และยังรวมถึงบริษัทเอกชนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Western Union และ MoneyGram ได้หยุดทำธุรกิจในอัฟกานิสถาน และจำกัดการชำระเงินในต่างประเทศ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นแหล่งเงินสนับสนุนหลักสำหรับชาวอัฟกานิสถานจำนวนมาก
มีรายงานจากเว็บไซต์ India TV ที่รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า “ธนาคารในอัฟกานิสถาน ไม่มีเงินสดอยู่ในตู้ ATM และธนาคารก็ไม่ได้เปิดดำเนินการ รวมถึงสำนักงานของ Western Union ก็ปิดทำการ”
Lai ได้กล่าวว่า Crypto นั้นได้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่เคย ซึ่งทาง Lai เองก็ได้รับคำขอร้องจากหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายทั่วโลกตลอดเวลา รวมถึงในสหรัฐอเมริกาเองด้วย
ซึ่งข้อบ่งชี้ที่สำคัญในเรื่องภาษาอังกฤษของเค้านั้นมาจากการใช้คำศัพท์ที่เป็น British English เช่นการใช้วลี “blood hard” ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในเครือจักรภพ รวมถึง comment ต่าง ๆ ในตัว sourcecode หรือ forum ต่างๆ ที่เค้าไปตอบคำถามนั้นใช้คำที่เป็น British English ซึ่งหลายๆ คนเชื่อว่าเค้าน่าจะมีสัญชาติใดสัญชาติหนึ่งในเครือจักรภพของอังกฤษ
และ Stefan Thomas ซึ่งเป็นหนึ่งในนักพัฒนาซอฟท์แวร์ชาวสวิส ที่อยู่ใน community ของ bitcoin นั้นได้ทำการเก็บข้อมูลในเรื่องของเวลาที่ Nakamoto มา post ความคิดเห็นใน forum มากกว่า 500 ครั้ง ซึ่งผลพบว่า Nakamoto นั้นจะไม่มา post ในช่วงเวลา 5 AM ถึง 11 AM GMT
โดยเค้าได้ให้ความเห็นไว้ใน RT The Keiser Report ว่า “มีเพียงชายคนเดียวในโลกนี้ที่ยังมีลมหายใจอยู่ และ มีความรู้เฉพาะเจาะจงในด้านนี้มากที่สุดซึ่งก็น่าจะเป็น Szabo”
ในขณะที่ Szabo นั้นก็ได้ปฏิเสธ ว่า Satoshi นั้นไม่ใช่เค้าอย่างแน่นอน และเคยชินกับการที่ถูกมองว่าเป็น Satoshi ไปแล้ว รวมถึงสื่อชื่อดังอย่าง New York Times ก็ได้ออกบทความที่กล่าวไว้ว่า “หลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดในการคาดเดาตัวตนของ Satoshi นั้นชี้ไปที่หนุ่มอเมริกันเชื้อสายฮังกาเรียนที่ชื่อ Nick Szabo“
โดย Dorian Nakamoto นั้นเริ่มเรียนทางด้านฟิสิกส์ที่ Cal Poly University in Pomona หลังจากนั้นเค้าก็ก้าวไปเป็น System Engineer และได้มีโอกาสทำงานด้าน Software Engineer ในบริษัทด้านเทคโนโลยีและข้อมูลทางด้านการเงิน
และ Jeff Garzik นักพัฒนาอีกราย ก็ได้ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันอีกว่าหลักฐานที่ทาง Wright อ้างถึงนั้น ไม่สามารถพิสูจน์ได้จริงว่าเขาคือ Satoshi Nakamoto รวมถึง Dan Kaminsky นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์ ได้สรุปการกล่าวอ้างของ Wright ว่า “เป็นการโกหกโดยเจตนา”
ในเดือนมิถุนายมปี 2016 London Review of Books ได้เผยแพร่บทความ โดย Andrew O’Hagan เกี่ยวกับเรื่องราวในหนังสือของเขาที่ชื่อ “The Secret Life:Three True Stories”
ในปี 2011 บทความใน The New Yorker โดย Joshua Davis ได้อ้างถึงตัวตนของ Nakamoto ที่มีโอกาสเป็นไปได้ โดยกล่าวถึง นักเศรษฐศาสตร์ชาวฟินแลนด์ Dr. Vili Lehdonvirta และ นักศึกษาปริญญาโทด้าน Cryptography ที่ชื่อ Micheal Clear ซึ่งทั้งสองก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ Satoshi Nakamoto
ในเดือน ตุลาคม ปี 2011 นักเขียนแนวสืบสวนสอบสวน จาก Fast Company ที่ชื่อ Adam Penenberg ได้อ้างถึงพยานและหลักฐานว่า Neal King , Vladimir Oksman และ Charles Bry อาจจะเป็นตัวจริงของ Satoshi Nakamoto
ในปี 2013 นักคณิตศาสตร์ชาว อิสราเอลสองคน คือ Dorit Ron และ Adi Shamir ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระหว่าง Nakamoto และ Ross William Ulbricht ซึ่งทั้งสองได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ network ของ bitcoin transaction แต่ Ross ก็ปฏิเสธการกล่าวอ้างดังกล่าว
ฝาแฝด Winklevoss ได้เริ่มสร้าง บริษัท Bitcoin ใหม่อย่างเงียบ ๆ ที่โต๊ะทำงานด้านหลังสำนักงานในแมนฮัตตันของ Winklevoss Capital
เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างการแลกเปลี่ยน Bitcoin รูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากแนวคิดเดิมของ Roger Ver แต่เป็นการผูกมิตรกับกลุ่มทางการเงินขนาดใหญ่อย่าง Goldman และ Citibank แทน
บางสิ่งบางอย่างได้เผยให้เห็นชะตากรรมของสาวกรุ่นแรก ๆ ของ Bitcoin ตัวของ Ross Ulbricht ได้รับการช่วยเหลือจากนักลงทุน Bitcoin รุ่นแรก ๆ หลายคนเช่น Roger Ver ผู้ซึ่งเข้ามาช่วยจ่ายเงินในเรื่องการดำเนินคดีทางกฏหมายให้กับเขา
องค์กรที่ Mark, Roger และ Charlie ได้สร้างขึ้น ได้ช่วยให้ Bitcoin เข้าสู่กระแสหลัก คือ Bitcoin Foundation พังทลายลงเมื่อพวกเขาต้องแยกทางกันไปตามทางเดินใหม่ของตนเอง
แทนที่จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในแรงบันดาลใจเชิงอุดมคติของโลก Bitcoin การสลายตัวของ Bitcoin Foundation ได้ปูทางไปสู่ความเป็นมืออาชีพในอุตสาหกรรมมากขึ้น
บริษัท ร่วมทุน Andreessen Horowitz และนักลงทุนรายใหญ่อีกสองสามรายช่วยกันจัดตั้ง Coin Center ในวอชิงตันดีซีเพื่อให้ความรู้และล็อบบี้หน่วยงานกำกับดูแลและผู้ออกกฎหมาย และศูนย์นี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างรวดเร็วในฐานะเสียงของชนชั้นสูงใหม่ใน Bitcoin
Gavin Andresen ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับค่าตอบแทนจาก Bitcoin Foundation ได้ย้ายไปทำงานที่ MIT Media Lab ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการริเริ่มสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง
กลุ่มคนใน Silicon Valley มองว่า Bitcoin เป็นสิ่งที่ให้แรงจูงใจสำหรับผู้คนใหม่ ๆ ในการรักษา Blockchain และป้องกันการโจมตี ซึ่งหากคิดเหมือนกลุ่ม Wall Street การที่ blockchain ที่ดูแลโดยธนาคารเพียง 20 แห่งนั้นง่ายกว่ามากในการถูกโจมตี
การถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อสันนิษฐานนี้ Blockchain ที่ทรงพลังจำเป็นต้องใช้สกุลเงินเสมือนเช่น Bitcoin หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ยังดึงดูดผู้เข้าร่วมจากธนาคารกลางรวมถึง Federal Reserve และ Bank of England ให้มาพินิจพิเคราะห์กับเทคโนโลยีของ Blockchain
ที่สนามแข่งรถ Formula One ชานเมืองออสตินรัฐเท็กซัส ได้ถูกจัดแสดงในการประชุมสำหรับชุมชน Bitcoin ที่มีอุดมการณ์มากขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2014 ซึ่งจัดขึ้นโดย Texas Bitcoin Association
ออสตินเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการจัดงานเพราะที่นี่ Ross Ulbricht เติบโตขึ้นและก่อตั้ง Silk Road ซึ่งเป็นการทดลองที่แท้จริงที่สุดในอุดมคติของ Bitcoin ในยุคแรก ๆ
ถึงตอนนี้ Ross ได้ถูกจำคุกในบรูคลินรอการพิจารณาคดี และพ่อแม่ของเขาต้องย้ายไปนิวยอร์กเพื่อใกล้ชิดกับเขามากขึ้น แต่ Lyn Ulbrich แม่ของเขากลับไปที่ออสตินเพื่อเข้าร่วมการประชุม
ตอนนี้เธอกำลังระดมทุนเพื่อการแก้ต่างทางกฎหมายให้กับ Ross เธออธิบายว่าตอนที่ Ross ถูกจับ ได้ถูกยึด Bitcoin ไปทั้งหมดและครอบครัวก็ต้องใช้เงินออมเพื่อจ่ายค่าทนายความราคาแพงของเขา
โดยทั่วไปแล้วตลาดที่ Ross สร้างขึ้นนั้นถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ดีทางศีลธรรมซึ่งทำให้ผู้คนสามารถตัดสินใจได้เองว่าพวกเขาต้องการจะอยู่อย่างไรโดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาล แทนที่จะทำสิ่งชั่วร้ายอย่างอื่น Silk Road ทำให้โลกนี้ปลอดภัยขึ้นโดยการอนุญาตให้ผู้คนซื้อยาเสพติดได้อย่างปลอดภัยจากที่บ้าน
นอกเหนือจากการปรากฏตัวของ Lyn Ulbricht แล้ว ส่วนที่น่าจดจำที่สุดของการประชุมคือรูปลักษณ์เสมือนจริงของ Charlie Shrem แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเดินทางไปเท็กซัสได้ แต่ผู้จัดงานได้ทำการ Skype และฉายฟีดสดของ Charlie จากห้องนอนชั้นใต้ดินโดยมีกีตาร์อยู่ข้างหลังเขา
Charlie สวมเสื้อยืด “BOUGH WITH BITCOINS” สีน้ำตาลที่เขาใส่เมื่อสองเดือนก่อนตอนที่เขาได้พบกับ Nic Cary เพื่อดื่มก่อนที่เขาจะถูกจับกุม
Charlie อยู่ระหว่างการพยายามเจรจาหาข้อยุติกับรัฐบาลเพื่อลดเวลาที่เขาต้องรับโทษ Charlie จะสารภาพผิดในเรื่องของการช่วยเหลือและสนับสนุนการส่งเงินที่ไม่มีใบอนุญาตของ BitInstant และจะยอมรับโทษจำคุกหนึ่งปี
JPMorgan ได้สร้างกลุ่มที่เรียกว่า Bitcoin Working Group โดยมีสมาชิกประมาณสองโหลจากทั่วทั้งธนาคารและทั่วโลกซึ่งนำโดยหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของธนาคารและกำลังพิจารณาว่าแนวคิดเบื้องหลัง Bitcoin จะถูกควบคุมโดยอุตสาหกรรมการเงินอย่างไร
กลุ่ม JPMorgan นี้เริ่มทำงานอย่างลับๆ กับธนาคารรายใหญ่อื่น ๆ ในประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่รู้จักกันในชื่อ The Clearing House จากความพยายามในการทดลองเพื่อสร้าง Blockchain ใหม่ที่จะดำเนินการร่วมกันโดยคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของ ธนาคารและทำหน้าที่เป็นกระดูกสันหลังของระบบการชำระเงินแบบใหม่ที่อาจเข้ามาแทนที่ Visa, MasterCard และการโอนเงินผ่านธนาคาร