Smartphone War ตอนที่ 9 : Free for All

หลังจากการเปิดตัวอย่างสวยงามของ iPhone ในต้นปี 2007 Google จึงได้เริ่มเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างของวงการโทรศัพท์มือถือโลก ว่าโลกของมือถือในอนาคตนั้นจะขับเคลื่อนไปในรูปแบบมือถือจอสัมผัส อย่างที่ iPhone สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน

มันเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจที่ชาญฉลาดที่สุดครั้งนึงในการเปลี่ยน Android จากเดิมนั้นต้องมีคีย์บอร์ด QWERTY แบบเดียวกับที่ Blackberry ทำ ให้กลายร่างมาเป็นมือถือแบบจอสัมผัสอย่างที่ Apple ทำกับ iPhone

และ Google ก็เริ่มลุยทันที ไม่ปล่อยให้ช้าเกินไป โดยในปี 2007 google ได้เปิดตัว OHA (Open Hanset Alliance) โดย Google จะเสนอตัวในการสร้างระบบปฏิบัติการมือถือให้ฟรี สำหรับผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ ๆ ทุกราย

ซึ่งแน่นอนการได้ของฟรีแบบนี้ ใครจะไม่ชอบล่ะ เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านมือถือจากทั่วโลกต่างตบเท้าเข้าร่วมกับ Google ใน OHA ไม่ว่าจะเป็น HTC , Motorola , T-Mobile , หรือ Qualcom 

และที่สำคัญ เครือข่ายโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง China Mobile นั้นก็ตอบรับในข้อเสนอดังกล่าวของ Google เพราะมองว่า จีนจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของ smartphone ในอนาคตได้อย่างแน่นอน ด้วยการที่จีนเติบโตอย่างรวดเร็วและจำนวนชนชั้นกลางเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนั้น การใช้ระบบปฏิบัติการที่ฟรีอย่างที่ Google เสนอนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับประเทศจีน

OHA แนวร่วมที่สำคัญจากทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องในตลาดโทรศัพท์มือถือ
OHA แนวร่วมที่สำคัญจากทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องในตลาดโทรศัพท์มือถือ

ซึ่งแนวคิดหลักของ OHA นั้น Google จะเป็นแกนหลักของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา รวมถึงบริการต่าง ๆ ของ Google ที่จะติดมากับระบบปฏิบัติการใหม่ตัวนี้ โดยระบบจะเปิดให้มากที่สุด ซึ่งผู้ผลิตสามารถเข้าถึง Sourcecode ของระบบปฏิบัติการได้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ Apple กับ Microsoft ทำ ที่ปกป้อง Sourcecode ดังไข่ในหิน

แน่นอนว่าสิ่งนี้มันไม่ดีต่อทั้ง Apple และ Microsoft อย่างแน่นอน Google ได้พยายามทำสิ่งที่  Microsoft ทำในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ ตอนนี้พวกเขากำลังทำทุกอย่างแบบฟรี ให้เหล่าผู้ผลิตมือถือเอาไปใช้ได้อย่างสบายใจ เพียงแค่ต้องมีบริการของ Google ติดตั้งค่ามาตั้งแต่โรงงานเท่านั้น

และที่สำคัญเหล่าผู้ผลิตมือถือเริ่มที่จะระแวง Microsoft ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกลัวจะซ้ำรอยเดิมกับตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สุดท้าย คนที่รวยจริง ๆ ก็คือ Microsoft 

และท่ามกลางความไม่ไว้วางใจนี้เองที่ Android ได้แทรกตัวเข้ามา ทำให้รูปแบบของโมเดลธุกริจของ Google นั้นน่าสนใจขึ้นมาทันทีสำหรับเหล่าบริษัทผู้ผลิตมือถือทั่วโลก เพื่อสร้างความแตกต่างกับตลาด Google ได้แปลงสิ่งที่ Microsoft เก็บค่าบริการ มาเปิดให้บริการฟรี

แม้ในขณะนั้น Microsoft ยังดูมั่นใจในตลาดมือถือของตัวเองเป็นอย่างมาก โดยปี 2008 ในงาน Mobile World Congress ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศ สเปน Microsoft ยังแถลงตัวเลขของ Windows Mobile ที่ดูสวยหรู

โดย สามารถขายสิทธิ์การใช้งาน Windows Mobile ไปได้กว่า 14.3 ล้านชุด ซึ่งในขณะนั้น ทำให้ Microsoft กลายเป็นผู้นำในตลาด Smartphone แซงหน้าทั้ง RIM ที่ผลิต Blackberry และ ไม่ต้องพูดถึง iPhone ที่เพิ่งตั้งไข่ในตลาดโทรศัพท์มือถือ

แต่เหมือน Microsoft นั้นย่ามใจในตลาดโทรศัพท์มือถือ โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่เกือบทั้งหมด และเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เหล่าผู้ผลิตโทรศัพท์ เริ่มรู้สึกว่า Microsoft นั้นยังขาดทิศทางที่ไม่ชัดเจน

และไม่ใช่การเกิดขึ้นของ iPhone แต่เป็นการมาถึงของ Android ของ Google ต่างหากที่เป็นตัวเร่งในการกำจัด Windows Mobile ออกไปจากตลาด Google ทำให้ Microsoft เหนื่อยอีกครั้ง เพราะจะสู้กับของฟรีของ Google ได้อย่างไร

แม้ปีที่รุ่งของ Windows Mobile ตั้งแต่เดือน กรกฏาคมปี 2007 ถึง มิถุนายน ปี 2008 Apple ขาย iPhone ได้ 5.41 ล้านเครื่อง และในปีต่อมาในช่วงเวลาเดียวกัน Apple สามารถจำหน่าย iPhone ไปได้ถึง 20.25 ล้านเครื่อง ซึ่งมันได้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญแล้ว ที่สามารถขายได้มากกว่าลิขสิทธิ์ของ Windows Mobile ถึง 2 ล้านหน่วย

สตีฟ บอลเมอร์ ยังดูมั่นใจในตลาด Windows Mobile แทบจะไม่ระแคะระคายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
สตีฟ บอลเมอร์ ยังดูมั่นใจในตลาด Windows Mobile แทบจะไม่ระแคะระคายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

บรรดาสื่อ รวมถึง นักวิเคราะห์ตามสำนักข่าวใหญ่ ๆ เริ่มสังเกตเห็นปรากฏการณ์ เพราะพวกเค้าสามารถดูจากสถิติการเข้ามาเยี่ยมชมเว๊บไซต์ของสำนักข่าวใหญ่ ๆ เหล่านี้ได้ว่ามาจากอุปกรณ์ใด 

ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เป็นสาวก iPhone นั้นเป็นพวกชอบใช้เว๊บไซต์บนมือถือมาก เพราะมันได้ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจาก Smartphone อื่น ๆ ที่เคยมีมาอย่างชัดเจน และยุคของ อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ มันได้เริ่มต้นแล้วอย่างแท้จริง

และข้อตกลงครั้งสำคัญที่ให้ Google เป็น Search Engine เริ่มต้นใน Browser Safari ของ Apple ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดอีกครั้ง เพราะตอนนั้นโลกของ Mobile กับ อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนไปแล้ว

มันได้ถูกขับเคลื่อนใหม่ด้วย มือถือแบบจอสัมผัส แบบที่ iPhone ทำแล้วนั่นเอง ซึ่งผู้ใช้งานเข้าสู่โปรแกรมการค้นหาผ่าน iPhone โดย Safari มากกกว่าอุปกรณ์ใด ๆ อย่างชัดเจนขึ้นหลังเทศกาลคริสต์มาสปี 2007

ซึ่งข้อมูลส่วนนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ยืนยันถึงโลกธุรกิจมือถือยุคใหม่ ได้เปลี่ยนไปแล้ว และดูเหมือน Microsoft แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล และข้อมูลที่ google ได้เห็นนั้น มันได้ทำให้โครงการ Android ของ Google ที่นำโดย Andy Rubin สำคัญกับ Google มากขึ้นนั่นเองครับ จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับยักษ์ใหญ่ทั้งสามในธุรกิจมือถือ โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 10 : The Loser

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 Phone & Microsoft *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Smartphone War ตอนที่ 4 : Turning point

หลังจากความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับ ROKR ที่ทาง Apple ได้ร่วมมือกับ Motorola เพื่อหวังจะเป็นบันไดสำคัญในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจมือถือของ Apple ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ จ๊อบส์ นั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แทบจะไม่อยากเอ่ยถึงในเรื่องดังกล่าวเลยเสียด้วยซ้ำ

แต่การทดลองครั้งนี้ของ จ๊อบส์ และ Apple มันก็ไม่ได้เสียเปล่าไปเลยเสียทีเดียว เพราะมันทำให้ปลุกไฟของ จ๊อบส์ ให้มีความอยากที่จะสร้างมือถือที่จะปฏิวัติวงการไปแบบสิ้นเชิง มันได้ปลุกไฟของจ๊อบส์ ให้กลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้งหลังจากได้ปฏิวัติวงการเพลงสำเร็จไปแล้วด้วย iPod

และแน่นอนว่า จ๊อบส์ ต้องการจับมือกับ Cingular เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง แต่เขารับประกันว่าครั้งนี้จะไม่เลวร้ายเหมือนที่ได้ร่วมผลิต ROKR กับ Motorola อย่างแน่นอน

ซึ่งในขณะนั้น มือถือ ไม่ได้เป็นเป้าหมายแรกของจ๊อบส์ ที่จะปล่อยออกสู่ตลาด แต่มันคือ Tablet ที่ทีมงานของพวกเขากำลังสร้างอยู่ต่างหาก โดยตอนนั้น Apple กำลังพัฒนา Tablet แบบจอสัมผัส จ๊อบส์ จึงสั่งการให้ลูกทีมเปลี่ยนทิศทางของผลิตภัณฑ์มาที่มือถือทันที

แต่การสร้างมือถือตั้งแต่ศูนย์ นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับบริษัทที่สร้างคอมพิวเตอร์อย่าง Apple แม้กระทั่ง Palm เองก็ต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะประสบความสำเร็จในตลาด smartphone แต่มันก็กลายเป็นความสำเร็จเพียงชั่วครู่เท่านั้นสำหรับ Palm เพราะคู่แข่งรายใหญ่ที่น่ากลัวที่สุดมันกำลังจะเกิดขึ้น

อีกบริษัทหนึ่งที่กำลังสร้างผลงานในตลาดมือถือ ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ บริษัท รีเสิร์ช อิน โมชั่น (Research in Motion หรือ RIM) เป็นบริษัทจากแคนาดา ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอุปกรณ์ไร้สายที่มีจุดเด่นในการ “ส่งอีเมล” ถึงมือถือผู้ใช้ ทุกที่ ทุกเวลา โดยรู้จักกันในชื่อว่า “แบล็กเบอร์รี่ (Blackberry)”

ระยะแรกเมื่อปี 2001 “แบล็กเบอร์รี่” เป็นเพียงเพจเจอร์ (Pager) ขนาดเล็ก ที่ผู้ใช้แต่ละคนสามารถพิมพ์ข้อความรับ-ส่งหากันได้เอง โดยมีหน้าจอขาวดำ และ แผงปุ่มกดเหมือนแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์

และ Blackberry นี่เองที่ได้กลายเป็น smartphone ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงเครื่องแรก ๆ ของโลก เพราะมีทั้ง email รวมถึงสามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายได้เมื่อเดินทางไปไหนมาไหน และจุดเด่นที่คนหลงรักก็คือ แป้นพิมพ์ QWERTY 

และรูปแบบการเข้ารหัสของข้อความที่ส่งผ่านกันในเครือข่าย Blackberry นั้น ทำให้เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะด้านการเงิน นั้นมั่นใจที่จะใช้งาน เพราะข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลของเหล่านักการเงินในบริษัทนั้นจะไม่ถูกขโมยออกไปอย่างแน่นอน

Blackberry ที่เน้นด้านความปลอดภัยของข้อมูล
Blackberry ที่เน้นด้านความปลอดภัยของข้อมูล

และทุกส่วนต่าง  ๆ ดังที่กล่าวนี้เองที่ทำให้ในปี 2006 RIM สามารถสร้างรายได้มากกว่า 835 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ารายรับของ Palm ถึง 2 เท่า และมีกำไรสูงถึง 176 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ากำไรของ Palm กว่า 10 เท่า สามารถจำหน่ายเครื่อง Blackberry ออกไปได้กว่า 1.8 ล้านเครื่องเลยทีเดียว

ส่วนฟากฝั่ง Microsoft นั้น ก็ดูเหมือนจะเป็นยักษ์ใหญ่ที่ตายใจ ตอนนั้น Microsoft ได้เข้ามาสู่ธุรกิจมือถือมาหลายปีแล้ว และ หลังจากการร่วมกับ Palm ก็หวังจะช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 

ซึ่ง Microsoft นั้นใช้ Model เดียวกับธุรกิจระบบปฏิบัติการ Windows บน PC ก็คือ การขายสิทธิการใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Mobile นั่นเอง โดยไม่ได้ลงไปเล่นในตลาด Hardware เหมือนเจ้าอื่น ๆ ที่ทำกัน โดยเน้นทำส่วนที่ตัวเองถนัดอย่าง Software มากกว่า

โดยในปี 2006 นั้น Microsoft สามารถขายสิทธิ์การใช้งาน Windows Mobile ไปยังผู้ผลิตมือถือ Brand ต่าง ๆ ได้ถึง 5.9 ล้านชุด  และหลังจากนั้นอีก 1 ปีให้หลัง สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้เป็นสองเท่า โดยสามารถขายได้ 11 ล้านชุด และมันเป็นช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจนสำหรับ Microsoft ในตลาดมือถือโลก

และในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เอง ถ้าพูดถึงระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายที่สุด ก็คงเป็น Windows Mobile ของ Microsoft เพราะมีการออกแบบมาตั้งแต่ต้นให้มาจัดการรูปแบบ email ของ Microsoft รวมถึงการท่องเว๊บ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และแน่นอนว่า Microsoft ต้องการเข้ามาผูกขาดตลาดมือถือให้ได้อีกครั้งหลังจากทำสำเร็จมาแล้วกับ Windows บน PC นั่นเอง

อนาคตของ Windows Mobile ที่ค่อนข้างสดใสมาก ๆ
อนาคตของ Windows Mobile ที่ค่อนข้างสดใสมาก ๆ

ส่วนฟากฝั่งของ Google หลังจากได้ Android ของ Rubin ตอนนี้ Google ก็พร้อมแล้วเช่นเดียวกันสำหรับการกระโจนเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะกลายเป็นอนาคตของอินเตอร์เน็ต Google ก็หวังจะกลายเป็นโปรแกรมการค้นหาอันดับ 1 บนมือถือให้ได้เหมือนกับที่เขาทำได้ผ่านเว๊บไซต์บน PC

จากตอนนี้ เราจะเห็นได้ว่า ช่วงปี 2006-2007 ถือเป็นรอยต่อครั้งสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจมือถือโลก ผู้ที่ดูเหมือนได้เปรียบที่สุด ที่จะกลายเป็นเจ้าตลาดมือถือ ควรจะเป็น Microsoft เพราะตอนนั้น พร้อมทุกอย่าง ทั้งระบบปฏิบัติการ บริการ email ที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงได้จับมือกับ Palm เพื่อช่วยเหลือด้าน Hardware อีกด้วย

รวมถึงเหล่าพัฒนาในขณะนั้น ก็เริ่มเทใจมาที่ Microsoft เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าทุกอย่างพร้อมไปเสียหมดสำหรับ Microsoft อีกเพียงนิดเดียวก็จะถึงเส้นชัยในการกินรวบตลาดแบบที่พวกเขาทำได้บน PC เสียแล้ว

แล้วจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจมือถือ ในปี 2007 ซึ่งเรียกได้ว่ามันเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์ ก่อนยุค 2007 ไปอย่างสิ้นเชิง อุปกรณ์ที่เป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่โลกเราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนบริษัท Apple ที่แทบจะไม่ติดอันดับในบริษัทยักษ์ใหญ่ Fortune 500 เสียด้วยซ้ำ ในขณะนั้น ให้ก้าวมาสู่บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอย่างที่เราเห็นได้อย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 5 : That’s iPhone

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Phone & Microsoft *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Smartphone War ตอนที่ 2 : Android & Google

ในเดือนกันยายนปี 2005 การประกาศรวมตัวของ Microsoft กับ Palm นั้นทำให้พนักงาน Google คนหนึ่งเกิดความสนใจขึ้นมา เขาคือ Andy Rubin ผู้เป็นอดีตพนักงาน Apple และเพิ่งได้ทำการขายบริษัทที่สองของเขาคือ Android ไปให้กับ Google ได้ไม่นาน

Andy Rubin เป็นชาวยิวอเมริกัน ที่เติบโตในนิวยอร์ก เป็นลูกของนักจิตวิทยาที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเอง และพ่อของเขาก็ทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย เขาสามารถสร้างกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ ได้ด้วยตนเอง ขณะที่ยังเด็ก

โดยเขาเรียนจบจากวิทยาลัยอูตีกา ในอูตีกา นิวยอร์ก ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เขามีประวัติการทำงานอันน่าทึ่ง เพราะเริ่มทำงานที่บริษัท คาร์ล ไซซ์ ในตำแหน่ง วิศวกรหุ่นยนต์  ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่บริษัทแอปเปิล ในฐานะวิศวกรควบคุมฝ่ายการผลิต

หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมงานกับ Artemis Research ที่ก่อตั้งโดย Steve Perlman ซึ่งเป็นผู้สร้าง WebTV ที่สุดท้ายได้ถูก Microsoft ซื้อไปในที่สุด

หลังจากนั้นอีกหลายปีต่อมา Rubin ก็ได้ออกมาตั้งบริษัทเองชื่อ Danger Inc. ซึ่งบริษัท Danger นี่เองที่เป็นผลงานโดดเด่นมากของ Rubin ในการทำระบบ OS บนมือถือ

ซึ่งได้กลายเป็นสินค้ายอดฮิตของวัยรุ่นอเมริกานั่นคือ Danger Hiptop (T-Mobile SideKick) ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่มีความสามารถคล้าย ๆ กับ PDA โดยมีการบอกความเป็น Entertainment ให้ดูมีความสนุกสนานเหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งต่อมา Microsoft ก็ได้เข้าไปซื้อกิจการในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 

Danger Hiptop (T-Mobile SideKick) สินค้ายอดฮิตของวัยรุ่นอเมริกา
Danger Hiptop (T-Mobile SideKick) สินค้ายอดฮิตของวัยรุ่นอเมริกา

สำหรับ Android นั้น ดูเหมือนว่าในตอนแรก Google จะดูไม่มีท่าทีจะสนใจโดยเฉพาะ CEO ในขณะนั้นอย่าง เอริก ชมิตต์ ดูจะส่ายหัวกับ idea การจะสร้างระบบปฏิบัติการมือถือของ Google ขึ้นมา

แต่สองผู้ก่อตั้งของ Google อย่าง แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน นั้นได้มองเห็นโทรศัพท์มือถือว่าเป็นอนาคตที่สำคัญ จึงได้ทำการไปแอบซื้อ Android มาโดยไม่ปรึกษา CEO ในขณะนั้นอย่าง ชมิตต์ แต่อย่างใด

แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองนั้นได้เล็งเห็นถึงอนาคตของวงการมือถือ เพราะผลิตภัณฑ์หลักอย่าง Search Engine ของ Google นั้น ต่อไปในอนาคต คนต้องใช้งานผ่านมือถืออย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการตัดสินใจซื้อบริษัทครั้งสำคัญครั้งนึงเลยของ Google ที่มีต่อแผนธุรกิจระยะยาวของพวกเขา

ทั้ง เพจ บริน และ รูบิน นั้น มองเห็นอนาคตของ อินเตอร์เน็ตที่จะเคลื่อนไปสู่มือถือ และเมื่อถึงตอนนั้น คนก็จะค้นหาผ่านมือถือมากกว่า PC และ Smartphone จะกลายเป็นอุปกรณ์ประจำกายของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน

เพราะคนสามารถใช้ Smartphone เคลื่อนที่ไปไหนก็ได้อย่างอิสระเสรี ไม่ต้องมาอยู่กับที่เหมือนกับการเล่นอินเตอร์เน็ตบน PC หรือ Desktop และจะเกิดข้อมูลขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเหล่าผู้ใช้งานเคลื่อนที่ไปแต่ละแห่งอยู่ตลอดเวลา และขณะนั้นพวกเขาอยู่ที่ไหนเมื่อตอนที่กำลังท่องเว๊บเพื่อค้นหาบางอย่าง และเมื่อมีข้อมูลจากเหล่าผู้ใช้งานมากขึ้น ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการค้นหาของ Google นั้นดียิ่งขึ้นไปอีก และยากที่ใครจะมาโค่นล้ม Google ในธุรกิจการค้นหาได้

Andy Rubin บิดาของ Android ผู้เปลี่ยน Google ไปตลอดกาล
Andy Rubin บิดาของ Android ผู้เปลี่ยน Google ไปตลอดกาล

แต่มุมของ Microsoft นั้นต่างกันกับ Google เล็กน้อยในวิสัยทัศน์ของธุรกิจมือถือ ซึ่ง Microsoft มอง internet เป็นตัวเสริม Software ของ Microsoft ที่สามารถสร้างรายได้ในตลาดธุรกิจอย่าง Exchange 

ซึ่งเมื่อมือถือกลายเป็นตลาดที่เติบโตมหาศาล ในที่สุดผู้ผลิตก็จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล เพื่อนำบริการการค้นหาใด ๆ เป็นค่าเริ่มต้นของมือถือของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่า Google คงไม่อยากเสียเงินแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ อย่างแน่นอน หลังจากเสียเงินเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อเป็น การค้นหาเริ่มต้นใน Browser อย่าง Firefox และ Safari

และหาก Microsoft และ Palm สามารถสร้างมาตรฐานใหม่ของ Smartphone ขึ้นมาได้จริง ๆ อาจจะเป็นฝันร้ายของ Google ก็เป็นได้ แม้ในศึกการค้นหาบน Desktop & PC นั้น Microsoft จะพ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูปให้กับ Google แต่ความทะเยอทะยานครั้งใหม่ของ Microsoft ในตลาดมือถือ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ Search Engine ของ Microsoft กลับมาแจ้งเกิดได้อีกครั้ง มันอาจจะกลายเป็นค่าเริ่มต้นของ มือถือนับล้าน ๆ เครื่องทั่วโลกสำหรับศึกการค้นหาใหม่บนมือถือก็เป็นได้

ซึ่งวิธีเดียวที่จะรับประกันอนาคตของ Google ให้มีที่ยืนในโปรแกรมค้นหาบนมือถือได้ ณ ขณะนั้นก็คือ Android และต้องมีแรงจูงใจพิเศษที่เหล่าผู้ผลิตมือถือได้รับแล้วไม่อาจปฏิเสธข้อเสนอได้ แล้ววิธีการนั้นกับระบบปฏิบัติการน้องใหม่อย่าง Android มันคืออะไร และเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญต่อธุรกิจในอนาคตของ Google เป็นอย่างยิ่ง โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 3 : iTunes Phone

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Phone & Microsoft *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Blog Series : Smartphone War Apple vs Google vs Microsoft

สงคราม Smartphone ถือได้ว่าเป็นสงครามธุรกิจ Case ที่ Classic Case นึงทีเดียวในวงการธุรกิจโลก การล่มสลายของ Nokia ผู้ครองตลาดมาอย่างยาวนาน รวมถึง Microsoft ที่มีที่ยืนอยู่ใน Windows Mobile ในช่วงเริ่มต้นของ Smartphone นั้น ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

การเกิดขึ้นของ iPhone จาก Apple ในปี 2007 ได้เปลี่ยนแปลง รูปแบบธุรกิจมือถือ ที่มีเจ้าตลาดอย่าง Nokia เคยครองมาก่อนอย่างสิ้นเชิง ซึ่ง เหล่ายักษ์ใหญ่ที่เป็นอดีตเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ประมาท การแจ้งเกิดของ iPhone เป็นอย่างมาก ไม่คิดว่า Apple จะสามารถมาล้มล้าง การครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จของ Nokia ลงได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

รวมถึง Android ระบบปฏิบัติการของ Google ที่ถือว่าสามารถแจ้งเกิดได้อย่างทันท่วงที ซึ่งคงกล่าวไม่เกิดเลยว่า พวกเขานั้นได้รับแรงบันดาลใจที่สำคัญจากระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple นั่นเอง

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างศึกครั้งนี้ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ได้ปฏิวัติวงการมือถือ รวมถึงได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปตลอดกาลผ่านระบบ SmartPhone ที่ได้แจ้งเกิดขึ้นใหม่นี้ อย่าพลาดติดตามได้จาก Series ชุดนี้ครับผม

–> อ่านตอนที่ 1 : Phone & Microsoft

ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ Bill Gates

Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งของ Microsoft ได้กล่าวถึงช่วงเวลาของเขากับบริษัท Microsoft เมื่อมีการตัดสินใจครั้งสำคัญในเรื่องระบบปฏิบัติการมือถือ ในระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ Village Global ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุน โดย Gates เปิดเผยว่า “ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต” ของเขาคือ Microsoft การปล่อยให้ Android นั้นถือกำเนิดขึ้นมา :

“ ในโลกของซอฟต์แวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มที่ใหญ่อย่างมือถือนั้น เป็นตลาดที่สามารถพลิกเกมธุรกิจได้ ดังนั้นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการจัดการผิดพลาดที่ผมมีส่วนร่วมซึ่ง Microsoft นั้นมองตลาดพลาดไป และปล่อยให้ Android เติบโตขึ้นมาจากลายเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานของโลกที่นอกเหนือจาก Apple 

ซึ่งส่วนนั้นมันควรเป็นของ Microsoft  ซึ่งมันมีที่ว่างสำหรับระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ของ Apple และผลตอบแทนที่ Android ได้รับกว่า 400 พันล้านเหรียญที่ผ่านมา ที่จะถูกโอนจาก บริษัท google ไปยัง บริษัท Microsoft แทนนั่นเอง”

อดีต CEO ของ google อย่าง Eric Schmidt ยอมรับว่าจุดเริ่มต้นของ Google คือการพยายามเอาชนะ Windows Mobile ในช่วงต้นของการสร้างระบบปฏิบัติการของ “ ในขณะที่เรากังวลอย่างมากว่ากลยุทธ์มือถือของ Microsoft จะประสบความสำเร็จ” Schmidt กล่าวระหว่างการต่อสู้ทางกฎหมายกับ Oracle เกี่ยวกับ Java ในปี 2012 ในที่สุด Android ก็สามารถเอาชนะได้ทั้ง Windows Mobile และ Windows Phone และกลายเป็น Windows ในโลกมือถือจนถึงปัจจุบัน

Android จากจุดเริ่มต้นเล็กจนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก
Android จากจุดเริ่มต้นเล็กจนกลายเป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้งานมากที่สุดในโลก

แม้ว่าคำกล่าวของ Gates นั้นค่อนข้างน่าแปลกใจ ซึ่งหลายคนคิดว่าความผิดพลาดในตลาดมือถือของ Microsoft นั้นเป็นความผิดพลาดในยุคของ Steve Ballmer เราคงยังจำกันได้ในขณะที่ iPhone ได้เปิดตัวต่อสาธารณะชนในปี 2007 Ballmer หัวเราะและกล่าวถึง iPhone ว่า “ เป็นโทรศัพท์ที่แพงที่สุดในโลกและไม่ดึงดูดลูกค้าธุรกิจเพราะมันไม่มีคีย์บอร์ด” 

นี่เป็นส่วนสำคัญของความผิดพลาดในช่วงแรก ๆ ในมือถือของ Microsoft และ Microsoft ใช้เวลาหลายเดือนในการพิจารณาว่า บริษัทควรจะเลิกความพยายามในการพัฒนา Windows Mobile ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้เป็นระบบสัมผัสและเกิดจากยุคเก่าของอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยสไตลัส Microsoft ตัดสินใจในการประชุมฉุกเฉินเดือนธันวาคม 2008 เพื่อยกเลิก Windows Mobile และรีบูตระบบปฏิบัติการมือถือใหม่ให้กลายเป็น Windows Phone อย่างสมบูรณ์

Ballmer ที่ประเมินการเปิดตัวของ iPhone ต่ำเกินไป
Ballmer ที่ประเมินการเปิดตัวของ iPhone ต่ำเกินไป

ในขณะที่อดีตหัวหน้า Windows อย่าง Terry Myerson และ Joe Belfiore ของ Microsoft มีส่วนร่วมในการประชุมฉุกเฉินครั้งนั้นและเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจจะมีการขอคำแนะนำจาก Bill Gates ในบางเรื่อง โดยที่ Gates ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ในปี 2000 โดยรับตำแหน่งหัวหน้าสถาปนิกทางด้านซอฟต์แวร์

ในช่วงเวลาที่สำคัญซึ่งนำ Microsoft ไปสู่ ​​Windows Phone และ Windows Vista  แต่ท้ายในที่สุด Gates ก็ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าสถาปนิกซอฟต์แวร์ในเดือนกรกฎาคม 2008 และดำรงตำแหน่งประธาน บริษัท จนกระทั่ง Satya Nadella เข้ารับตำแหน่ง CEO ในปี 2014

Gates อาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจในเรื่องกลยุทธ์ทางด้านมือถือของ Microsoft แต่การลงจากตำแหน่งของเขาเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Microsoft ตัดสินใจไม่ใช้ Android ซึ่งเมื่อเทียบกับอดีตซีอีโอไมโครซอฟท์อย่าง Steve Ballmer ที่กล่าวว่า Windows Vista เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ไมโครซอฟท์ก่อนที่เขาจะอำลาไปด้วยคราบน้ำตาก่อนส่งไม้ต่อให้ Satya Nadella

ไมโครซอฟท์ดูเหมือนว่าจะมีความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยทั้งที่ผ่านศึกในธุรกิจมือถือมาอย่างยาวนาน แต่ตอนนี้ธุรกิจ Cloud กำลังพาบริษัทกลับมารุ่งเรือง “ มันน่าอัศจรรย์สำหรับผมที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง แต่หลายสิ่งหลายอย่างของบริษัท ทั้งสินทรัพย์อื่น ๆ ของเราเช่น Windows และ Office ยังคงแข็งแกร่งมากดังนั้นเราจึงยังคงเป็นบริษัทชั้นนำ” Gates กล่าว . “ถ้าเรามีโอกาศที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่งเราจะกลายเป็นบริษัทชั้นนำ อันดับ 1 ของโลกได้อีกครั้ง.”

References : 
https://www.theverge.com/2019/6/24/18715202/microsoft-bill-gates-android-biggest-mistake-interview