Arsenal กับการเริ่มต้นที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง

ออก Start Season ใหม่กันแล้วสำหรับ Premier league ในปีนี้  เนื่องจากผลงานต่อเนื่องจากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้วทำให้แฟน ๆ อาเซน่อลหลาย ๆ คนก็คงหวังที่จะมาลุ้นแชมป์เต็มตัวได้ในปีนี้หากดูฟอร์มจากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว

แต่เป็นเหมือนคำสาปในช่วงหลาย ๆ ปีหลัง อาเซน่อลจะประสบปัญหาการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอตลอดฤดูกาลตลอดมา หากปีไหน Start ได้ยอดเยี่ยมนั้นก็จะมาแผ่วปลายในช่วงท้าย Season ตลอด และหากปีไหน ออก Start ได้แย่นั้น ก็จะมาเร่งตอนปลายฤดูกาลทำให้ผลงานก็วนอยู่ในอันดับ 3-4 ในตลอดช่วงทศวรรษหลัง จากที่ได้แชมป์ลีคครั้งสุดท้ายในปี 2003-2004

ถ้ามองในเรื่องตัวผู้เล่นนั้นจากช่วงปลาย season ที่แล้วนั้น แฟน ๆ ก็คงคิดว่าเราได้ทีมที่ลงตัวแล้วหลังมีปัญหาในเรื่อง midfield ตัวรับมานาน จนได้ ค็อกโกแลงมาอุดรอยรั่วตรงได้อย่างดีทำให้ทีมรับมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว สำหรับปีนี้นั้นในช่วงตลาดยังเปิดนั้นอาเซน่อลก็ได้มีข่าวกับนักเตะระดับ world class เป็นจำนวนมาก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้มาซักราย ได้มาเพียง ปีเตอร์ เช็ก นายประตูจากเชลซีเท่านั้น ซึ่งใน Season ที่แล้ว Ospina ก็เล่นได้ดีอยู่แล้วเสริมตัวนายประตูเข้ามาก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้ทีมซักเท่าไหร่ ตอนนี้ปัญหาใหญ่ของทีมอยู่ที่กองหน้ามากกว่า

จะเห็นได้ว่า อาเซน่อลนั้นเป็นทีมที่สร้างสรรค์โอกาสการทำประตูได้อย่างมากมายตลอด จำนวน shot ต่อเกมส์นั้นสูงมาก แต่ไม่สามารถแปลให้กลายเป็นประตูได้เนื่องจากขาดกองหน้าระดับ world class ที่จะช่วยทีมให้เข้าใกล้สู้แชมป์มากยิ่งขึ้น จากเกมส์เมื่อคืนจะเห็นได้อย่างชัดเจน หากมีกองหน้าระดับ world class ร่วมทีม น่าจะได้ประตูไม่ต่ำกว่า 6 ลูกอย่างแน่นอน จากจำนวนโอกาสการทำประตูทั้งสิ้น 29 ครั้งซึ่งถือว่าสูงมาก ๆ ในเกมส์ premier league

สำหรับการเริ่มต้นใน Season 2015-2016 นั้น 5 เกมส์แรกที่ผ่านมาคงจะพอบอกอะไร wenger ได้หลายอย่างว่าหากจะคิดมาลุ้นแชมป์กับทีมอย่าง เชลซี หรือ แมนซิตี้นั้น ทีมเราต้องการนักเตะกองหน้าระดับ world class เข้ามาสู่ทีมโดยด่วน  ซึ่งคิดว่าส่วนอื่นๆ  ของทีมนั้นสามารถสู้กับทีมระดับท๊อปของยุโรปได้แล้วขาดเพียงกองหน้าที่จะมาเติมเต็มในจุดนี้  ซึ่งถ้าสภาพทีมยังมีแค่นี้ ก็คงเป็นอีกปีที่เราได้ไป Eufa Champion League ในฐานะทีมอันดับ 3-4 อีกครั้งเหมือน 10 ปีที่ผ่านมา

ในปีที่แรงปลาย

ผ่านเกมส์ใหญ่ไปอย่างน่าประใจสำหรับ อาเซน่อลในเกมส์พบกับ liverpool เมื่อคืนนี้ ก่อนเกมส์นั้นก็มองว่าเกมส์นี้น่าจะออกได้ทั้ง 3 หน้า เนื่องจาก liverpool หลังปีใหม่มานี่ก็ฟอร์มแจ่มไม่ใช่เล่น เพิ่งมาสะดุดในเกมส์ที่แล้วที่แพ้แมนยู คาบ้านมาเท่านั้นเอง เกมส์เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเล่นได้ดีเท่าไหร่นัก ดูโอกาสการทำประตูของทั้งสองทีมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ จุดเด่นในปีนี้ของอาเซน่อลคือ จังหวะการทำประตูนั้นมีความคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการปรับรูปแบบการเล่นเพื่อความแน่นอนมากขึั้น จะไม่เห็นการพยายามต่อบอลจนไปถึงประตูหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน เริ่มมีความหลากหลายของการทำเกมส์รุกมากขึ้นซึ่งถือว่า ลงตัวเลยทีเดียว ไม่ต้องคอยชิ่งไปมาหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน อีกส่วนที่สำคัญก็คือเกมส์รับนั้นถือว่า ได้ ก๊อกโกแลง มาถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ ชิ้นสำคัญเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ทีมฟอร์มดีอย่างต่อเนื่องถึงตอนนี้ เพราะไม่ต้องมานั่่งกังวลกับเกมส์รับมากมาย ตัวรุกของทีมก็รุกกันได้อย่างสบายใจเมื่อมีคนคอย screen หลังให้ ก่อนจะถึงกองหลัง ซึ่งก็ออกมาเป็นผลงานอย่างที่เห็นที่เจอกับลิเวอร์พูล

ปรกติในหลาย ๆ ฤดูกาลหลังในช่วงนี้ของฤดูกาลคือ ช่วง มีนาคม – เมษายน นั้น อาเซน่อลจะฟอร์มแผ่วในทุก ๆ ปีและจะประสบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บในช่วงนี้ของทุก ๆ ปี แต่ปีนี้ถือว่ามาแปลกเลยทีเดียวที่ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมานั้น ถือว่าเป็นทีมที่ฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดในลีคเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรซ์ ไม่น้อยสำหรับฟอร์มช่วงหลังของอาเซน่อล  แต่ที่ผิดหวังคือทำไมต้องมาแรงช่วงปลายฤดูกาล หรือ ต้นฤดูกาลสลับกันแบบนี้ อยากให้เป็นอย่างงี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลบ้างจนจบ  คิดว่าคงได้แชมป์แน่ ๆ หากเล่นได้แบบนี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับในปีนี้นั้น ช่วงแรก ๆ อาจจะมีฟอร์มสะดุด เนื่องจากพบปัญหานักเตะบาดเจ็บเป็นหางว่าว ถือว่าเป็นคราวซวยซ้ำซวยซ้อนของอาเซน่อล ที่ต้องมีช่วงนึงของฤดูกาลที่นักเตะเจ็บกันเป็นพรวน ๆ  แต่พอหายเจ็บก็หายเจ็บกลับมาพร้อม ๆ กัน ทำให้ฟอร์มเริ่มดีขึ้นอย่างที่เห็น

ถ้าดูจากทีมเชลซี จ่าฝูงนั้น จะพบว่าไม่ค่อยพบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บยาว ๆ เลย ทีมค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นฤดูกาล มีเจ็บนิด เจ็บหน่อย หรือ อาจจะโดนแบน 1-2 เกมส์แล้วก็กลับมาทำให้ฟอร์มของทีมเชลซีนั้นค่อนข้างแน่นอนมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งปีนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะพลาดในตำแหน่งแชมป์ ถึงแม้ตามทฤษฏีแล้ว อาเซน่อลก็ยังมีโอกาสที่จะแซงได้ในเกมส์ที่เหลือ แต่ถ้ามองถึงความเคี่ยวของ มูรินโย่ แล้วนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการตามหลังถึง 7 คะแนนและแข่งมากกว่า 1 นัดแบบนี้

ในปีหน้าอาเซน่อลน่าจะพร้อมที่จะล่าแชมป์อย่างเต็มตัว หลังจากได้เติมผู้เล่นระดับเกรด A อย่างอเล็กซิซ ซานเชส และ เมซุต โอซิลเข้ามาร่วมทีม ปีหน้าก็ภาวนาอย่างยิ่งว่า จะไม่มีนักเตะหลัก ๆ เจ็บพร้อม ๆ กันเหมือนกับในหลาย ๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้อาเซน่อลเป็นคู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์ในปีหน้านั่นเองครับ

ในความล้มเหลวอีกครั้งของอาเซน่อล

ปีนี้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่อาเซน่อล ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีค  ซึ่งในตอนแรกนั้นที่จับฉลาก ได้มาเจอกับทีมอย่าง โมนาโก ถือว่าเป็นทีมที่อ่อนที่สุดแทบจะว่าได้ ที่ได้ผ่านเข้ารอบมา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าน่าจะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมได้ในปีนี้แน่ ๆ

แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเหมือนเคย เกมส์นี้เนื่องจาก ภาระอันหนักอึ้งที่มาจากนัดแรกที่ถูกบุกไปชนะถึงบ้าน 3-1 ทำให้ต้องการถึง 3 ประตูถึงจะเพียงพอที่จะเข้ารอบต่อไปได้ ซึ่งในใจนั้น ก็ถือว่ายังลุ้นว่า ยังพอมีโอกาสที่จะเข้ารอบไปได้ในปีนี้

รูปเกมส์นั้นก็อาเซน่อล ก็ถือว่าทำได้ดีอย่างมาก  ๆผู้เล่นทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำให้ทีมผ่านเข้ารอบไปได้ การวางแผนของอาเซน เวนเกอร์ก็ถือว่า วางหมากมาเพื่อรุกแหลกเพื่อให้ผ่านเข้ารอบให้ได้ ครึ่งแรก นำ 1-0 ก็ถือว่ายังมีโอกาสอย่างมาก ถ้าดูตามรูปเกมส์ ซึ่ง อาเซน่อล แทบจะบุกอยู่ฝ่ายเดียวและครองบอลทำเกมส์อยู่ฝ่ายเดียว และเสียดายในหลายโอกาสในช่วงท้ายครึ่งแรกที่น่าจะเป็นประตู แต่ เริ่มครึ่งหลังนั้น ก็เดินหน้ากันเต็มตัว แทบจะไปอยู่แดนของโมนาโกกันทั้งทีม แต่ประตูที่สองนั้น ถือว่ามาช้าไปต้องรอถึงนาทีที่ 80 ถึงจะมา ทำให้โอกาสนั้น เหลือน้อยเต็มที ซึ่งหลังจากอาเซน่อลได้ประตูที่ 2 นั้น ทางโมนาโก ก็จัดหลังมาเต็มที่มาเน้นอุดอย่างเดียวจนสุดท้าย ก็ไม่สามารถทำประตูที่สามได้ ต้องตกรอบเหมือนเคยเหมือนปีก่อน

ถ้ามองในแง่ดี ก็ถือว่านัดนี้เล่นดีมาก สมควรชนะ แต่ ความจริงก็คือมันเกิดขึ้นแบบนี้ในทุก ๆ ปี นัดแรกเล่นประมาท และมักจะแพ้ก่อนเป็นประจำ และไปพยายามสร้างปาฏิหารย์ในนัดที่ 2 ในหลาย ๆ ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่า อาเซน่อลก็ไม่เคยกลัวใครในนัดที่สอง ทั้ง บาเยิร์น มิวนิค หรือ เอซีมิลาน ก็สู้ได้อย่างเต็มที่ในปีก่อน ๆ แต่ก็ได้แค่เฉียดอย่างงี้ทุกปี

ปีหน้าก็ต้องมาว่ากันใหม่ไม่อยากให้พลาดการเป็นแชมป์กลุ่มอีกแล้วส่วนใหญ่ อาเซน่อลจะเล่นดีในนัดสอง ซึ่งควรเป็นนัดที่ได้เล่นในบ้านตัวเองจะดีกว่า ซึ่งปีหน้านั้น ก็ควรทำผลงานให้ได้แชมป์กลุ่ม จะดีที่สุด ไม่ว่าจับฉลากได้เจอกับทีมอะไร ก็คิดว่า น่าจะผ่านเข้ารอบได้ หากได้เล่นนัดที่สองในบ้านของตัวเอง

ในคืนแห่งความผิดหวัง

ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีค ได้ฤกษ์กลับมาเตะกันอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สำหรับทีมอาเซน่อล ที่อุตส่าห์ดีใจ ตอนจับฉลากมาเจอกับทีมอย่าง โมนาโก  ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทีมแชมป์กลุ่มที่ดูอ่อนที่สุด ในบรรดาทีมแชมป์กลุ่มทั้งหลายที่เข้ารอบ

เหมือนเคยสำหรับทีมอาเซน่อลในปีนี้ ในรอบนี้ ซึ่ง 4 ปีมาแล้วที่พบแต่ความผิดหวังไม่ผ่านไปได้ซักที จอดรอบนี้มาตลอด ก่อนหน้านี้ จะโดน jackpot จับเจอ big name ตลอด ทั้ง บาเยิร์น บาเซโลน่า หรือ เอซี มิลาน ในช่วงพีค ๆ  ปีนี้โดยส่วนตัวก็ค่อนข้างหวังไว้มากว่าจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นเนื่องจากมีดวงในการจับสลาก มาเจอ โมนาโก

แต่ความเป็นจริงนั้นเมื่อคืนน่าจะมีบทสรุปของโอกาสที่อาเซน่อลจะเข้ารอบต่อไป ซึ่งมีความหวังเลือนลางมาก ๆ ต้องกลับไปยิงที่บ้านโมนาโก ถึง 3 ประตู และไม่ให้เสียประตูเพิ่ม ซึ่งความหวังค่อนข้างริบหรี่มาก ๆ

มองถึงรูปเกมส์เมื่อคืนนั้น อาเซน่อลก็ไม่ได้เล่นได้แย่เท่าไหร่ โอกาสเข้าทำจะ ๆ ก็มี แต่กองหน้าฝืดไปเอง พลาดโอกาสง่าย ๆ ทั้งชิรูด์ และ เวลเบ๊ค ซึ่งเช่นเดียวกัน แนวรับ ที่อ่อนปวกเปียก โดยเฉพาะตัวบ่ออย่าง มาเตซักเกอร์ ซึ่งเกมส์นี้มีความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด  น่าจะเลยช่วงพีคของเขามาแล้วในตอนนี้ ความเชื่องช้า เป็นอุปสรรคใหญ่ จะเห็นได้จากการโดนยิง ลูกที่ 2-3 นั้น มาเตซักเกอร์ ต้องรับผิดชอบไปเต็ม ๆ ไม่สามารถมาสกัดได้ เนื่องจากความช้าของเค้า  ซึ่งหากเป็นกองหลังที่มีความเร็วมากกว่านี้ นั้น  ไม่น่าจะเสียประตู ที่ 2-3 ได้ง่ายเช่นนี้  แต่เกมส์นี้ก็ต้องยอมรับการวางแผนของกุนซือ โมนาโก ด้วยว่าวางแผนมาได้ดีมาก อาเซน่อล วางเกมส์รับได้แข็งแกร่งมาก ซึ่งทีม โมนาโกนั้นก็เข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ด้วยการยิงเพียง 4 ประตูเท่านั้น ซึ่งเป็นสถิติที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เกมส์รับที่เหนียวแน่น และเกมส์โต้กลับที่มีประสิทธิภาพทำให้อาเซน่อล โดน สอยอย่างที่เห็น

ก่อนหน้านี้อาเซน่อลก็ค่อนข้างฟอร์มดีขึ้นมาเรื่อยในเกมส์ลีก ซึ่งจะเห็นได้ว่าการวางแท็กทิก หลัง ๆ เวนเกอร์ จะเน้นเกมส์รับที่ค่อนข้างรัดกุมอย่างมาก ไม่บุกแหลกเหมือนเมื่อก่อน แล้วโดนสวนเป็นประจำ เกมส์นี้ เวนเกอร์คงชะล่าใจไป เลยสั่งลุยแหลก และทำให้กองหลังลอยสูง จนมาเจอลูกสวนกลับของโมนาโกไป  เกมส์นี้ถ้ามองดี ๆ จะคล้ายกับเกมส์ใหญ่ ๆ ในปีที่แล้วที่อาเซน่อล โดนถลุงมาตลอดเนื่องจากการเน้นเกมส์ รุกแหลก ทั้งเกมส์ โดนลิเวอร์พูล 5 ลูก  เยือนแมนซิตี้ 6 ลูก และ เจอเชลซีอีก 5 ลูก เกมส์นัดนี้จะเห็นภาพลาง ๆ ของแผนการเล่นเมื่อปีที่แล้ว ถ้าสั่งลุยแหลก แล้วเจอทีมที่มีประสิทธิภาพจะโดนน๊อคแบบนี้เป็นประจำ

สุดท้ายก็หวังว่า จะมีปาฏิหารย์ เกิดขึ้นในเกมส์นัดสองคงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว คงต้องลุยแหลกตั้งแต่ต้นเกมส์สถานเดียว แบบที่เคยเจอมาในรอบนี้ทุกปี จะโดนก่อนในนัดแรกเป็นประจำ และจะไปทวงคืนได้ในนัดที่สอง แต่ก็ไม่พอจะผ่านเข้ารอบไปได้ในทุก ๆ ปี

เมื่อแมนยูเล่นบอลโยน

คืนวันอาทิตย์ มีโอกาสได้ดู match ที่ แมนยู เสมอกับ เวสต์แฮม 1-1 ซึ่งแมนยูสามารถมาตีเสมอได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ รอดตายไปอย่างหวุดหวิด ตามรูปเกมส์ เวสต์แฮม ก็ค่อนข้างเล่นได้ดี โดยมีโอกาส เข้าทำประตู หลายครั้งที่น่าจะเข้า ดีที่ยังมี เด เค อา ช่วยเซฟไว้หลายครั้ง ทำให้ไม่ถูกนำห่างไป

ได้ลองสังเกตมาหลายเกมส์แล้วว่า เกมส์ของแมนยูนั้นเริ่มเปลี่ยนไปในยุคของฟานกาล ในช่วงหลัง ๆ โดยเล่นลูกกลางอากาศมากขึ้นกว่าเดิมมาก การต่อบอลเท้าสู่เท้าจะน้อยลงไปกว่ายุคของ เดวิด มอยส์  ซึ่ง ผลการแข่งขันในหลายนัดถือว่าดี แต่ถ้าไม่ชนะ นี่ก็จะถูกด่าตามกันมา ๆ ดูจากผลงานถือว่าไม่ได้ดีไปกว่า เดวิด มอยส์ ในฤดูกาลที่แล้วแต่อย่างใด ถ้าเทียบคะแนน ต่อ คะแนน แต่ที่อันดับอยู่สูงนั้นน่าจะมาจาก ทีมอื่นนัดกันฟอร์มตกมากกว่า ทั้งอาเซน่อล ลิเวอร์พูล ต่างผลงาน ดร็อปลงไปเยอะจากปีที่แล้วทำให้ แมนยู ยังติดอยู่ใน 4 อันดับแรก แต่ถ้าเทียบตัวผู้เล่นจริง ๆ แมนยู ควรจะเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์มากกว่า 2 ทีมที่กล่าวข้างต้น เนื่องจากไม่มีเกมส์ในสนามยุโรปให้เล่น เหมือนทีมอื่น ๆ ผมมองว่า ฟาน กาลนั้น ผลงานก็ไม่ได้ดีไปกว่า มอยส์แต่อย่างใด ปีที่แล้ว เดวิด มอยส์ นั้นต้องพาทีมลงสนามในเกมส์ยุโรป ด้วย จึงมีปัญหากับในลีกมากกว่า ยุคฟานกาล ซึ่งถ้าพิจารณาฟอร์มการเล่น โดยรวม ก็ถือว่าไม่ได้ดีเด่นซักเท่าไหร่ รูปเกมส์ นั้น ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเร้าใจเหมือนสมัยก่อน แท็กทิค ก็ดูโบราณยังไงชอบกล เหมือนฟานกาล จะมั่นใจในตัวเองสูงอยู่เหมือนกัน ที่พยายามใช้ แท็กทิค ที่ไม่ work อยู่หลายนัด จนต้องมาถอยในช่วงหลัง ๆ  ปรับมาใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนเดิม

โดยส่วนตัวมองว่า แมนยู ไม่น่าจะได้ติด 4 อันดับแรกหากบอลยังคงรูปแบบการเล่นแบบนี้ ทีมที่ไล่มา ก็ฟอร์มร้อน แรง ทั้งนั้น ทั้ง สเปอร์ อาเซน่อล หรือ ลิเวอร์พูล จะได้เปรียบตรงที่ แมนยู ไม่ต้องลงเล่นถ้วย ยุโรปเหมือนสามทีมข้างต้นเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องมาดูกันว่า สิ้นฤดูกาลผลจะเป็นอย่างไรสำหรับ แมนยู