Tesla กับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ปัดน้ำฝนใหม่ด้วยแสงเลเซอร์

เห็นได้ชัดว่าที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบคลาสสิกที่ใช้เมื่อฝนตกหรือใช้ในการปัดฝุ่นรถยนต์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษนั้นเริ่มจะไม่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับรถยนต์ Tesla เสียแล้ว 

จากรายงานล่าสุด บริษัท Tesla ได้พัฒนาระบบเลเซอร์แบบใหม่สำหรับการกำจัดฝุ่น หรือ ขยะจากแผงกระจกหรือแผงโซลาร์เซลล์ 

โดยทาง Tesla ได้จดสิทธิบัตรใหม่สำหรับที่ปัดน้ำฝนเลเซอร์ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ตามรายงานของ Electrek

โดยสิทธิบัตรดังกล่าวได้อธิบายถึง ระบบทำความสะอาดกระจกรูปแบบใหม่สำหรับรถยนต์ ที่ใช้ลำแสงเลเซอร์ และเทคโนโลยีแบบพิเศษในการตรวจจับสิ่งสกปรก ที่สะสมอยู่บนกระจกรถยนต์ 

สิทธิบัตรแสดงการทำงานของเลเซอร์ ระบบใหม่นี้
สิทธิบัตรแสดงการทำงานของเลเซอร์ ระบบใหม่นี้

โดยระบบดังกล่าวนั้นจะมีวงจรคอยควบคุมเพื่อปรับค่าพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาใช้ในการตรวจจับสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ทั่วบริเวณกระจก ให้เหมาะสม

ซึ่งทาง Tesla อธิบายว่าระบบดังกล่าวจะมีประโยชน์ในการกำจัดสิ่งกีดขวาง มุมมองของกล้อง Autopilot รอบ ๆ รถโดยอัตโนมัติ ด้วยเช่นกันทำให้รถสามารถทำงานในโหมด Autopilot ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ Tesla วางแผนที่จะใช้ประโยชน์จากระบบนี้เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคารถโดยอัตโนมัติอีกด้วย

แต่สิทธิบัตรดังกล่าวจากการรายงานของ Electrek มุ่งเน้นไปที่ระบบของรถเพียงเท่านั้น สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนคือ Tesla ได้พิจารณาถึงความปลอดภัยของดวงตาของผู้ขับขี่หรือไม่ เมื่อตัดสินใจที่จะเล็งแสงเลเซอร์ตรงไปยังส่วนที่คนขับกำลังมองอยู่ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อผู้ขับขี่ได้นั่นเอง

References : https://electrek.co/2019/11/25/tesla-laser-beams-clean-debris-off-cars/

Dog Mode กับฟังก์ชันความปลอดภัยสำหรับสุนัขในรถยนต์ Tesla

แผนการของ Tesla เพื่อให้สุนัขปลอดภัยในขณะที่เจ้าของกำลังออกจากรถไปทำธุระ ปล่อยให้เจ้าสุนัขตัวโปรดต้องอยู่ในรถ ซึ่งมีข้อบกพร่องที่เป็นอันตรายเป็นอย่างมาก  แต่โชคดีที่ บริษัทกำลังแก้ไขมันให้ปลอดภัยกับสุนัขมากที่สุด

ในเดือนกุมภาพันธ์เทสลาได้เพิ่มฟีเจอร์ Autopilot แบบใหม่ที่เรียกว่า“ Dog Mode ” ให้กับรถยนต์ของตน เมื่อเปิดใช้งานการตั้งค่าจะช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถของพวกเขา แต่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานต่อไป  โดยเป็นแนวความคิดที่ว่าพวกเขาสามารถปล่อยให้สุนัข อยู่ในยานพาหนะได้อย่างปลอดภัยหากพวกเขาต้องการก้าวออกทำธุระข้างนอกในเวลาชั่วขณะ

ข้อความบนจอแสดงผลของคอนโซลกลาง จะสังเกตเห็นอุณหภูมิในรถยนต์ได้ ดังนั้นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณจะได้รู้ว่าสุนัขนั้นปลอดภัยที่อยู่ในยานพาหนะของ Tesla นั่นเอง

แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราห์อูล ซูด เจ้าของเทสลาได้ทวีตข้อความที่แจ้งไปยังซีอีโอของเทสลา อย่าง อีลอนมัสค์ เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงข้อบกพร่องที่ร้ายแรงในฟีเจอร์นี้ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

“ วันนี้ฉันใช้ “Dog Mode” และโชคดีที่ฉันได้เปิดค้างแอพไว้ เพราะความกลัว เนื่องจากรถของฉันมีอุณหภูมิอยู่ที่ 85 องศา และกำลังไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ !” ราห์อูล ซูด  ได้รายงานไปใน Twitter “  Dog Mode นั้นใช้งานได้เฉพาะในแบบอัตโนมัติ แต่หากคุณตั้งค่าพัดลมด้วยตนเองและปิดเครื่อง AC ไว้มันจะไม่ทำงานตามปรกติ “

Musk ตอบกลับอย่างรวดเร็วต่อทวีตของ ซูด ทำให้เขารู้ว่า Tesla จะต้องทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างรวดเร็วที่สุด  แต่อย่างน้อยตอนนี้ใครก็ตามที่วางแผนจะทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ใน Tesla ในขณะที่จะออกไปธุระข้างนอกนั้น จะต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนความเร็วพัดลมของรถด้วยตนเอง เพราะอาจจะเกิดภัยร้ายกับเจ้าสุนัขตัวน้อยของท่านได้

References : 
https://www.engadget.com/2019/08/01/tesla-fix-dog-mode/

Autopilot ของ Tesla ขับได้ห่วยแตกกว่ามนุษย์

เรื่องหลอกลวงของเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยตนเองที่เหล่าผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้มักบอกเราว่าเป็นมันมาเพื่อการแทนที่คนขับโง่ ๆ ที่ผิดพลาดได้ง่าย ด้วยระบบตรวจจับและซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยและดูเหมือนมันเป็นสิ่งที่ไร้ที่ติ

ตามมาตรฐานดังกล่าวระบบนำทางด้วยตนเองของเทสลารุ่นใหม่ของ Tesla บนระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งความคิดเห็นของ Consumer Report (CR) ซึ่งได้ทำการทดสอบคุณสมบัติ Autopilot ใหม่ให้กับรถยนต์เทสลาเพื่อทำการเปลี่ยนเลนโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีส่วนร่วมของผู้ขับขี่

เทสลากล่าวว่าคุณลักษณะนี้ทำให้ “รถยนต์นั้นใช้งานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ” Consumer Report ไม่เห็นด้วย ในบทวิจารณ์ที่โพสต์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาระบุว่า“ พวกเขาสังเกตเห็นสิ่งที่ตรงกันข้ามในการทดสอบคุณสมบัติของตัวเองและพบว่ามันทำงานได้ไม่ดีนักและสามารถสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่ได้”

Consumer Report บอกว่าคุณสมบัตินี้“ มีความสามารถน้อยกว่าคนขับ” เจฟฟ์ ฟิชเชอร์ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการทดสอบอัตโนมัติของนิตยสารกล่าว“ บทบาทของระบบควรจะช่วยคนขับรถ แต่วิธีการติดตั้งเทคโนโลยีนี้ มันเป็นอีกแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น”

คุณลักษณะนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องพะวงกับการเปลี่ยนเลยรถ โดยอนุญาตให้รถยนต์เริ่มการเปลี่ยนเลนโดยไม่ต้องมีการยืนยันจากคนขับ แต่จากประสบการณ์ของ Consumer Report“ คุณลักษณะดังกล่าวทำให้รถยนต์ไม่เหลือพื้นที่ว่างของถนนเพียงพอที่จะแซงรถคันอื่น ๆ ซึ่งการทำงานในลักษณะที่เป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐ”

โลกพร้อมแล้วสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ? แล้วรถยนต์ไร้คนขับพร้อมสำหรับโลกหรือยัง?
โลกพร้อมแล้วสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ? แล้วรถยนต์ไร้คนขับพร้อมสำหรับโลกหรือยัง?

 Tesla โพสต์กล่าวว่าในบล็อกอย่างเป็นทางการของบริษัท มีการทดสอบรถยนต์มากกว่า 66 ล้านไมล์โดยใช้ระบบนำทางบนระบบนำทางอัตโนมัติซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อนำทางยานพาหนะในการขับขี่บนทางหลวง“ 

อย่างไรก็ตามการพูดเชิงสถิติที่เทสลากล่าวอ้างนั้นเป็นข้อโต้แย้งที่มีข้อบกพร่อง การทดสอบ 66 ล้านไมล์ของเทสลาไม่มากพอที่จะตรวจสอบความปลอดภัยที่อ้างว่าเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของผู้ขับขี่มนุษย์ 

ตามที่ Rand Corp. มีข้อมูลในปี 2559 ผู้ขับขี่รถยนต์อเมริกันขับรถโดยเฉลี่ย 3 ล้านล้านไมล์ต่อปีและผู้เสียชีวิตค่อนข้างน้อยมาก – โดยมีผู้เสียชีวิต 32,800 คนต่อปีบนถนนในสหรัฐอเมริกาซึ่งเฉลี่ยแล้วมีจำนวนเพียง 1.09 คน ต่อ 100 ล้านไมล์ของการขับขี่

การโชว์สถิติที่ว่ารถยนต์ไร้คนขับจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของยานพาหนะได้ถึง 20% จะต้องมีการทดสอบบนถนนอย่างน้อย 5 พันล้านไมล์ ซึ่งต้องใช้ยานพาหนะในการทดสอบ 100 คันในการทดสอบ 225 ปีเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ โดยต้องทดสอบตลอด 24 ชั่วโมงและ 365 วันต่อปี ซึ่งความหมายก็คือตัวเลข 66 ล้านไมล์ที่ทางเทสลาอ้างนั้น ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้

เพื่อพิสูจน์ทางสถิติว่ายานพาหนะไร้คนขับจะมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำกว่า 20% กว่าคนขับโดยมนุษย์จะต้องใช้ระยะทางทดสอบ 5 พันล้านไมล์ (Rand Corp. )
เพื่อพิสูจน์ทางสถิติว่ายานพาหนะไร้คนขับจะมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำกว่า 20% กว่าคนขับโดยมนุษย์จะต้องใช้ระยะทางทดสอบ 5 พันล้านไมล์ (Rand Corp. )

นิตยสาร Consumer Report ฉบับนี้ ได้ท้าทายการยืนยันของ Tesla โดยเฉพาะในเรื่องกล้องด้านหน้าสามตัวของมันว่าสามารถตรวจจับวัตถุที่เข้าใกล้อย่างรวดเร็วจากด้านหลังได้ดีกว่าคนขับโดยเฉลี่ยจริงหรือ?

ซึ่งในทางปฏิบัติระบบมีปัญหาในการตรวจจับยานพาหนะที่เข้ามาใกล้จากด้านหลังด้วยความเร็วสูง:“ ด้วยเหตุนี้ระบบจึงมักจะไม่ได้คำนวนยานพาหนะที่วิ่งด้วยความเร็วที่เร็วกว่ารถยนต์ของตัวเองมาก เนื่องจากดูเหมือนว่ารถคันนั้นยังไม่เข้าใกล้นั่นเอง”

ในระยะสั้นในขณะที่ Tesla กล่าวว่าระบบนำทางของพวกเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การขับขี่บนทางหลวง “มีความผ่อนคลาย สนุกสนาน และเพลิดเพลินกับการขับขี่ยิ่งขึ้น” Consumer Report พบว่าฟังก์ชั่นเปลี่ยนเลนทำให้ประสบการณ์การขับขี่มีความตึงเครียดมากขึ้นมากกว่าที่จะเพลิดเพลินอย่างที่ Tesla กล่าวอ้าง

References : 
https://www.latimes.com/business/hiltzik/la-fi-hiltzik-tesla-autopilot-flaw-20190522-story.html