Movie Review : Ashfall นรกล้างเมือง

เป็นหนังที่แทบไม่ได้ดูข้อมูลอะไรมาก่อนเลยทีเดียวสำหรับ Ashfall นรกล้างเมือง ผมมีเป้าหมายเดียวคือไปชมผลงานของ เบ ซูจี ที่ประทับใจผลงานของเธอมาจาก Series ดังอย่าง Vegabond ใน Netflix เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

และที่สำคัญถือเป็นหนังเรื่องแรกของปีที่มีโอกาสได้ดูด้วย เรียกได้ว่าเปิดปีใหม่มาพร้อมหนังเกาหลี ที่มีเรื่องราวของหนังที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

หนังว่าด้วยเรื่องของ ภัยพิบัติสั่นสะเทือนแผ่นดินเกาหลีที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อภูเขาไฟเพ็กตูที่สูงที่สุดในเกาหลีเกิดปะทุขึ้นส่งขี้เถ้าขึ้นไปสูงถึงชั้นบรรยากาศ เกิดวิบัติไปทั้งกรุงโซลและกรุงเปียงยาง

และเพื่อเป็นการรับมือกับหายนะครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดชาวเกาหลีใต้ (ฮา จองอู Along with the gods, The Handmaiden) ต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พิเศษชาวเกาหลีเหนือ (อี บยองฮอน G.I.Joe , I saw the devil) และนักธรณีวิทยาอันดับหนึ่งของประเทศ (มา ดงซอก Train to Busan, Along with the gods) เพื่อหยุดยั้งเหตุวินาศที่อาจจะทำให้เกาหลีหายไปจากแผนที่โลก

แม้ตัวหนังจะพยายามฉายเรื่องราวของภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่ได้ดูจบจริง ๆ มันไม่ใช่หนังแนวภัยพิบัติล้างโลกเหมือนที่ Hollywood สร้างแต่อย่างใด ต้องเรียกว่าเป็นหนังที่ถ่ายทอดในแง่มุมหลากหลายมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ ในคาบสมุทรเกาหลี ได้ฉายภาพของประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น เกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ จีน หรือ อเมริกาก็ตาม มันเป็นการล้อเลียนบทบาทของชาติต่าง ๆ เหล่านี้ออกมาผ่านเรื่องราวของหนังได้อย่างลงตัว

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งในหนังเกาหลีที่ยกระดับคุณภาพในเรื่องการเล่าเรื่องผ่านตัวละครต่าง ๆ ของหนังขึ้นไปอีกขั้น คือ คุณภาพของบทในหนังเรื่องนี้นั้น สามารถเทียบเคียงกับหนังระดับ Hollywood ได้อย่างสบาย

แม้เรื่องของ CG หรือ Effect ต่าง ๆ นั้นอาจจะดูไม่สมจริงบ้างในบางส่วน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการสื่อ มันเป็นแค่ส่วนน้อยของหนังเรื่องนี้เท่านั้นกับฉาก ตึกถล่ม แผ่นดิน ทลาย ที่ใครดูเพียงแค่ตัวอย่างอาจจะคิดแบบนั้น

ซึ่งหนังนั้นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครต่าง ๆ ที่มีที่มาที่ไปที่หลากหลาย และมีความน่าสนใจ การจับประเด็นเรื่องของความรัก ที่มีต่อครอบครัว ผ่านการเดินทางของตัวเอกของเรื่องอย่าง โจ อินชาง รวมถึงเรื่องดราม่าของ ลี จุนพยอง (อี บยองฮอน) ที่ถือได้ว่าทั้งสองเล่นคู่กันได้อย่างลงตัวมาก ๆ พร้อมสอดแทรกมุกตลกอยู่ตลอดแทบจะทั้งเรื่อง ทำให้หนังดูไม่น่าเบื่อเลย

สุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ โดยส่วนตัวก็ถือว่าชอบมาก ได้ลุ้นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปตลอดทั้งเรื่อง แม้จะเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ก็อยากให้ลองเปิดใจชมกันครับ ถือเป็นการต้อนรับปี 2020 ด้วยหนังดี ๆ อย่าง Ashfall นรกล้างเมือง กันนะครับ