ประวัติ Bill Gates ตอนที่ 2 : The Standard

IBM ถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่ปรับตัวไม่ทันตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและกระแสของตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนั้นสถานการณ์ของ IBM ในตลาดคอมพิวเตอร์องค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นฐานที่แข่งแกร่งมากสำหรับพวกเขา

ปัญหาใหญ่ของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เหล่านี้คือ การออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะด้าน ใช้ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์การใช้งานของตัวเอง ซึ่งใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ ๆ เพียงเท่านั้นเพราะมีราคาแพงมหาศาลมาก ๆ

ซึ่งต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันเพื่อเป็นส่วนเชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์แต่ละชิ้นของคอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ตลอดจนทำภารกิจอื่น ๆ อีกมากมาย และยังเป็นพื้นฐานของโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ ในยุคนั้น เช่น ระบบบัญชี , ระบบเงินเดือน , โปรแกรม Word Processing

ซึ่ง IBM นั้นได้สร้างคอมพิวเตอร์ที่มี Segment ยิบย่อยเต็มไปหมด มีราคาที่แตกต่างกัน มีการออกแบบที่แตกต่างกัน บางรุ่นนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อคำนวณทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ในบางรุ่น ทำงานด้านธุรกิจเพียงเท่านั้น

Bill Gates เป็นคนที่มองถึงปัญหานี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะเขาใช้เวลาจำนวนมากในการแปลงซอฟต์แวร์จากคอมพิวเตอร์รุ่นหนึ่งไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกรุ่น เป็นประจำผ่านโปรแกรมภาษา Basic ที่เขาถนัด

แม้ IBM จะทำการปรับสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่อย่างการเกิดขึ้นของเครื่องคอมพิวเตอร์ในตระกูล system/360 ที่เริ่มหันมาใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกันไม่ว่าเครื่องจะรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก และถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับ System/360

System/360 กับการเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ของ IBM

แต่มันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการ Software โลก เพราะ ในขณะที่ IBM สร้าง System/360 ที่สามารถเข้ากันได้กับเครื่องหลาย ๆ รุ่นนั้น มันก็ได้เกิด การสร้างโปรแกรมเลียนแบบให้สามารถทำงานร่วมกับเครื่อง System/360 ของ IBM ได้นั่นเอง

และกลายเป็นว่าบริษัทหน้าใหม่อย่าง Control , Data , Hitachi , iTel ก็สามารถผลิตเครื่องเมนเฟรมที่ทำงานร่วมกันกับเครื่องของ IBM ได้ และสามารถทำราคาได้ถูกกว่าที่ IBM ทำ

ซึ่งแม้ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น Bill Gates ได้ก่อตั้ง Microsoft มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังคงศึกษาอยู่ที่ Harvard ยังไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด

และเป็นช่วงนี้เองที่เขาได้มาพบกับคู่หูคนสำคัญที่บทบาทกับ Microsoft ในอนาคตอย่าง Steve Ballmer ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ของ Gates ในวิชาเอกคณิตศาสตร์ที่เพิ่งได้รู้จักกันในปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัย

และสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้มาพักในห้องเดียวกันที่หอพักในมหาวิทยาลัย Harvard ซึ่งมันเป็นความแตกต่างที่สุดขั้วระหว่าง Gates และ Ballmer เพราะ Ballmer นั้นเป็นชายหนุ่มที่พลังเหลือล้น และเป็นคนเข้าสังคมตัวยง ใช้เวลาในมหาวิทยาลัยอย่างคุ้มค่า เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เต็มที่

Ballmer นั้นเป็นทั้งผู้จัดการทีมฟุตบอล เป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาของหนังสือพิมพ์ Harvard Crimson ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ประจำของมหาวิทยาลัย Harvard รวมถึงยังเป็น ประธานวารสารวรรณกรรมของมหาวิทยาลัยอีกด้วย ซึ่งมีสิ่งเดียวที่ทั้งคู่เหมือนกันก็คือ เป็นจอมโดดเรียนเหมือนกันทั้งคู่

สำหรับบริษัท Microsoft ของ Gates นั้นตั้งสำนักงานแห่งแรกในเมืองแอลเบอเคอร์กี มลรัฐนิวเม็กซิโก ในปี 1975 สาเหตุที่สำคัญเนื่องมาจากพวกเขาต้องการเข้าใกล้แหล่งผลิตเครื่อง Altair 8800 ซึ่งผลิตโดยบริษัท MITS ซึ่งเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ผลิตชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเอง

ซึ่งรายได้หลักช่วงแรก ๆ ของ Microsoft ก็มาจากการเขียน Software ให้ MITS นี่เอง โดย MITS นั้นจะให้ค่าลิขสิทธิ์ Software กับ Microsoft ที่ขายไปพร้อมกับเครื่อง Altair 8800 ตลอดจนให้พื้นที่บางส่วนในการเป็นสำนักงานกับบริษัทน้องใหม่อย่าง Microsoft

รายได้หลักในช่วงแรกของ Microsoft กับการขาย software ให้ Altair 8800 ของบริษัท MITS

ซึ่ง Model การขายตรงไปยังผู้ผลิต Hardware ถือเป็นส่วนสำคัญมากกับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของ Microsoft เพราะ การขายตรงไปยังผู้ใช้งานนั้นมันเป็นเรื่องยาก และที่สำคัญยังมีปัญหาในเรื่องลิขสิทธิ์ เพราะมักมีการลักลอบใช้งานจากผู้ใช้งานทั่วไปอยู่ในขณะนั้น

ซึ่งเป้าหลายหลักของ Microsoft ที่ Gates วางไว้นั้นอยู่ที่การเขียน Software ป้อนให้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นส่วนใหญ่ โดยจะไม่ไปเข้าร่วมในส่วนของการสร้างหรือขาย Hardware Computer โดย Gates นั้นยึดนโยบายการขายลิขสิทธิ์ให้ใช้ Software ของเขาในราคาที่ต่ำที่สุด และมองถึงปริมาณยอดขายในจำนวนมาก ๆ

ซึ่งกลยุทธ์ของ Gates นั้นได้ผลอย่างยอดเยี่ยม ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่า ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในตลาดเกือบทุกรายในขณะนั้น ซื้อลิขสิทธิ์ภาษา Basic ที่ใช้เขียนโปรแกรมจาก Microsoft แทบจะทั้งสิ้น

ซึ่งแม้ว่า Hardware ของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันเช่นไร แต่สามารถใช้โปรแกรมของ Microsoft ได้อย่างราบรื่น และการใช้งานร่วมกันได้นี้เองที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ ที่เหล่าผู้ผลิต Hardware ส่วนใหญ่ต่างโฆษณากันว่า โปรแกรมของ Microsoft นั้นสามารถ ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ของพวกเขาได้

และเมื่อถึงปี 1977 บริษัท Apple , Commodore รวมถึง Radio Shack ก็ได้เริ่มเข้าสู่วงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดย Microsoft ก็ได้กลายเป็นผู้สร้างโปรแกรมภาษา Basic ให้กับเครื่องส่วนใหญ่ในขณะนั้นแทบจะทั้งหมด

Steve Jobs ที่ได้นำ Apple เข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

รวมถึงตลาดอีกแห่งที่สำคัญในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่นก็ได้คู่ค้าที่สำคัญไปขยายตลาดในฝั่งเอเชียที่มีความต้องการสูงเป็นอย่างมากในช่วงเวลานั้นเพราะได้เกิดบริษัทขนาดใหญ่ขึ้นมามากมายพร้อม ๆ กับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในขณะนั้น ทำให้ Microsoft ได้รับ อานิสงส์ไปเต็ม ๆ

และที่สำคัญตอนนี้ ภาษา Basic ของ Microsoft ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม Software ในขณะนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ Gates ต้องลาออกจาการเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อมุ่งมาที่ Microsoft แบบเต็มตัว

และเขาก็ได้ขยายทีมงานกว่าหลายสิบชีวิต เหล่าวิศวกรระดับเทพ โปรแกรมเมอร์มือฉมังมารวมตัวกันที่สำนักงานของ Microsoft พร้อมที่จะพา Microsoft พุ่งทะยานไปข้างหน้า และ Gates ก็ได้ชักชวนให้ Ballmer อดีต Roommate ของเขาที่ Harvard มาช่วยกับขับเคลื่อนธุรกิจ Microsoft แบบเต็มตัว เรียกได้ว่าตอนนี้ Microsoft มีกำลังพลที่พร้อมมาก ๆ ที่จะไปรบในศึกใหญ่

แถมชื่อของ Microsoft ก็ดังกระฉ่อนไปทั่วอเมริกา รวมถึงในญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย ดูเหมือนการเดินกลยุทธ์ครั้งนี้ของ Gates นั้นจะเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วมาก ๆ และตอนนี้ Microsoft นั้นพร้อมจะก้าวขึ้นไปอีกระดับแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับ Bill Gates และ Microsoft โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 3 : Deal with The Devil

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 A Revolution Begins *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : https://www.channelbiz.es/wp/wp-content/gallery/steve-ballmer/01-ballmer.jpg

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

ประวัติ Bill Gates ตอนที่ 1 : A Revolution Begins

เรื่องราวมันก็เหมือนกับเด็กอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่เกมส์นั้นเป็นจุดดึงดูดพวกเขาให้เข้ามาสู่โลกของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเด็กน้อยที่ชื่อ Bill Gates ก็เช่นเดียวกัน ในวัยเพียง 13 ขวบนั้น เขาก็ได้เริ่มเขียนโปรแกรมตัวแรกขึ้นมานั่นก็คือ Tic-Tac-Toe มันคือเกมส์ O-X ที่เราเล่นกันนั่นเอง

และเมื่อย้อนกลับไปในช่วงวัยดังกล่าวของ Bill Gates นั้นก็ต้องบอกว่าคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ยังไม่มีใช้งานกันเลย ตอนนั้นเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และที่สำคัญมันยังประมวลผลได้ช้ามาก ๆ อีกด้วยเมื่อเทียบกับความเร็วของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันต้องบอกว่าห่างกันหลายล้านปีแสงเลยก็ว่าได้

ในช่วงปี 1960 โรงเรียนมัธยมของ Bill Gates อย่างโรงเรียนเลกไซด์ ในเมืองซีแอตเติล ได้ทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Terminal เพื่อให้เหล่านักเรียนได้มีคอมพิวเตอร์ใช้ในเวลาว่างนั่นเอง

และเนื่องด้วยมันเป็นคอมพิวเตอร์แบบ Terminal เพราะฉะนั้นมันเป็นการฝึกปรือฝีมือให้กับ Bill Gates ได้อย่างดีในการทดสอบโปรแกรมที่เขียนไป เพราะมันจะรู้ได้ทันทีผ่าน Terminal ว่าโปรแกรมนั้นสมบูรณ์หรือไม่ เรียกได้ว่า เป็นการฝึก Bill Gates ให้ทำงานแบบ Perfect มาตั้งแต่เยาว์วัยเลยก็ว่าได้

แต่แน่นอนว่าการเข้ามาคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์มากไปของ Gates นั้น ก็ทำให้เขาเริ่มมีปัญหากับการเข้าสังคม เพื่อไปร่วมกิจกรรมเหมือนเด็ก ๆ คนอื่น เพื่อนๆ เขาก็ได้ตีตราเขาให้กลายเป็นมนุษย์คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก

และการเล่นคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นมันต้องแลกมาด้วยค่าเช่าเวลาเพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้ Gates ต้องคิดหาทางสร้างรายได้เพื่อมาใช้เวลากับคอมพิวเตอร์แสนรักของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gates เข้าสู่ธุรกิจ Software เป็นครั้งแรก เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเวลาคอมพิวเตอร์นั่นเอง ตอนนั้น Gates และ คู่หูต่างวัยอย่าง Pual Allen ได้เริ่มรับงานเขียนโปรแกรมในช่วงปิดเทอม ซึ่งต้องบอกว่าทำเงินได้ถึง 5,000 เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยสำหรับเด็กมัธยมปลายอย่าง Gates

คู่หูต่างวัยหารายได้เสริมเพื่อมาจ่ายค่าเช่าเวลาคอมพิวเตอร์

ตัว Pual Allen นั้นมีอายุมากกว่า Gates 3 ปี ซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้งคู่คือการที่ Allen ได้นำวารสาร Popular Electronics มาให้ Gates ได้ดู ซึ่งกล่าวถึงการพัฒนา Microprocessor 8008 ของบริษัท Intel

หากย้อนกลับไปต้องบอกว่าในยุคนั้น คอมพิวเตอร์ยังไม่มีแนวความคิดที่จะสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาจริง ๆ จาก Microprocessor เลยด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นผู้คนต่างมองเป็นเรื่องเพ้อฝันหากคิดถึงเรื่องของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

แม้ตัว 8008 นั้นจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่ถือเป็นการทดลองได้อย่างดีของคู่หูทั้งสองที่จะนำเอา Microprocessor มาสร้างอะไรบางอย่าง ซึ่งทั้งคู่นั้นคิดว่าชิปขนาดเล็กอย่าง 8008 นั้นน่าจะมาสร้างวงจรการวิเคราะห์ข้อมูลและนับจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนได้

และมันเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่ได้สร้างบริษัทแรกขึ้นมาในชื่อ Traf-O-Data โดยผลิตเครื่องต้นแบบของการนับรถยนต์ และได้นำเสนอไปยังเทศบาลหลายแห่ง แต่ไม่มีใครสนใจแนวคิดของพวกเขาเลย เพราะพวกเขาทั้งสองยังดูเป็นเด็กน้อยอยู่ในขณะนั้น

Traf-O-Data เครื่องนับรถยนต์อัตโนมัติ ที่ตอนนั้นแทบจะไม่มีใครสนใจซื้อมัน

แต่มันก็ได้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งเพราะในปี ค.ศ. 1974 Intel ได้ประกาศชิปตัวใหม่ของบริษัทคือ 8080 ซึ่งทำงานได้เร็วกว่า 8008 ถึง 10 เท่า และนี่เองที่ทำให้ ทั้ง Gates และ Allen ได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่สุดครั้งนึงในประศาสตร์คอมพิวเตอร์ นั่นคือ หัวใจของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคใหม่นั่นเอง

ตอนนั้นต้องบอกว่าเหล่าบริษัทคอมพิวเตอร์ไม่ได้มอง Microprocessor เหล่านี้เป็นคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งผู้ผลิตอย่าง Intel เอง ก็แทบจะมองไม่เห็นศักยภาพของ 8080 เหมือนที่ Gates และ Allen กำลังมองเห็น

ทั้งคู่มองเห็นอนาคตของวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเห็นว่าชิปตัวใหม่อย่าง 8080 นี้สามารถพัฒนาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์แบบได้ และที่สำคัญยังมีราคาไม่แพง โดยตัวชิป มีราคาประมาณ 200 เหรียญเท่านั้น และสามารถนำมาแก้ไขปรับปรุงได้ง่ายผ่านความสามารถทางด้าน Software ของทั้งคู่

ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ Bill Gates ได้เข้าเรียนที่ Harvard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังมีความฝันที่จะสร้างบริษัท Software ให้สำเร็จ เพราะเขามองเห็นโอกาสและอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรออยู่ข้างหน้า

โดย Gates นั้นได้ส่งจดหมายของเขาไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เสนอตัวที่จะเขียนโปรแกรมภาษา Basic สำหรับชิป Intel ตัวใหม่นี้ แต่ไม่มีผู้ใดตอบรับเขาเลย ทำให้ Gates รู้สึกท้อแท้หมดความหวังเป็นอย่างมาก

และในช่วงเวลานั้นเองที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ Gates และ Allen ตกใจสุดขีดเนื่องจากวารสาร Popular Electronics ได้เปิดเผยเครื่อง Altair 8800 ซึ่งมันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเครื่องแรก และมันเป็นแนวคิดเดียวกับที่ทั้ง Gates และ Allen คิด แต่ตอนนี้มีคนทำตัดหน้าเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Altair 8800 กับแนวคิด Micro Computer ครั้งแรกของโลก

แต่อย่างน้อย Altair 8800 มันไม่มี Software มันจึงไม่สามารถส่งคำสั่งใด ๆ ได้ ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีจอภาพ และมันถึงเวลาสำคัญของทั้งคู่แล้ว โครงการแรกของทั้งคู่ในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่คือ การเขียนโปรแกรมภาษา Basic สำหรับเครื่อง Altair 8800 ตัวนี้นั่นเอง

ซึ่งทั้งคู่ต้องทำงานกับแบบไม่หลับไม่นอน ไม่รู้วันรู้คืน และใช้เวลาตลอด 5 สัปดาห์ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน สร้างโปรแกรมภาษา Basic สำหรับเครื่อง Altair 8800 ได้สำเร็จ และนี่เองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ ของ บริษัท Software สำหรับ ไมโครคอมพิวเตอร์แห่งแรกของโลก ซึ่งทั้งคู่ตั้งชื่อมันว่า “Microsoft” นั่นเองครับ

–> อ่านตอนที่ 2 : The Standard

References : https://e.rpp-noticias.io/large/2015/10/28/18379001jpg.jpg

Credit แหล่งข้อมูลบทความ