เหมือนเคย

ผ่านนัดที่สองไปแบบเจ็บช้ำใจ สำหรับแฟน ๆ ทีมอาเซน่อล หลังจากบุกไปแพ้ stoke แบบครองบอลอยู่ฝั่งเดียวแทบจะทั้งเกมส์ แต่โดนทีเด็ดของนักเตะใหม่อย่าง เฆเซ่ ที่มาปิดบัญชีให้อาเซน่อล แพ้อย่างไม่น่าให้อภัย

จากเปอร์เซ็นต์การครองบอลหลังจบเกมส์ที่กว่า 80% เป็นของอาเซน่อล แต่ก็ไม่สามารถแม้กระทั่งจะตีเสมอทีมอย่าง stoke ได้ ซึ่ง ก็แทบไม่ต่างจากหลาย season ที่ผ่าน ๆ ที่เน้นการเคาะบอลไปมา ดูเหมือนจะครองเกมส์อยู่ฝ่ายเดียวแต่แทบไปไม่ถึงเขตอันตรายของ stoke ได้เลย โอกาสการทำประตูก็ไม่ต่างจาก stoke ที่เน้นเล่นสวนกลับซักเท่าไหร่ กองหลังก็อ่อนปวกเปียกเหมือนเดิม ไม่ต่างจาก season ที่แล้ว

ถ้าจะพิจารณาในรายละเอียดของเกมส์นั้น การเล่นหลัง 3 นั้น เหมือนจะทำให้หลุดเข้าไปสู่เขตอันตรายของอาเซน่อลได้ง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ จะเห็นในหลาย ๆ จังหวะ ที่กองหลังดันสูง แล้วโดนสวน ให้เสียววาบกันหลายครั้ง โดยส่วนตัวคิดว่าแผนนี้ยังไม่เหมาะกับทีมซักเท่าไหร่ ดูโอซิลเล่นไม่ค่อยออกกับแผน 3-4-3 แต่หลังจากเปลี่ยนมาเล่น 4-3-3 เหมือนเดิมนั้น โอซิลสามารถเล่นได้คล่องตัวมากกว่า และอาจจะถนัดมากกว่าการเล่นหลังสาม ซึ่งดูแล้วอึดอัดมาก

การปรับมาใช้แผนนี้ก็เลียนแบบมาจากเชลซี ใน season ที่แล้วที่พอเปลี่ยนมาเล่นหลัง 3 ก็สามารถไต่อันดับขึ้นไปและครองแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี  ปีนี้เลยมีหลายทีมเปลี่ยนมาเล่นหลัง 3 กันมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข้อได้เปรียบเหมือนเชลซีในปีที่แล้วอีกต่อไป  สาเหตุนึง ก็น่าจะเป็นเพราะปีที่แล้ว มีน้อยทีมที่เล่นแผนเดียวกับเชลซี ทำให้เชลซีเล่นง่าย และเป็นแผนที่ถนัดของ คอนเต้ โดยตรงตั้งแต่คุม ยูเวนตุส อยู่แล้ว แต่ปีนี้ ก็คงจะยากขึ้น เมื่อหลาย ๆ ทีมเริ่มเลียนแบบที่จะใช้หลัง 3 คน เช่นเดียวกับ อาเซน่อล ที่ผมมองยังไงก็ไม่ work กับการมาเล่นแผนนี้

สุดท้าย ก็อยากจะฝากถึงกองเชียร์ ว่ายังไงปีนี้ก็ยังมีอีกยาวไกล ให้ได้ลุ้น ดูจากผลสองนัดแรก แต่ละทีมก็เสียแต้มกันพอสมควร ทำให้คะแนนก็ไม่ห่างมาก มีแมนยู ทีมเดียวเท่านั้นที่ฟอร์มร้อนแรก ชนะ 2 นัดรวมมาได้ ทีมลุ้นแชมป์อื่น ๆ ก็เสียแต้มกันหมด คิดว่าสถานการณ์ในตอนนนี้ก็ยังบอกอะไรไม่ได้มาก ต้องดูกันยาวๆ  ว่าใครจะเป็นแชมป์ตัวจริงในฤดูกาลนี้

Image Ref : bleacherreport.com

อีหรอบเดิม

ต้องยอมรับกันตามความเป็นจริงว่าตอนนี้ Spurs เป็นทีมที่ดีกว่า Arsenal ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Spurs นั้นสามารถรักษามาตรฐานจากฤดูกาลที่แล้วได้อย่างดีรวมถึงมีการเสริมทัพที่มาต่อจิกซอว์ ให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก

บอกตามตรงก็ไม่ได้หวังสำหรับผลการแข่งขันเมื่อคืนที่ Spurs เอาชนะ Arsenal ไปอย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากดูความกระหายชัยชนะของทีมเด็กหนุ่มอย่าง Spurs นั้น ช่างแตกต่างจากนักเตะของ Arsenal อย่างสิ้นเชิงในเวลานี้  ตอนแรกคิดว่าไว้คงหวังอย่างมากแค่เสมอ แต่หลังจากดูการเล่นในครึ่งแรก ก็ต้องยอมรับในความแข็งแกร่งของ Spurs ในฤดูกาลนี้จริง ๆ และเป็นทีมของจริง ที่คิดว่าน่าจะลุ้นแชมป์กับ Chelsea ในช่วงท้าย  ๆ อย่างสนุก

กลับมาที่ตัว wenger จะเห็นได้ว่านัดหลัง ๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแทคทิค การเล่นเป็น หลัง 3 ตัวเลียนแบบ chelsea แต่ก็ได้ผลบ้างในช่วง 2-3 นัดที่ผ่านมา อาจจะเพราะ ไม่ได้เจอคู่แข่งที่หินเท่าไหร่ จึงยังคิดว่า แทคทิคดังกล่าว ไม่ได้ทำให้ทีมดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะทีมไม่เคยเล่นกันมาเลย จะมาลองเอาตอนนี้ ผมคิดว่ามันสายไปหน่อย น่าจะให้ทีมได้ปรับตัวในการเล่นมากกว่านี้ อาจจะมีผลงานที่ดีกว่านี้ในระยะยาวมากกว่า

สำหรับการเปลี่ยนตัวของ wenger นั้นจะเห็นได้ว่าแทบจะเหมือนกันทุกนัด ทั้งตัวผู้เล่นที่จะเปลี่ยนลง รวมถึง เวลาที่จะเปลี่ยนลงไป ทำไมถึงได้วนลูป อยู่อย่างงี้ไม่ทราบแน่ชัด wenger น่าจะเป็นกุนซือที่ตกยุคไปแล้วในปัจจุบัน ไม่สามารถทำทีมยกระดับขึ้นมาได้เลย ซึ่งฤดูกาลนี้จะว่าไปก็ลงทุนไปไม่ใช่น้อย ๆ กับการทุ่มซื้อนักเตะมาในจำนวนเงินที่ไม่ต่างกับ แมนยู หรือ เชลซีมากนัก แต่ผลงานกลับแย่ลงกว่าปีที่แล้วเสียอีก

จะว่าไปตัวผู้เล่นในทีมขณะนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลย คิดว่าถึงเวลาที่ต้องเปิดทางให้คนใหม่ ๆ นำแทคทิคใหม่ ๆ เข้ามาใช้กับทีมบ้าง ไม่งั้น เราจะเห็นภาพซ้ำแบบนี้ ไปอีกกี่ฤดูกาล ก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ หาก wenger ยังไม่คิดจะวางมือจริง ๆ

 

Img Ref : http://www.football.london

วนลูป

กลับเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์อีกครั้งสำหรับทีมรักอย่าง Arsenal ซึ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างกับทุกๆ ปีที่ผ่านมาเลย สำหรับฟอร์มในปีนี้นั้นก็แทบไม่ต่างจากหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา

ผลงานที่เริ่มจะร้อนแรงในช่วงแรก ๆ ของทุกปีและมักจะมาเริ่มแผ่วในช่วงต้นปีใหม่ยาวไปถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งก็ไม่รู้จะรักษามาตรฐานแบบนี้ไปทำไม หรือเป็น pattern ของ wenger ไปซะแล้วในช่วงหลัง ๆ แม้ปีนี้จะมีการเสริมทัพที่พอดูได้ขึ้นมาบ้างมีการทุ่มทุนซื้อนักเตะอย่าง มุสตาฟี่ เข้ามา

ซึ่งรวม ๆ นั้นก็ใช้เงินไปไม่น้อยซึ่งสวนทางกับผลงานที่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด การใช้แท็กติก เดิมๆ  ในทุก ๆ แมตช์ ซึ่งแทบจะจับทางได้หมดแล้วไม่ว่าทีมเล็กหรือทีมใหญ่

ก็ต้องรอดูว่าการพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูฟ่า แชมเปี้ยนลีคนั้น ผลงานจะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ดูทรงของทีม ณ ขณะนี้นั้นก็คงไม่น่าจะรอดเงื้อมมือ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ ผลงานก็จะวนลูปเข้าสู่จุดเดิมเหมือนทุก ๆ ปี และสุดท้ายก็กระเสือกกระสนพากลับไปได้เป็นที่ 4 เป็นอย่างน้อยเพื่อเข้าไปแข่งแชมเปี้ยนลีคในปีหน้าอีกเหมือนเคย

แฟน ๆ จำนวนมากเริ่มมีกระแสที่ไม่พอใจ เวนเกอร์ออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งคิดว่าคงจะหมดวัยของ เวนเกอร์แล้วจริง ๆ และน่าจะถึงเวลาได้เปลี่ยนแปลงทีมซักทีในปีหน้า ถ้าปีนี้มือเปล่า คิดว่าเวนเกอร์คงต้องถึงเวลาวางมือแล้วจริงๆ  เพราะฟุตบอลยุคนี้คงไม่เหมาะกับกุนซือแบบเวนเกอร์อีกต่อไปแล้ว

ถึงแม้จะมีความเสี่ยงกับกุนซือใหม่ แต่ก็คงจะดีกว่าการย่ำอยู่กับที่แบบไม่มีลุ้นแบบนี้ไปอีกหลายปีหากเวนเกอร์ยังกุมบังเหียนทีมอยู่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเวนเกอร์ก็คงจะคิดได้แล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องวางมือ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มาสานต่อจริง ๆ จัง ๆ ซักที

ในปีที่แรงปลาย

ผ่านเกมส์ใหญ่ไปอย่างน่าประใจสำหรับ อาเซน่อลในเกมส์พบกับ liverpool เมื่อคืนนี้ ก่อนเกมส์นั้นก็มองว่าเกมส์นี้น่าจะออกได้ทั้ง 3 หน้า เนื่องจาก liverpool หลังปีใหม่มานี่ก็ฟอร์มแจ่มไม่ใช่เล่น เพิ่งมาสะดุดในเกมส์ที่แล้วที่แพ้แมนยู คาบ้านมาเท่านั้นเอง เกมส์เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเล่นได้ดีเท่าไหร่นัก ดูโอกาสการทำประตูของทั้งสองทีมก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ จุดเด่นในปีนี้ของอาเซน่อลคือ จังหวะการทำประตูนั้นมีความคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการปรับรูปแบบการเล่นเพื่อความแน่นอนมากขึั้น จะไม่เห็นการพยายามต่อบอลจนไปถึงประตูหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน เริ่มมีความหลากหลายของการทำเกมส์รุกมากขึ้นซึ่งถือว่า ลงตัวเลยทีเดียว ไม่ต้องคอยชิ่งไปมาหน้ากรอบประตูเหมือนเมื่อก่อน อีกส่วนที่สำคัญก็คือเกมส์รับนั้นถือว่า ได้ ก๊อกโกแลง มาถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ ชิ้นสำคัญเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ทีมฟอร์มดีอย่างต่อเนื่องถึงตอนนี้ เพราะไม่ต้องมานั่่งกังวลกับเกมส์รับมากมาย ตัวรุกของทีมก็รุกกันได้อย่างสบายใจเมื่อมีคนคอย screen หลังให้ ก่อนจะถึงกองหลัง ซึ่งก็ออกมาเป็นผลงานอย่างที่เห็นที่เจอกับลิเวอร์พูล

ปรกติในหลาย ๆ ฤดูกาลหลังในช่วงนี้ของฤดูกาลคือ ช่วง มีนาคม – เมษายน นั้น อาเซน่อลจะฟอร์มแผ่วในทุก ๆ ปีและจะประสบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บในช่วงนี้ของทุก ๆ ปี แต่ปีนี้ถือว่ามาแปลกเลยทีเดียวที่ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมานั้น ถือว่าเป็นทีมที่ฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดในลีคเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรซ์ ไม่น้อยสำหรับฟอร์มช่วงหลังของอาเซน่อล  แต่ที่ผิดหวังคือทำไมต้องมาแรงช่วงปลายฤดูกาล หรือ ต้นฤดูกาลสลับกันแบบนี้ อยากให้เป็นอย่างงี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลบ้างจนจบ  คิดว่าคงได้แชมป์แน่ ๆ หากเล่นได้แบบนี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งก็เข้าใจได้สำหรับในปีนี้นั้น ช่วงแรก ๆ อาจจะมีฟอร์มสะดุด เนื่องจากพบปัญหานักเตะบาดเจ็บเป็นหางว่าว ถือว่าเป็นคราวซวยซ้ำซวยซ้อนของอาเซน่อล ที่ต้องมีช่วงนึงของฤดูกาลที่นักเตะเจ็บกันเป็นพรวน ๆ  แต่พอหายเจ็บก็หายเจ็บกลับมาพร้อม ๆ กัน ทำให้ฟอร์มเริ่มดีขึ้นอย่างที่เห็น

ถ้าดูจากทีมเชลซี จ่าฝูงนั้น จะพบว่าไม่ค่อยพบกับปัญหานักเตะบาดเจ็บยาว ๆ เลย ทีมค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นฤดูกาล มีเจ็บนิด เจ็บหน่อย หรือ อาจจะโดนแบน 1-2 เกมส์แล้วก็กลับมาทำให้ฟอร์มของทีมเชลซีนั้นค่อนข้างแน่นอนมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ซึ่งปีนี้ก็คิดว่าไม่น่าจะพลาดในตำแหน่งแชมป์ ถึงแม้ตามทฤษฏีแล้ว อาเซน่อลก็ยังมีโอกาสที่จะแซงได้ในเกมส์ที่เหลือ แต่ถ้ามองถึงความเคี่ยวของ มูรินโย่ แล้วนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ในการตามหลังถึง 7 คะแนนและแข่งมากกว่า 1 นัดแบบนี้

ในปีหน้าอาเซน่อลน่าจะพร้อมที่จะล่าแชมป์อย่างเต็มตัว หลังจากได้เติมผู้เล่นระดับเกรด A อย่างอเล็กซิซ ซานเชส และ เมซุต โอซิลเข้ามาร่วมทีม ปีหน้าก็ภาวนาอย่างยิ่งว่า จะไม่มีนักเตะหลัก ๆ เจ็บพร้อม ๆ กันเหมือนกับในหลาย ๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้อาเซน่อลเป็นคู่แข่งสำคัญในการลุ้นแชมป์ในปีหน้านั่นเองครับ