ประวัติ Jack Ma แห่ง Alibaba ตอนที่ 6 : Alibaba

การออกจากปักกิ่งครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าแจ๊คนั้นหมดหนทางเลือกเลยเสียทีเดียว ก่อนที่แจ๊คจะออกจากปักกิ่ง นั้น YAHOO และ โชวหู (Sohu) ก็ได้ยื่นโอกาสให้แจ๊ค โดย YAHOO ต้องการผู้จัดการสาขาประจำประเทศจีน เจอร์รี่ หยาง นึกถึงแจ๊คทันที และพยายามง้อแจ๊คหลายครั้ง แต่แจ๊ค ก็ตอบปฏิเสธเจอร์รี่ หยาง มาโดยตลอด เพราะเขาวางอนาคตของตัวเองแล้วว่าจะสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของตัวเองขึ้นมา

ส่วน โชวหู นั้น ตอนนั้น ถือเป็นเว๊บที่โด่งดังมาก ๆ ของจีน และต้องการผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่ง COO ( Chief Operation Officer)  ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือแจ๊ค ผู้เปรียบเสมือนเป็น บิดาแห่ง internet จีนนั่นเอง แต่แจ๊คก็ได้ตอบปฏิเสธไปเหมือนกัน เพราะเขามีเป้าหมายเดียวคือการสร้างบริษัทของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เว๊บ Sohu ซึ่งตอนนั้นเป็นธุรกิจที่ร้อนแรงมาก ๆ ของจีน
เว๊บ Sohu ซึ่งตอนนั้นเป็นธุรกิจที่ร้อนแรงมาก ๆ ของจีน

การที่จะสร้างบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้ตาม ตามวิสัยทัศน์ของแจ๊ค นั้น ก็ต้องมีชื่อแบรนด์ที่ใช้ได้ทั่วโลกเช่นกัน ทีมงานทุกคนต่างถูกปลุกให้ระดมสมอง ทุกคนก็พยายามสรรหาชื่อที่เหมาะสม พวกเขา list รายชื่อได้ร้อยกว่าชื่อ แต่กลับไม่มีชื่อไหนถูกใจแจ๊ค

ปลายปี 1998 แจ๊คไปติดต่องานที่อเมริกา ขณะกินอาหารที่ร้านธรรมดาแห่งหนึ่ง เขากำลังคิดโยงไปถึงนิทานปรัมปราที่ทุกคนรู้จักดีแต่ก็เริ่มลืมเลือนไปแล้ว internet เหมือนขุมทรัพย์วิเศษ รอให้ผู้คนไปขุดคุ้ย บุกเบิกและนำไปใช้ มันเหมือนกับเทพนิยายอาลีบาบา ใน อาหรับราตรี

ชื่อมาจาก เทพนิยาย อาหรับราตรี
ชื่อมาจาก เทพนิยาย อาหรับราตรี

ครุ่นคิดได้ไม่นาน เขาก็ระงับความตื่นเต้นกับชื่อนี้ไม่ไหว รีบเดินสู่ถนนใหญ่หน้าร้านอาหาร สอบถามผู้คนที่เดินไปมาอยู่แถว ๆ ร้านอาหาร ว่ารู้จัก อาลีบาบา ไหม  ซึ่งเป็นคำตอบที่ได้จากทุกคนที่เขาถาม “Alibaba — Open Sesame!”

และที่ล้ำค่าที่สุด อาลีบาบาออกเสียง “a-li-ba-ba” ในเกือบทุกภาษาของโลก เป็นชื่อที่ไม่ว่าจะใช้ภาษาอะไรก็ไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งทำให้แจ๊ค รู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม หากใช้ชื่อนี้ แน่นอนว่านักธุรกิจทั่วโลก ต้องรู้จักมันอย่างไม่ยากเย็น และ ฟังแล้วเข้าใจทันที แจ๊ค จึงตัดสินใจใช้ “alibaba.com” ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษที่ออกเสียงตรงกันกับภาษาจีนอีกด้วย

ในเดือนมกราคม ปี 1999 แจ๊คและทีมงานก็ได้เคลื่อนพลจากปักกิ่ง กลับ หังโจว ทันทีที่ถึงหังโจว เขาก็เรียกประชุมทีมงานที่บ้านของเขาทันที โดยเป็นการหารือ เรื่องการสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่ง เขาต้องการให้ทีมงานทุกคน นำเงินส่วนตัวมาลงขัน โดยต้องไม่มีการยืมมาจากญาติพี่น้อง ต้องเป็นเงินส่วนตัวเท่านั้น และสำคัญต้องไม่ทำให้ครอบครัวของตัวเองเดือดร้อนด้วย

สุดท้ายทั้งหมดก็ควักเงินมารวมกันได้ 500,000 หยวน โดยแบ่งเป็นคนละ 10,000 – 20,000 หยวน โดยเงินทั้งหมดหมดก้อนแรกนี้ ถือ เป็นเงินทุนตั้งต้นของอาลีบาบา ซึ่งอุดมการณ์ของแจ๊ค คือ เขาต้องการให้พนักงานทุกคนถือหุ้น ให้ธุรกิจในอนาคต เป็นธุรกิจหุ้นส่วนอย่างแท้จริง 

ปัญหาใหญ่อีกอย่างของแจ๊ค คือ ตอนนี้ alibaba.com นั้นได้ถูกจดทะเบียนไว้ก่อนแล้วโดยนักธุรกิจของแคนาดา ซึ่งแจ๊คต้องใช้เงินกว่าหมื่นเหรียญในการซื้อ ชื่อ Domain ดังกล่าว ซึ่งจากเงินลงทุน 500,000 หยวน นั้น หมื่นเหรียญถือเป็นเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว แต่แจ๊คก็ต้องจำใจซื้อมันมา เพราะ ต้องการใช้ชื่อ Brand Alibaba.com อย่างจริงจัง

ใช้เงินกว่าหมืนเหรียญในการซื้อ domain alibaba.com
ใช้เงินกว่าหมืนเหรียญในการซื้อ domain alibaba.com

การกลับมาหังโจวครั้งนี้ นั้น ความจริงแจ๊ค นั้นมีความคิดเบื้องต้นของเขาไว้อยู่แล้วสำหรับโมเดลของธุรกิจใหม่ใน alibaba.com  สภาพของประเทศจีนในตอนนั้นเว๊บไซต์ เริ่มเกิดขึ้นตามมาเป็นดอกเห็ด เว๊บอีคอมเมิร์ซ เกิดขึ้นมากมาย ธุรกิจ online กำลังกลายเป็นกระแสในธุรกิจของจีน

แต่แจ๊ค นั้นมองอีกอย่าง เขามองว่า อีคอมเมิร์ซ แบบ B2C หรือ Business to Customer นั้นเป็นเรื่องที่จีนยังไม่มีความพร้อม ทั้งเรื่องการชำระเงิน ธนาคารก็ยังไม่มี model รูปแบบการชำระเงินรองรับการซื้อขายแบบ online เลยเสียทีเดียว ส่วนเรื่องระบบ logistics นั้นยิ่งแล้วใหญ่ ยังไม่มีความพร้อมใด ๆ กับการส่งสินค้าไปให้ลูกค้า หากตลาดมันเกิดใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ ในตอนนั้น มันต้องเป็นสภาพที่ทุลักทุเลเป็นอย่างมากแน่นอน 

แจ๊ค รู้สึกทันทีว่า โมเดลแบบอเมริกา นั้น ยังไม่เหมาะกับประเทศจีน เขาจะผลักดันโมเดลใหม่คือ B2B (Business to Business) ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานกับกระทรวงการค้าต่างประเทศที่ปักกิ่ง ทำให้แจ๊คสามารถมองเห็นภาพรวมในแง่ของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 

และมันยังทำให้แจ๊คเข้าใจหลักการหนึ่ง คือ ธุรกิจ SME คือผู้ที่ต้องการ อีคอมเมิร์ซมากที่สุด การให้ SME สร้างโลกใบใหม่ที่เป็นเอกเทศโดยใช้ internet นี่จะเป็นการปฏิวัติ internet อย่างแท้จริง

เว๊บไซต์ ที่เขาคิดจะทำต้องเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ สำหรับให้ร้านค้าปลีกต่าง ๆ มาตั้งร้านในโลกออนไลน์ ในฐานะที่จีนเป็นประเทศซึ่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มตัวนี้จะกลายเป็นตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในอนาคต ผู้คนจะสามารถพบและขายของได้ทุกอย่างที่แพลตฟอร์มแห่งนี้ ทั้ง ถุงเท้า ดอกไม้ประดิษฐ์ หลอดกาแฟ เครื่องกีฬา อุปกรณ์ห้องน้ำ เครื่องประดับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ต่าง ๆ 

ต้นเดือน กุมภาพันธ์ 1999 โมเดลของแจ๊ค ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และอาลีบาบาก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในที่สุด

ในที่สุด alibaba.com เว๊บไซต์โมเดลใหม่ของแจ๊คก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ในที่สุด alibaba.com เว๊บไซต์โมเดลใหม่ของแจ๊คก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าแจ๊คนั้น กำลังทำในสิ่งที่ผู้คนในตลาดส่วนใหญ่ ไม่ได้มีใครนึกถึง ในตอนนั้น ผู้คนแห่กันไปทำ เว๊บไซต์ เลียนแบบอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น YAHOO , Ebay หรือ Amazon แต่ แจ๊ค กำลังคิดต่าง จากประสบการณ์การทำงานในกระทรวงการค้าต่างประเทศกว่าหนึ่งปีนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แจ๊ค ได้เห็น model บางอย่างที่เป็นช่องว่างของตลาดอยู่ นั่นก็คือ เหล่า SME ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจีน พวกเขาเหล่านี้ต้องการ อีคอมเมิร์ซมากที่สุด แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ อาลีบาบา ธุรกิจใหม่ของแจ๊ค โปรดติดตามได้ในตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 7 : 18 Founders

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Internet *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

Book Review : ชีวประวัติ แจ๊ค หม่า มีชีวิตอยู่เพื่อสะท้านโลก

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนึงในหนังสือที่ผู้ที่ทำ Start Up หรือ เหล่า Entrepreneur ควรที่จะหามาอ่านเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าเป็นการรวมรวมประวัติของ Jack Ma ที่มีรายละเอียดที่มากที่สุดเล่มนึง ซึ่งทำการแปลโดยสำนักพิมพ์ postbooks

ด้วยเนื้อหาของหนังสือที่ค่อนข้างเยอะมาก โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยของประวัติ Jack Ma ค่อนข้างเยอะมาก ตั้งแต่ช่วงชีวิตการเรียน จนมาสร้างบริษัท Starup และจนประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของ Alibaba ในปัจจุบัน และทำ IPO ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก จนมีมูลค่า Market Cap สูงถึง 7.3 ล้านล้านบาทซึ่งทำให้กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้

ประวัติของ Jack Ma นั้นถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเริ่มต้นด้วยอาชีพการเป็นครูภาษาอังกฤษ และแทบไม่มีพื้นฐานทางด้านความรู้ของ internet เลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยโชคชะตา และ โอกาส ทำให้เค้านั้นได้กลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในจีนทันทีเมื่อบริษัทได้ทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐ

ในช่วงเริ่มต้นนั้น jack ma ได้มีโอกาสเป็นตัวแทนของทางเมืองหังโจวเพื่อไปเจรจาทางกาค้ากับบริษัทในอเมริกา เพื่อตรวจสอบความมีตัวตนของบริษัททางฝั่งอเมริกาที่จะมาลงทุนในประเทศจีน ในเมืองบ้านเกิดของเค้าคือ หังโจว  ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทำให้เค้าได้พบเจอกับ internet ซึ่งในยุคนั้นถือว่ายังเป็นสิ่งที่ใหม่มากของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะอเมริกาเป็นจุดเริ่มต้นของ technology internet การที่ jack ได้ประเจอกับสิ่งใหม่คือ internet ทำให้เค้ามีความคิดที่จะกลับบ้านมาสร้างกิจการ internet ที่บ้านของเขาในเมืองจีน ซึ่งแทบจะว่ายังล้าหลังมาก ๆ ในยุคนั้น

่jack ma นั้นเริ่มต้นด้วยการสร้าง web directory ของประเทศจีนและเป็นเจ้าแรก ๆ ในจีนที่ได้สร้างเว๊บไซต์ขึ้น โดยที่เขานั้นยังไม่มีความรู้ใด ๆ  โดยมีการติดต่อกับบริษัทในอเมริกาเพื่อให้สร้าง website ให้และนำมาจัดจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งในยุคนั้น แทบจะไม่มีคนจีนรู้จักกับ internet รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีนั้นในจีนแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ทำให้ในตอนแรก มีแต่คนมองว่าเค้าเป็นคนหลอกลวง ซึ่งเค้าก็เพียรพยายามสู้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงโอกาสสำคัญที่จะทำให้มีการปฏิวัติการทำธุรกิจในประเทศจีนด้วยระบบ internet

สิ่งที่ jack ma ทำนั้นก็เปรียบเสมือน YAHOO ของประเทศจีนเพื่อทำการ promote ธุรกิจผ่าน website โดยลูกค้าสามารถสมัครเพื่อนำ profile ของบริษัทตัวเองขึ้นสู่ง website เป็น model การทำธุรกิจง่ายๆ  ในสมัยนั้น แต่เนื่องจากไม่มีใครที่มีความรู้เลยในประเทศจีน จึงทำให้ jack ma ถูกมองว่าเป็นบิดาแห่ง internet ประเทศจีนเลยก็ว่าได้ จนต้องถูกทางการที่ปักกิ่งโดยกระทรวงการค้าญี่ปุ่นเรียกตัวไปช่วยสร้างระบบทางการค้าให้กับกระทรวงการค้าของประเทศจีนเพื่อให้สู่ระบบ online เป็นหน่วยงาน แรก ๆ ของประเทศจีนที่ได้สัมผัสกับ internet

แต่การทำงานกับรัฐบาลจีนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยสำหรับ jack ma ในที่สุดเค้าก็รู้ความจริงว่าถูกหลอกจากรัฐบาลจีนว่าจะให้หุ้นส่วน แต่ความจริงแล้วนั้น รัฐบาลนั้นไม่สามารถให้หุ้นส่วนกับ jack ได้เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านกฏหมาย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแรกที่ทำให้ jack เข้าใจถึงความโหดร้ายของการทำธุรกิจกับรัฐบาลจีน และเนื่องจากเค้านั้นทำงานได้ประสบความสำเร็จกับกระทรวงการค้าจีน และแม้เค้าจะได้รายได้ที่ค่อนข้างดี แต่เค้ามองที่การทำธุรกิจตั้งแต่แรก เค้าจึงเบนเข็มกลับบ้านเกิดที่เมืองหังโจว เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มที่ ซึ่งการทำงานกับกระทรวงการค้าจีนนั้นก็ทำให้ jack ma ได้เห็นถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของ model ธุรกิจแบบ B2B ซึ่งมี SME อยู่จำนวนมากในประเทศจีนที่ต้องการที่จะเข้าสู่ระบบ internet การมุ่งหน้ากลับมาสร้างธุรกิจใหม่ของ jack นั้นถือว่าเป็นจุดสำคัญ เค้าปฏิเสธงานจากหลายๆ  ที่แม้กระทั่ง YAHOO ในประเทศจีนก็เคยเสนอให้เค้ามาดูแล แต่ jack ma นั้นไม่สนใจแต่อย่างใด เค้ามีเป้าหมายในตัวเองอยู่แล้วที่จะสร้าง website B2B ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกให้ได้

การเริ่มต้นสร้าง alibaba นั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากสำหรับ jack ma เนื่องจากเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยนิด และเค้าต้องการเริ่มต้นด้วยทุนของตัวเองทั้งหมด จึงได้รวบรวมเงินกับพนักงานผู้ก่อตั้งของเค้าและมากองรวมกัน เพื่อให้ทุกคนได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทใหม่อย่างเต็มตัว และทุ่มเทให้กับการทำงานเต็มที่เพราะทุกคนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ alibaba มาตั้งแต่แรก  เริ่มแรกนั้นก็ใช้บ้านของ jack เป็น office เริ่มต้นในเมืองหังโจวและทุกคนก็มาอยู่ร่วมกัน พวกพนักงานอย่าง programmer ก็แทบจะใช้ชีวิตทั้งกินนอน และทำงานกันอยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัท startup ส่วนใหญ่ในตอนเริ่มต้นทำกันทั้งในอเมริกาหรือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ในช่วงแรกนั้นบริษัทประสบปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งเงินทุน ทั้งเรื่องของคนเนื่องจากเป็นพนักงานเพียงไม่กี่คนและทำ website ขนาดใหญ่ที่ต้องการนำ SME ทั่วโลกมาใช้บริการโดยเริ่มต้นจากประเทศจีนบ้านเกิดของเค้าเอง และ สิ่งสำคัญคือตอนนั้น jack ก็ยังไม่ได้คิด model ธุรกิจการทำเงินที่ชัดเจนจึงประสบกับปัญหาสภาวะขาดทุนในช่วงปีแรก ๆ เป็นอย่างมากจนแทบจะไม่มีเงินบริษัทเหลือ

ทางเดียวที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปนั้น jack ต้องทำการหานักลงทุนเพื่อเข้ามาลงทุนร่วมและเข้าใจเป้าหมายระยะยาวของ alibaba เพื่อให้เป็น partner ร่วมกันไปอีกหลายปี และเนื่องจาก jack นั้นมีการเลือกที่ค่อนข้างละเอียดในส่วนของนักลงทุน จึงทำให้ปฏิเสธการลงทุนไปหลายรายมาก ๆ เค้ามองว่าในอนาคตนั้นบริษัทจะมีมูลค่ามหาศาลแน่ ๆ จึงพิถีพิถันกับการเลือกนักลงทุนที่จะเข้ามาร่วมกับ jack แม้บางบริษัทจะให้เงินทุนจำนวนมาก แต่ jack ก็ปฏิเสธอย่างไม่ใยดีในช่วงแรก เพราะเขาต้องการผู้ลงทุนที่มีวิสัยทัศน์เช่นเดียวกับเขาและมองการลงทุนในระยะยาวมากกว่า การเข้ามาเพื่อหากำไรในระยะสั้น

สุดท้ายบริษัทที่ได้ลงส่วนแรกคือ Goldman sachs ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เป็นบริษัททางด้านการลงทุนจากอเมริกา ซึ่งช่วงนั้น jack ก็ได้ขุนพลสำคัญที่จะมาเป็น CFO คู่ใจของเขาอีกยาวนานคือ โจเซฟ ไช่ ซึ่งเป็นนักเรียนนอกจาก harward และทำงานบริษัทใหญ่ ๆ มานักต่อนักแล้ว ซึ่งเป็นสเน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ alibaba ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน jack มีความสามารถในการดึงดูดคนเก่ง ๆ มาร่วมงานได้อย่างง่ายดาย  โจเฟซ ไช่ ก็เช่นกันยอมทิ้งเงินเดือนสูง จากบริษัท Investor AB มาร่วมงานกับบริษัทเล็ก ๆ ในเมืองหังโจวอย่าง alibaba เพราะเค้าได้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของ jack นั่นเอง

เงินลงทุนหลายล้านเหรียญในช่วงแรกนั้น jack ma ทุ่มทุนไปกับการจ้างคน และย้ายที่ทำการบริษัทใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม โดยช่วงนั้น alibaba ก็เริ่มมีชื่อเสียงกับนักลงทุน มีนักลงทุนหน้าใหม่มากหน้าหลายตามาติดต่อ jack เพื่อที่จะลงทุนกับเขา และนั่นเป็นที่มาให้เขาได้พบนักลงทุนทางด้านยุทธศาสตร์ที่สำคัญกับ alibaba ในอนาคตที่สำคัญอย่าง มาซาโยซิ ซัน จาก Softbank ประเทศยี่ปุ่น ซึ่งคนนี้ถือเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดสำหรับ alibaba ในช่วงเริ่มต้น เพราะทาง มาซาโยซิ ซันนั้นได้ให้ลงทุนถึง 30 ล้านเหรียญ สำหรับการถือหุ้น 40% ของ Alibaba ทำให้ alibaba มีเงินทุนสำหรับการขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งการตั้งศูนย์ R&D ในอเมริกา การตั้ง สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และ การขยายไปยังทวีปยุโรป

ตัว มาซาโยซิ ซัน นั้นเป็นนักลุงทุนที่เน้นลุงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกอยู่แล้ว ในช่วงหนึ่งนั้นมูลค่าหุ้นของเค้าแทบจะทำให้เค้ากลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกแซงหน้า bill gates ไปเลยก็ว่าได้ แต่เนื่องจากการประสบกับปัญหาของฟองสบู่ดอทคอม ในช่วงปี 2000 นั้นก็ทำให้มูลค่าหุ้นของเขาหายไปกว่า 90% เลย แต่เค้าก็พร้อมที่จะรับความเสี่ยงนี้ต่อไปโดยหลังจาก ช่วงปี 2000 บริษัทดอทคอมก็เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง และเขาก็ได้กระจายการลงทุนไปยังทั่วโลกจนตอนนี้ ก็แทบได้ว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีลำดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น และของโลก

หลังจากได้เงินทุนจำนวนมหาศาลจาก softbank นั้น jack ก็เน้นไปที่การขยายกิจการเพิ่มขึึ้น และใช้เงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการจ้างคนที่มีคุณภาพจากฝั่งอเมริกาและยุโรป ทำให้เงินทุนค่อยๆ ร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ จนแทบจะใกล้หมด กว่าเขาจะรู้ตัวเงินก็เหลือเพียงแค่ไม่กี่ล้านเหรียญแล้ว jack จึงต้องผ่านบททดสอบครั้งใหญ่ในการพากิจการก้าวไปข้างหน้าให้ได้ โดยเขาต้องทำการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากทั้งในอเมริกา ยุโรป และ ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญครั้งนึงของ jack ในการบริหาร alibaba เลยก็ว่าได้

หลังจากนั้น jack ก็เริ่มมาสนใจธุรกิจที่นอกเหนือจาก B2B อย่าง B2C หรือ C2C จุดใหญ่ที่สำคัญที่เป็นบทพิสูจน์ความเก่งกาจของ jack คือการสร้างธุรกิจ C2C อย่าง เถาเป่า บริษัทการที่แทบจะเลียนแบบ ebay มาเลยก็ว่าได้ ซึ่งในตอนนั้น ebay นั้นเป็นยักใหญ่ในบริษัท C2C และ B2C ของโลกโดยมีการลงทุนเข้าซื้อบริษัทยักใหญ่ในจีน และควบรวมกลายเป็น ebay china ซึ่งครองตลาดกว่า 80% ในขณะนั้น

ebay นั้นพร้อมทุกอย่างทั้งบุคคลากร และเงินทุนจำนวนมากจาก อเมริกา จึงไม่มีใครสามารถสู่ได้ในขณะน้น แต่ jack ก็พร้อมที่จะรบเต็มที่สร้าง เถาเป่า ขึ้นมาเพื่อมาสู้กับ ebay โดยเฉพาะ และสงครามก็เริ่มขึ้น ebay ทุ่มทุน โฆษณาอย่างยิ่งใหญ่ ใช้งบไปหลายร้อยล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการสร้างตลาดใหม่ขึ้นมา ทำให้มูลค่าตลาด C2C นั้นสูงขึ้นอย่างมากและ เถาเป่า ก็สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และเนื่องจากการที่ jack เป็นคนจีน จึงเข้าใจวัฒนธรรมของคนจีนมากกว่า และ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนมากกว่า ทำให้ ผู้บริโภคย้ายมาใช้บริการของ เถาเป่าเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดก็สามารถชนะ ebay ได้ จนทำให้ ebay ต้องถอนการลงทุนจากจีนออกไป ซึ่งจุดนี้เป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญของ jack ในการบริหารกิจการเล็ก ๆ และล้มยักใหญ่อย่าง ebay ในจีนได้

หลังจากศึก ebay นั้น alibaba group ก็แทบจะครองธุรกิจ ecommerce จีนแบบเบ็ดเสร็จ และเค้าได้สร้างนวัตกรรมที่สำคัญอีกหลายอย่างทั้ง alipay , alimama , china smart logistics เพื่อ inegrate service ของ alibaba ทุกอย่างเข้าด้วยกัน รวมถึงการได้ partner ที่สำคัญอีกบริษัทอย่าง YAHOO ที่สุดท้ายก็ต้องยก YAHOO ประเทศจีนให้กับ alibaba ของ jack ma โดยแลกกับหุ้นส่วน กว่า 40% ในบริษัท alibaba และยอมร่วมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เช่นเดียวกับ softbank จากญี่ปุ่น

และสุดท้ายบริการที่ยิ่งใหญ่อีกตัวหนึ่งของ alibaba สำหรับตลาดธุรกิจ B2C คือ Tmall โดยมีการแยกออกมาจาก เถาเป่า ซึ่งเป็นบริการล่าสุดของ alibaba group ทำให้ alibaba แทบจะครอบครองส่วนแบ่งการตลาดแบบเบ็ดเสร็จของ ecommerce ในประเทศจีน ซึ่งแค่ยอดขายในวันที่ 11/11 ของทุก ๆ ปีนั้น alibaba group ก็จะมีการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในปี 2013 นั้น แค่วันเดียวก็สามารถทำยอดขายได้กว่า หลายหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งแซง ecommerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อเมริกาเป็นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

สรุปหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วจะเข้าใจ jack ma และความสามารถของเค้านั้นได้พิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำพาบริษัท alibaba ก้าวเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทนึงในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่า alibaba นั้นก็จะเป็นบริษัท ecommerce ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากการ มีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญครบหมดแล้วทั้งด้านการชำระเงิน logistics และ platform ที่ครอบคลุมทั้ง C2C , B2C, และ B2B จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อทำ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐแล้วนั้นบริษัทจะทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการสุงถึง 7.3 ล้านล้านบาท และ ในอนาคต alibab จะเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน

เก็บตกจากหนังสือ 

  • Jack Ma นั้นไม่ได้เป็นคนที่พื้นฐานความรู้ทางด้าน technology ที่แข็งแกร่งแบบเดียวกับผู้ก่อตั้งทาฝั่งอเมริกาเลยแต่ก็สามารถนำพาบริษัท technology ที่ยิ่งใหญ่ได้
  • เสน่ห์ที่่สำคัญของ jack คือการที่สามารถดึงดูดคนเก่งมาร่วมงานได้ และยอมถวายชีวิตการทำงานให้กับวิสัยทัศน์ของเค้าได้
  • การลงทุนทางด้านบริษัทเทคโนโลยีนั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ return of investment ก็สูงมาก ๆ  เช่นเดียวกัน จึงทำให้ดึงดูดนักลุนทุนจำนวนมาก เช่น YAHOO, Softbank ที่เข้ามาลงทุนกับ alibaba นั้นก็แทบจะไม่มายุ่งกับการบริหารของ alibaba มากมายเลย