่าวนั้นยังเข้าใจผิดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประโยคทั้งหมด แต่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอุปกรณ์เหล่านี้

“สำหรับคนที่หูหนวก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถสื่อสารได้นั้น ข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ยังพอที่จะรับได้” มหาวิทยาลัย Northwestern University neuroengineer Mark Slutzky ที่ได้ดำเนินโครงการที่คล้ายกันบอกกับทาง SCIAM “ เห็นได้ชัดว่าคุณสามารถ พูดอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ แต่มันก็ยังดีกว่าการพิมพ์คำตัวอักษรทีละตัวซึ่งเป็นการสื่อสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และเทคโนโลยีนี้กำลังมีความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารได้นั่นเอง”

References : https://www.scientificamerican.com/article/scientists-take-a-step-toward-decoding-speech-from-the-brain/ https://www.news-medical.net/news/20190425/Device-converts-brain-signals-into-speech-offers-hope-for-patients.aspx

BCI อาจะทำให้มนุษย์สามารถสื่อสารกันได้ผ่านกระแสจิต

งานวิจัยล่าสุดอาจจะทำให้เราสามารถที่จะสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองผ่านกระแสจิตได้สำเร็จ ซึ่งต้องขอบคุณเทคโนโลยี อินเตอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมอง (Brain Computer Interface-BCI) ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าครั้งล่าสุดที่เป็นส่วนสำคัญของรายงานฉบับใหม่ เกี่ยวกับเทคโนโลยีปลูกถ่ายประสาทเทียมโดย Royal Society ซึ่ง เป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร

โดย เอกสารนี้ได้รายงานการ เชื่อมต่อส่วนต่าง ๆ ของสมองกับคอมพิวเตอร์ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งตอนนี้สามารถทำให้เป็นไปได้ แต่ก็ได้มีการเตือนว่าการเชื่อมต่อสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์นั้นอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง

“ ไม่เพียง แต่ความคิด หรือ ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสเท่านั้น ที่สามารถสื่อสารจากสมองสู่สมอง”  “ ตอนนี้เทคโนโลยีมันทำให้สามารถส่ง “ข้อมูลอะไรก็ตาม” ของสิ่งที่พวกเขาเห็น ได้ยิน หรือชิมเข้าไป และส่งผ่านกระแสจิต เข้าไปในสมองของเพื่อนที่บ้านได้”

เพื่อให้แน่ใจว่าการปลูกฝังระบบประสาทเหล่านี้ในอนาคตจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของผู้คนและสังคมอย่างถูกต้องที่สุด , Royal Society กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบในเทคโนโลยีดังกล่าวก่อนที่จะนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์จริง ๆ

มิฉะนั้นบริษัทเอกชน เช่น Facebook ที่ทำงานอยู่ในระบบของตัวเอง ก็จะสามารถกำหนดวิธีการในการใช้เทคโนโลยีตามเงื่อนไขของตนเองได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เกิดขึ้นได้ เมื่อข้อมูลดังกล่าวนั้นสามารถส่งผ่านคลื่นสมองออกไปได้ง่าย ๆ นั่นเอง

“พวกเขาอาจจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากในสหราชอาณาจักรและเปลี่ยนแปลงสุขภาพของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงประโยชน์ในการดูแลสังคมที่ดีขึ้นนั่นเอง” วิศวกร จาก อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน Christofer Toumazou กล่าว “ แต่หากการพัฒนาได้รับการกำหนดโดยบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่มีข้อมูลมหาศาล และเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้นนั่นเอง และเป็นเหตุผลที่เรากำลังเรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มการสอบสวนเรื่องราวเหล่านี้ในระดับนานาชาติ”

References : https://www.independent.co.uk/life-style/gadgets-and-tech/news/brain-computer-interface-neuralink-elon-musk-telepathy-a9097821.html https://michellepetersen76.files.wordpress.com/2017/10/advanced-artificial-limbs-mapped-in-the-brain-neuroinnovations.jpeg?w=585&h=280&crop=1

BCI กับการแปลงความคิดคนเป็นอัมพาตเป็นคำพูด

การปลูกฝังสมองใหม่จากสถาบันวิจัยการแพทย์ฟินสไตน์ในนิวยอร์กอาจจะสามารถอ่านความคิดของผู้คนและสำหรับผู้ที่ไม่สามารถพูดด้วยตนเองได้ เช่นผู้ที่เป็นอัมพาต ให้สามารถพูดออกมาดัง ๆ ผ่านความคิดของพวกเขา

ระบบคอมพิวเตอร์สมอง Brain-Computer Interface (BCI) จะเป็นระบบที่ตั้งอยู่บนพื้นผิวของสมอง โดยขั้วไฟฟ้าจะทำการตรวจจับสัญญาณประสาทที่ส่งออกจากบริเวณสมองที่รับผิดชอบในการรับรู้และสร้างคำพูดซึ่งจะถูกถอดรหัสโดยคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการรายงานจาก statnews.com

เทคโนโลยี BCI ยุคปัจจุบันไม่สามารถสร้างเส้นทางการส่งสัญญาณเสียงพูดที่สมบูรณ์แบบได้ คนที่ใช้ระบบใหม่นี้จะไม่สามารถสร้างคำพูดที่ไพเราะ แต่จากข้อมูลใหม่ของ  statnews.com  แพทย์เชื่อว่าพวกเขาอาจปล่อยให้คนที่เป็นอัมพาต สามารถบอกผู้ดูแลได้ว่าพวกเขาหิวกระหาย เกิดความเจ็บปวด หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ค่อนข้างเรียบง่าย สำหรับพวกเขา แต่เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการแสดงออกมาผ่านคำพูด

นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้แพทย์ทราบว่าคนที่ไม่รู้สึกตัว จะสามารถรู้สึกตื่นตัวและตอบสนองหรือหลับไปตามเวลาที่กำหนดได้นั่นเอง

แต่ทาง statnews.com นั้นชี้ให้เห็นอย่างว่าอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์กับสมองทางการแพทย์ เช่นนี้กำลังถูกทดสอบกับอาสาสมัครที่ได้รับการผ่าตัดสมองสำหรับโรคลมชักอย่างรุนแรงเป็นที่เรียบร้อยแล้วแล้ว

การปลูกถ่ายสมองอาจจะมีผลกระทบต่อการทำลายสมองหรือถูกปฏิเสธโดยระบบประสาทและเนื่องจากอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ตลอดไป การผ่าตัดสมองหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงมีความจำเป็น แต่สักวันหนึ่งหากคำถามเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของสมองได้รับการแก้ไขดูเหมือนว่าพลังการช่วยเหลือของการปลูกถ่าย BCI ก็พร้อมที่จะใช้มันเป็นเรื่องปรกติเหมือนกับการผ่าตัดรูปแบบอื่น ๆ นั่นเอง

References : https://www.statnews.com http://www.medgadget.com/img/kjfdjye.jpg

Geek Monday EP13 : Trend ใหม่สุดล้ำกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์

การเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปรกติภายในหนึ่งทศวรรษหรือประมาณนั้น โดยมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสมอง หลายสิบล้านเครื่องถูกจำหน่ายในทุกๆ ปี ในอนาคตอันใกล้นี้

BMIs (Brain Machine Interfaces) เป็นงานที่น่าสนใจในการวิจัยที่มีศักยภาพสูงโดยเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อแชร์ข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ 

งานบางส่วนของ BMI นั้นไม่เกินเลยจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยนึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ซึ่ง
รูปแบบพื้นฐานของเทคโนโลยี BMI ได้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานหลายปีแล้วเช่นประสาทหูเทียมซึ่งให้ความรู้สึกถึงเสียงแก่คนที่หูหนวกหรือได้ยินยาก ซึ่งยังรวมถึงอีกกรณีที่ใช้ทางการแพทย์ในการเป็นขาเทียม

ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์กับสมองแบบใหม่ ๆ  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สักวันหนึ่งอาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่แพร่หลายซึ่งจะช่วยเหลือทุกคนได้ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep13-trend-brain-machine-interfaces/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/640CmtDmWTn9d2FaqWBRfz

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/PMU42BW-xSY