Apple vs Meta กับแนวคิดที่แตกต่างกันสุดขั้วของโลก Metaverse

เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจนะครับสำหรับ Apple กับท่าทีล่าสุดที่เป็นข่าวหลุดออกมาเกี่ยวกับแนวคิดของบริษัทกับเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างโลกเสมือนจริงใน metaverse

ชุดหูฟัง VR และ AR ของ Apple จะไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน โดยมีรายงานว่า บริษัท ได้หันเหความสนใจจากวิสัยทัศน์ที่เรียกว่า “metaverse” เพื่อสนับสนุนประสบการณ์ที่สั้นลง

ชุดหูฟังความเป็นจริงเสมือนได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไปในการประมวลผล โดยจัดการทุกอย่างตั้งแต่เกมและความบันเทิงไปจนถึงการทำงานและการศึกษา 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งมุ่งหวังให้ผู้ใช้ใช้หูฟังเป็นเวลานานตัวอย่างเช่นแนวคิดของ meta ที่ได้ปล่อยออกมาล่าสุด แต่ทาง Apple กลับมองเทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทิศทางตรงกันข้าม

นักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียง Ming-Chi Kuo ได้แนะนำว่าชุดหูฟังจะใช้จอแสดงผล 4K เท่านั้นและกล้องหกถึงแปดตัว อย่างไรก็ตาม บ่งบอกถึงอุปกรณ์ที่มีราคาไม่แพงมาก

แหล่งข่าวของจดหมายข่าว “Power On” ของ Mark Gurman จาก Bloomberg ได้ระบุว่า Apple คิดเกี่ยวกับ metaverse แต่พยายามหลีกเลี่ยง 

“ผมได้รับการบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่าแนวคิดของโลกเสมือนจริงที่ผู้ใช้สามารถหลบหนีออกจากโลกดังกล่าวได้ง่าย เช่นเดียววิสัยทัศน์แห่งอนาคตของแพลตฟอร์ม Meta/Facebook นั้นอยู่นอกเหนือขีดจำกัดของ Apple” Gurman กล่าว

แทนที่จะใช้ชุดหูฟังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานตลอดทั้งวัน Apple กลับตั้งใจให้หูฟังนี้ใช้สำหรับช่วงเวลาที่สั้นลง

นั่นทำให้ Apple เตรียมเปิดตัวชุดหูฟังตัวแรกภายในสิ้นปี 2022 แต่มีจำนวนจำกัด เชื่อกันว่ามีกระบังหน้าโค้งพร้อมแผ่นรองแบบ AirPods Max รวมถึงสายที่คล้ายกับการออกแบบของสายแบบสปอร์ต ของ Apple Watch

นอกจากนี้ชุดหูฟังรุ่นใหม่นี้จะใช้วัสดุน้ำหนักเบา มีระบบประมวลผลระดับ M1 สำหรับแอปพลิเคชันระดับไฮเอนด์ และใช้โปรเซสเซอร์สำรองเพื่อจัดการการติดตามเซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์เหล่านี้อาจรวมถึงระบบ LiDAR เพื่อติดตามมือของผู้ใช้โดย เพื่อการควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้นได้

ข่าวลือสำหรับราคาสำหรับอุปกรณ์ตัวใหม่นี้อยู่ระหว่าง 1,000 ถึง 3,000 ดอลลาร์

หากข่าวลือดังกล่าวเป็นจริง มันได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการของ Apple ต่อโลก metaverse ที่จะแตกต่างจาก Meta ของคู่แข่งอย่างมาก เมื่อ Meta ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ AR และ VR ไปสู่ ​​metaverse แบบเต็มตัวในขณะนี้

แต่ดูเหมือนว่า Apple มุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงโลกเสมือนจริงดังกล่าว แม้ว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะ work หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หาก metaverses ประสบความสำเร็จ Apple อาจพลาดและพบว่าตัวเองสนับสนุนสภาพแวดล้อม VR ให้กับผู้อื่น (meta) ซึ่งอาจจะกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์มหาศาลในอนาคตได้นั่นเองครับผม

References : https://appleinsider.com/articles/22/01/09/apple-doesnt-want-headset-to-become-an-all-day-device-for-users
https://www.engadget.com/apple-no-metaverse-for-vr-headset-182544991.html
https://9to5mac.com/2022/01/09/apple-headset-no-metaverse/

Facebook กำลังลงทุนในเครื่องอ่านคลื่นสมองผ่าน Wristband

Facebook ได้ประกาศการลงทุนครั้งใหม่ในบริษัท Startup อย่าง CTRL-Labs ซึ่งเป็นสายรัดข้อมือในการส่งสัญญาณไฟฟ้าจากสมองไปยังคอมพิวเตอร์

ข้อตกลงซึ่ง CNBC ได้รายงานว่ามีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มากที่สุดครั้งนึงของ Facebook ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาก ซึ่งก่อนนหน้านี้ Facebook ได้จ่าย 2 พันล้านเหรียญ ในบริษัท VR อย่าง Oculus VR ในปี 2014 

นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มการลงทุนอย่างมากในความทะเยอทะยานของฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นของ Facebook เนื่องจากเทคโนโลยี CTRL-Labs จะถูกนำไปใช้ในโครงการอีกหลาย ๆ โครงการ และ โครงการ VR ในอนาคตของเครือข่ายสังคมออนไลน์

Andrew Bosworth หัวหน้าฝ่าย AR และ VR ของ Facebook ได้ประกาศในหน้า Facebook ส่วนตัวของเขา โดย Bosworth กล่าวว่า CTRL-Labs ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยผู้สร้าง Internet Explorer และ Thomas Reardon นักประสาทวิทยา“ จะเข้าร่วมกับทีม Facebook Reality Labs ของเราที่เราหวังว่าจะสร้างเทคโนโลยีประเภทนี้ในระดับสูงและนำไปสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคได้เร็วขึ้น ”

Patrick Kaifosh เป็นผู้ร่วมก่ออีกคนของ CTRL-Labs และเขาก็เป็นนักประสาทวิทยา  Reardon CEO ของ บริษัท ได้ทิ้งอาชีพของเขาในด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์เพื่อศึกษาด้านประสาทวิทยาศาสตร์และได้รับปริญญาเอกในปี 2017 บริษัท ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีก่อนและได้ระดมทุนร่วม 67 ล้านดอลลาร์

ในแง่ที่น่าสนใจ CTRL-Labs ได้ซื้อชุดสิทธิบัตรเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับปลอกแขน Myo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ควบคุมท่าทางและการเคลื่อนไหวที่พัฒนาโดย North ซึ่งเดิมชื่อ Thalmic Labs Myo

ปลอกแขน Myo กับการควบคุมการเคลื่อนไหว
ปลอกแขน Myo กับการควบคุมการเคลื่อนไหว

โดยปลอกแขนวัดไฟฟ้า หรือ EEG, เป็นการแปลงกิจกรรมของกล้ามเนื้อให้กลายมาเป็น Data แบบดิจิตอล แต่ North ได้ออกไปทำผลิตภัณฑ์อื่น และตอนนี้ทำให้ทั้งคู่มี startup ด้าน AR ที่รู้จักในฐานะ Focals ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใน North นั้นอาจจะกลายเป็นคู่แข่งของ Focals

Bosworth กล่าวว่าสายรัดข้อมือของ CTRL-Labs จะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาวิธีการใหม่ในการโต้ตอบกับเครื่องโดยไม่จำเป็นต้องใช้เมาส์และคีย์บอร์ดแบบเดิมอีกต่อไป โดยเป็นการใช้หน้าจอสัมผัสหรือตัวควบคุมทางกายภาพในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง “ เทคโนโลยีเช่นนี้มีศักยภาพที่จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์และปรับเปลี่ยนสิ่งประดิษฐ์ในในโลกของศตวรรษที่ 21” เขาเขียน “ นี่คือการลงทุนของเราในเทคโนโลยี VR และ AR ซึ่งในวันหนึ่ง มันสามารถเปลี่ยนวิธีที่เราเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้”

สำหรับ Facebook การซื้อกิจการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่า Facebook กำลังออกแบบแว่นตา AR สองรุ่นที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกันกับ Snap Spectacles และอีกรุ่นหนึ่งที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์แบบ Google Glass แบบสแตนด์อโลน ซึ่งพื้นฐานสำคัญสำหรับเทคโนโลยีอินเตอร์เฟซ CTRL-Labs ที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับสมองนั่นเอง

References : https://www.theverge.com

4G to 5G กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของโลกอินเตอร์เน็ต

เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเทเลคอมกำลังจะประกาศให้ทราบถึงการมาถึงของเทคโนโลยี 5G ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ไฮเทคจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ พยายามเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกวันอุปกรณ์จำนวนมากต้องการแบนด์วิดท์ที่กว้าง และ บริษัท ต่างๆ ทั่วโลกจะได้ใช้ประโยชน์จากความสามารถ 5G เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น

“ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากสำหรับทั้งผู้บริโภคและองค์กร” Jeff Weisbein ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ บริษัท สื่อดิจิทัล Best Techie กล่าวว่า “ เครือข่าย 5G จะให้บริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่บ้าน (สูงสุด 20Gb / s) นอกจากนี้ยังช่วยให้ บริษัท ต่างๆสามารถสร้างความก้าวหน้าเช่นรถยนต์ที่ฉลาดขึ้นรถที่เชื่อมต่อแบบไร้สายได้ดีขึ้น รวมถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และจะพบกับประสบการณ์ในการซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ผ่านการปรับเปลี่ยนในแบบของตัวคุณเอง”

5G หมายถึงระบบไร้สายรุ่นที่ 5 และใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติมในช่วงความถี่ LTE ที่มีอยู่เพื่อสร้างความสามารถของ 4G ซึ่งมักจะใช้แทนกันกับ 4G LTE โดยนักการตลาดนำเอาคำว่า LTE ไปใช้เป็นคำศัพท์เพื่อใช้กับเครือข่าย 4G ก่อนหน้านี้ ซึ่งนำเสนอการปรับปรุงที่สำคัญใน 3G แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติครบถ้วนในฐานะ 4G หมายความว่า 4G LTE นั้นเป็น 4G รุ่นแรกนั่นเอง

John O’Malley โฆษกของ Verizon กล่าวว่าด้วยการผสมผสานความเร็วสูงในแบนด์วิดท์ขนาดใหญ่และความหน่วงที่ต่ำสุด เทคโนโลยี 5G จะช่วยให้สามารถปรับปรุง AR, VR, หุ่นยนต์, เกมบนคลาวด์, การศึกษาที่สมจริง, การดูแลสุขภาพและอื่น ๆ “ มันจะช่วยให้คุณส่งข้อมูลมากขึ้นเร็วขึ้นมากและเทคโนโลยีจะตอบสนองได้มากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก”

ทำให้เทคโนโลยี AR VR มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทำให้เทคโนโลยี AR VR มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เราได้กล่าวถึงในอดีตโดยย่อว่า 5G สามารถเปลี่ยนแนวการตลาดได้อย่างไร แต่เราจะคาดหวัง 5G ให้แตกต่างจากเทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้ามานี้ได้อย่างไร

ปรับปรุงความแม่นยำ

5G ใช้คลื่นความถี่วิทยุที่ไม่เหมือนใครซึ่งสูงกว่าและมีทิศทางมากกว่าที่ 4G ใช้ ทิศทางของ 5G มีความสำคัญเนื่องจากเสา 4G ส่งข้อมูลไปทั่วซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตลดลงในที่สุด เครือข่าย 4G ใช้ความถี่ต่ำกว่า 6 GHz ในขณะที่ 5G จะใช้ความถี่สูงกว่ามากในช่วง 30 GHz ถึง 300 GHz

ความถี่ที่มากขึ้นความสามารถในการรองรับข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่รบกวนสัญญาณไร้สายอื่น ๆ นั่นเอง

5G ใช้ความถี่สูงมาก ไม่รบกวนสัญญาณไร้สายอื่น ๆ
5G ใช้ความถี่สูงมาก ไม่รบกวนสัญญาณไร้สายอื่น ๆ

5G ยังใช้ความยาวคลื่นที่สั้นกว่า 4G ซึ่งหมายความว่าเสาอากาศสามารถลดขนาดลงได้โดยไม่รบกวนทิศทางของความยาวคลื่น โดยที่เทคโนโลลี 5G สามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 1,000 เครื่องต่อเมตรซึ่งมากกว่า 4G และใน 5G ปริมาณข้อมูลจำนวนมากจะเข้าถึงผู้คนที่ใช้งานที่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว

เครือข่าย 5G สามารถเข้าใจข้อมูลที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากขึ้นและสามารถปรับโหมดพลังงานด้วยตนเองได้ (เช่นต่ำเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือสูงเมื่อคุณสตรีมวิดีโอ HD) โดยทั่วไปทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้งานง่ายขึ้นนั่งเอง

Low latency / แบนด์วิดท์เพิ่มขึ้น

ด้วย 5G จะใช้เวลาน้อยลงในการส่งสัญญาณซึ่งแปลว่าระดับ latency จะต่ำ “ เรากำลังพูดถึงความล่าช้าในระดับมิลลิวินาทีในเครือข่าย 5G” O’Malley กล่าว หน้าเว็บจะโหลดเร็วขึ้นมากทำให้สามารถรับประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในขอบเขตของ VR และ AR ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ 

การแชร์วิดีโอบนโซเชียลมีเดียที่มาพร้อมกับการมาถึงของ 4G / LTE และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกแอพและบริการด้วยการมาถึงของ 5G

“ ตอนนี้วิดีโอคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณข้อมูลมือถือของเรา” Mo Katibeh, CMO, AT&T Business กล่าว “ ปริมาณการใช้งานวิดีโอของเราเพิ่มขึ้นกว่า 75 เปอร์เซ็นต์และสมาร์ทโฟนใช้ไปถึงเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณข้อมูลทั้งหมดในปีที่ผ่านมา”

“ เทคโนโลยีเช่น AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรนั้นมีศักยภาพสูง แต่ต้องการแบนด์วิดท์สูงและ latency ที่ต่ำเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด” Katibeh กล่าว “ สิ่งเดียวกันนี้เป็นจริงสำหรับเทคโนโลยีเช่น Virtual Reality ซึ่งสามารถนำเสนอประสบการณ์ของลูกค้าที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน”

ตัวอย่างเช่นแบรนด์ของตกแต่งบ้านสามารถใช้ 5G และ VR ที่ เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์มีลักษณะอย่างไรในบ้านของพวกเขาหรือ บริษัท ที่ให้บริการทางการเงินสามารถเปลี่ยนตู้เอทีเอ็มให้เป็นสาขาบริการเต็มรูปแบบที่ขับเคลื่อนโดยการประชุมผ่านวิดีโอ โดยใช้การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน 5G

VR ที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าหรือบริการชัดเจนขึ้นมาก ๆ
VR ที่ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าหรือบริการชัดเจนขึ้นมาก ๆ

แอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินจะปฏิวัติวิธีการจับจ่ายของผู้บริโภคอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ ในอนาคตที่ไม่ไกลเกินไปกระจกสามารถถูกแทนที่ด้วยจอภาพความละเอียดสูงด้วยกล้อง Internet of Things (IoT) ที่ให้คุณลอง สวมเสื้อผ้าหลายสิบหรือหลายร้อยชุด”  “ ลูกค้าสามารถ ‘กวาดนิ้วไปทางขวา’ เพื่อลองกับเสื้อตัวอื่นหรือแม้กระทั่งรับคำแนะนำเรื่องเครื่องแต่งกายเพิ่มเติมแบบอัตโนมัติ “

รถยนต์ไร้คนขับสามารถใช้แผนที่สำหรับการนำทางแบบเรียลไทม์บน 5G ซึ่งมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพและสามารถขจัดปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตนเองในปัจจุบัน

ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงขึ้น

ทุกคนต้องการให้อุปกรณ์ทำงานที่ความเร็วสูงสุด ซึ่งเมื่อมีอุปกรณ์น้อยลงและมีการรบกวนอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความเร็ว โดยเทคโนโลยี 5G นั้นมีศักยภาพที่จะเร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า นั่นหมายความว่าคุณสามารถดาวน์โหลดได้เร็วกว่า 20 เท่าหรือดาวน์โหลดเร็วขึ้น โดยที่เทคโนโลยี 5G มีความเร็วสูงสุด 20 Gb / s ในขณะที่ 4G มีเพียง 1 Gb / s

อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ ที่ทำงานมักไม่ค่อยใช้ความเร็วสูงสุดดังนั้นจึงควรคำนึงถึงความเร็วปกติด้วยเช่นกัน เนื่องจาก 5G ยังไม่ออกวางจำหน่าย ผู้เชี่ยวชาญจึงเห็นด้วยว่ามันยากที่จะพูดฟันธงว่าจะใช้งานได้เร็วกว่า 4G มากเพียงใด ซึ่งเท่าที่ประมาณการณ์นั้นอย่างน้อยต้องเร็วกว่า 4G เป็น 10 เท่า

What’s next?

แน่นอนว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแบบข้ามคืนจาก 4G เป็น 5G   โดยเทคโนโลยี 4G จะยังคงทำงานควบคู่ไปกับ 5G และ 5G จะค่อยๆเปิดตัว Verizon กำลังเปิดตัว 5G เป็นรายแรกในบรอดแบนด์ที่อยู่อาศัยในตลาดสามถึงห้าแห่งซึ่งรวมถึงที่ลอสแองเจลิสและซาคราเมนโตและเร็ว ๆ นี้จะประกาศแผนการเพิ่มเติมสำหรับการเปิดตัว

ผู้ใช้จะสังเกตเห็น 5G บนอุปกรณ์พกพาและจากสถานที่เช่นบ้านอัจฉริยะ

มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่า 5G จะส่งผลกระทบต่อสายการบินได้อย่างไร O’Malley กล่าว มีอะไรมากมายเกี่ยวกับผลกระทบของ 5G ที่ยังคงมีให้เห็น ในแง่ของการมาถึงของ 5G Katibeh กล่าวว่า AT&T วางแผนที่จะจำลอง 75% ของฟังก์ชั่นหลักให้ได้ภายในปี 2020

แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่นำมาซึ่งอุปสรรคใหม่เสมอ – การเชื่อมต่อที่ง่ายขึ้นกับอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น ยิ่งทำให้ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับธุรกิจ

“ ใครจะคิดบ้างเมื่อห้าปีก่อนคุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนและขึ้นรถได้โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนเงิน” O’Malley กล่าว “ สิ่งที่เราจะเห็นในไม่กี่ปีกับ 5G เราไม่สามารถจินตนาการได้ในตอนนี้เลย”

References :
https://www.adweek.com

Geek Monday EP14 : Coca Cola กับการใช้นวัตกรรมยกระดับธุรกิจ

บริษัท Coca Cola เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของธุรกิจที่มีการดำเนินธุรกิจตามข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ เพื่อกำหนดแผนธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้สร้างโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการประเมินทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการที่ Coca Cola ทำการคิดใหม่ในฐานะบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามกลยุทธ์ของข้อมูลและ AI ก็ทำให้มีแนวโน้มที่ Coca Cola จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องดื่มทั่วโลก ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลได้อย่างมั่นคง ที่เป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะตามพวกเค้าทันนั่นเองครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep14-coca-cola-innovation/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/2gt6uoUIy71HaW8v9SAvOf

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/eXRWfrgQyRU

VR กับการส่อง Anatomy ของร่างกายคุณผ่าน App

ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกมั่นใจว่าพวกเขารู้เรื่องพอสมควรเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาในแง่ของสุขภาพทั่วไป แต่สิ่งที่พวกเรารู้กันนั้น ดูเหมือนจะดูจากจากภายนอกร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้มองเข้าไปข้างใน ภายใน Anatomy ของร่างกายเราที่สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวัน

Ed Barton ผู้ก่อตั้ง Curiscope  บริษัท Startup ในสหราชอาณาจักร  หวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นด้วยการผสมผสานการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality  (AR) มาพัฒนาแอป VR เพื่อดูกายวิภาคศาสตร์ และทำงานร่วมกับเสื้อยืด Virtuali-Tee ที่บริษัทสร้างขึ้น โดยจะทำให้ผู้คนมองเห็นภายในร่างกายของพวกเขาเองผ่าน App ตัวนี้

Barton อธิบายกับ Wired : “ เราใช้การผสมผสานระหว่าง VR และ AR เพื่อดูภายในกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งด้วย AR ที่ถูกวางตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ทำให้คุณสามารถใช้ VR เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับร่างกายของคุณได้”

Curiscope ได้ระดมทุนเกือบ 1 ล้านเหรียญจาก LocalGlobe และพวกเขาได้ขาย Virtuali-Tees  ไปเป็นมูลค่าเกือบ 3,000 เหรียญแล้วในขณะนี้

Barton บอกกับ  Wired  ว่าการติดตามตำแหน่ง“ เรามีการทำให้วัตถุและภาพดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับความเป็นจริงมากขึ้น” เขากล่าวต่อ“ ด้วย Virtuali-Tee, AR เป็นอินเตอร์เฟสของคุณและ VR ใช้ในการส่งข้อมูล”

เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้รหัส QR ที่พิมพ์ออกมาบนเสื้อยืด เมื่อคุณสแกนรหัส QR ด้วยแอพที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถสำรวจทั่วทั้งช่องอกรวมถึงหัวใจและปอดของคุณได้

เทคโนโลยี AR เริ่มโด่งดังมาจากเปิดตัวของ Pokémon Go แต่ แอพพลิเคชั่นของ Barton นั้นแสดงให้เห็นว่ามันสามารถเข้าถึงได้มากกว่าแค่เกมเหมือนดั่งที่ Pokemon ทำ ซึ่งในตอนนี้มีการนำเทคโนโลยี AR ไปใช้ ตั้งแต่การใช้สมาร์ทโฟนไปจนถึงการออกแบบพิมพ์เขียวของรถยนต์  AR กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งการรวมกันของทั้ง AR และ VR ไม่เพียง แต่จะทำให้อุปกรณ์ Virtuali-Tee มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ยังนำไปสู่เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่รวม AR และ VR เข้าด้วยกันอีกด้วย

เสื้อยืด Virtuali-Tee นี้อาจเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็น มันสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาที่ช่วยให้กายวิภาคศาสตร์และชีววิทยากลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกไม่น่าเบื่อเหมือนเมื่อก่อน โดยเสื้อยืด Virtuali-Tee สามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจการทำงานภายในของร่างกายตัวเอง และวิธีการที่เรากระทำในทุกๆวัน ตั้งแต่สิ่งที่เรากินเข้าไป จนถึงการออกกำลังกาย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่านั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพของเรานั่นเอง

References : 
https://futurism.com/new-anatomy-vr-app-lets-you-look-inside-your-own-body