นักวิทยาศาสตร์กำลังใช้ดวงจันทร์เป็นกระจกเงายักษ์เพื่อค้นหาเอเลี่ยน

นักดาราศาสตร์มีเคล็ดลับใหม่ในการตามล่าหาดาวเคราะห์นอกระบบที่อาศัยอยู่ได้และใช้ดวงจันทร์เป็นกระจกเงาขนาดมหึมา เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก

โดยทั่วไป NASA และ ESA นักวิทยาศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลกับแสงจับภาพที่สะท้อนออกมาจากดวงจันทร์หลังจากที่มันได้เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลก 

จากการศึกษาภาพสะท้อนของบรรยากาศที่อยู่อาศัยของโลกเรา นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าพวกเขาสามารถค้นหารูปแบบทางเคมีเดียวกันในดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ห่างไกลซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตต่างดาว

โดยปกติแล้วเมื่อนักวิทยาศาสตร์ใช้คำว่าดาวเคราะห์นอกระบบ “คล้ายโลก” พวกเขาหมายถึงโลกที่มีขนาดใกล้เคียงกับของเราและระยะทางที่เหมาะสมจากดาวฤกษ์ เพื่อให้มีอุณหภูมิที่อาศัยอยู่ได้ แต่มันยากกว่ามากที่จะบอกได้ว่าดาวเคราะห์นอกระบบเหล่านี้มีชั้นบรรยากาศหรือไม่

“หนึ่งในเป้าหมายหลักของ NASA คือการระบุดาวเคราะห์ที่สามารถสนับสนุนในการใช้ชีวิตเหมือนในโลกของเราได้” นักวิทยาศาสตร์ Allison Youngblood กล่าวในการแถลงข่าว “แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นดาวเคราะห์ที่อาศัยอยู่ได้หรือไม่มีคนอาศัยอยู่ ถ้าเราเจอดาวเคราะห์เหล่านี้”

นั่นเป็นเหตุผลที่การศึกษาของ Youngblood ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดีใน The Astronomical Journal จึงมีความสำคัญมาก

การศึกษานี้วัดปริมาณโอโซนในชั้นบรรยากาศของโลก การสังเกตเห็นรูปแบบทางเคมีเดียวกันที่เล็ดลอดออกมาจากดาวเคราะห์นอกระบบจะชี้ให้เห็นว่าอาจมีบรรยากาศที่อุดมด้วยออกซิเจนและมีการปิดกั้นรังสียูวีเช่นเดียวกับของโลกเรานั่นเอง

References : https://www.space.com/hubble-astronomers-moon-mirror-study-earth.html
https://in.mashable.com/science/5050/there-might-be-an-ancient-alien-city-on-the-dark-side-of-the-moon

อดีตนักวิจัย Nasa เชื่อว่ามีการค้นพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารแล้ว

เราใช้เวลาหลายทศวรรษและเงินลงทุนกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในการตอบคำถามง่ายๆ ที่ยังไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ว่า: มีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารหรือไม่?

แต่ตามความเห็นจาก scientificamerican.com โดยอดีตนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่า Gilbert Levin เราอาจเรียนรู้ว่าเราไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงคนเดียวในจักรวาล ในระหว่างการทดลอง Levin ได้อ้างถึงภารกิจไวกิ้งของนาซ่าที่ไปยังดาวอังคารในปี 1976

นาซ่าส่งยานอวกาศไวกิ้งและแลนเดอร์สองลำที่แยกกัน ไปยังดาวอังคาร เพื่อทำการทดลองและกลับมาพร้อมกับสแน๊ปช็อตภาพถ่ายจากที่นั่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯส่งยานอวกาศลงจอดบนดาวอังคารได้อย่างปลอดภัยและส่งภาพถ่ายกลับไปสู่โลก

ภารกิจตรวจพบผลลัพธ์ที่เป็นบวกระหว่างการทดสอบการตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่มีการส่งมายังโลก ซึ่งตัวของ Levin นั้นเป็นหัวหอกในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

ส่วนหนึ่งของการทดลองคือการผสมตัวอย่างดินบนดาวอังคารกับสารละลายธาตุอาหารที่มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งด้วยสารประกอบคาร์บอนกัมมันตภาพรังสีที่เป็นเอกลักษณ์ ทฤษฎี คือ ถ้าจุลินทรีย์ในดินเผาผลาญสารอาหารมันก็จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีกัมมันตภาพรังสีออกมา

Levin เล่าว่าผลการทดลองครั้งแรกได้ผลลัพธ์ที่ “น่าอัศจรรย์” ที่เป็นผลบวกต่อจุลินทรีย์ – และได้รับการรับรองจากดาวอังคาร

และ Levin ก็ยืนกราน: การทดสอบที่เชื่อถือได้หลายพันครั้งกับดินและจุลินทรีย์ที่ดำเนินการในเวลานั้น เขาได้ให้เหตุผลสนับสนุนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นว่ามีผลการทดลองที่พบสิ่งมีชีวิตจริงบนดาวอังคารแล้ว

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอุปสรรคขนาดใหญ่ในผลลัพธ์ดังกล่าวเพราะการทดลองครั้งถัดไปพบว่า “ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนสำหรับการปรากฏตัวของจุลินทรีย์ที่มีชีวิตในดินใกล้กับพื้นที่ลงจอด” ตามที่องค์การนาซ่าระบุไว้ในรายงานที่เผยแพร่ออกมา

แต่ Levin นั้นสนับสนุนข้อสรุปของเขาพร้อมหลักฐานที่ได้รับหลังจากภารกิจไวกิ้งของนาซ่ารวมถึงหลักฐานของน้ำบนผิวดินที่มีเธนแอมโมเนีย รวมถึงหลักฐานบางอย่างจากภาพถ่ายที่มีการพบสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนตัวหนอน ปรากฏในภาพที่ถ่ายโดยรถแลนด์โรเวอร์ Curiosity ของนาซ่า

Viking 1 ของ Nasa ที่ลงจอดบนดาวอังคารตั้งแต่ปี 1976
Viking 1 ของ Nasa ที่ลงจอดบนดาวอังคารตั้งแต่ปี 1976

แต่นาซ่ายังคงดื้อด้านต่อไปในสายตาของ Levin เขาให้เหตุผลว่า ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของนาซ่าในการสำรวจดาวอังคารมันล้มเหลวตั้งแต่ภารกิจปี 1976 เพื่อค้นหาหลักฐานโดยตรงของสิ่งมีชีวิต ซึ่งแม้ภารกิจการค้นหานั้นจะเป็น“ สิ่งที่สำคัญที่สุด”

สิ่งที่ยานสำรวจดาวอังคารในปี 2020 ของนาซ่า ควรจะทำก็คือส่งตัวอย่างดินไปสู่โลก Levin คิดว่านักวิทยาศาสตร์ควรขยายผลการทดลองในปี 1970 ของเขาและดำเนินการทดสอบที่คล้ายกันเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน

แต่ก่อนที่การทดลองเพิ่มเติมจะเกิดขึ้น เขาจะต้องโน้มน้าวให้นาซ่าพิสูจน์ว่าหลักฐานการทดลองของเขาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารนั้นถูกต้อง

References : https://blogs.scientificamerican.com http://www.outerplaces.com/media/k2/items/cache/9acc1df29d5d257230cbd734e0b42b8a_S.jpg

Ginormous กับกล้องโทรทัศน์ค้นหา Alien จากจีน

หลังจากการทดสอบเป็นเวลาสามปีจีนได้เปิดกล้องโทรทรรศน์ทรงกลม Aperture Spherical ขนาด 500 เมตรให้กับนักดาราศาสตร์จากทั่วโลก จากการรายงานของ Nature.com ซึ่งจีนได้กล่าวว่าเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุแบบจานเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

กล้องโทรทรรศน์จะถูกสแกนไปบนท้องฟ้ามากที่สุด และมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีขนาดเป็นสองเท่าของกล้องโทรทรรศน์จานเดียว Arecibo Observatory ในเปอร์โตริโก มันจะสามารถตรวจจับได้แม้กระทั่งคลื่นวิทยุที่แผ่วเบาที่สุดที่แผ่ออกมาจากวัตถุบนท้องฟ้า เช่นพัลซาร์ และกาแลคซีทั้งหมด และอาจถูกนำมาใช้เพื่อค้นหาโลกที่ห่างไกลซึ่งอาจเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ต่างดาว

ด้วยการก่อสร้างในสถานที่ที่ไกลมาก ๆ ของกล้องโทรทรรศน์ในจีน ซึ่งอยู่ในเขตตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้การก่อสร้างมีความท้าทายเป็นอย่างมาก วิศวกรใช้เวลาห้าปีในการสร้างจาน 500 เมตรซึ่งประกอบด้วยแผงอลูมิเนียมประมาณ 4,400 แผ่น

กล้องโทรทรรศน์สามารถเร่งการค้นพบปรากฏการณ์จักรวาลอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่นมันพบมากกว่า 100 พัลซาร์ในระหว่างการทดสอบเพียงครั้งเดียว จนมาถึงปี 2017 นักวิทยาศาสตร์นั้นสามารถเข้าใจได้เพียง 2,000 พัลซาร์ ตามข้อมูลขององค์การ Nasa

กล้องโทรทรรศน์ยังได้ตรวจพบการระเบิดหลายร้อยจุดผ่านทางคลื่นวิทยุ โดยกล้องโทรทัศน์ตัวใหม่นี้ สามารถตรวจพบดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ไกลออกไปจากการปล่อยคลื่นวิทยุเพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้แม้มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการดาราศาสตร์โลก ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั่นเองครับ

ซึ่งความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่เหลืออยู่คือการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อที่กล้องโทรทรรศน์ตัวนี้จะรวบรวมข้อมูลไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อนั้นเราอาจจะไขปัญหาสิ่งชีวิตนอกโลก ที่ยังไม่มีคำตอบมาอย่างยาวนาน ได้สำเร็จ ก็เป็นได้ครับ

*** พัลซาร์ (Pulsar; มาจากการรวมกันของ 2 คำ คือ pulsating และ star) คือดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงมาก และแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเป็นจังหวะ คาบการหมุนที่สังเกตได้อยู่ระหว่าง 1.4 มิลลิวินาที ถึง 8.5 วินาที เราสามารถสังเกตเห็นการแผ่รังสีได้จากลำรังสีที่ชี้มาทางโลกเท่านั้น ลักษณะปรากฏการณ์เช่นนี้เรียกว่า ปรากฏการณ์ประภาคาร (lighthouse effect) และการที่สังเกตเห็นรังสีเป็นช่วงๆ (pulse) นี้เองเป็นที่มาของชื่อพัลซาร์ พัลซาร์บางแห่งจะมีดาวเคราะห์โคจรอยู่รอบๆ ***

References : https://www.nature.com
https://th.wikipedia.org/wiki/

NASA กำลังค้นหา Alien บนดาว Titan

เป็นเวลาเกือบ 15 ปีแล้วที่ ยาน Cassini-Huygens ของนาซ่าถูกส่งไปยังพื้นผิวของดวงจันทร์ไททันที่เป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ และเรากำลังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกมหาสมุทรลึกลับจากภารกิจดังกล่าว

แต่นาซ่ากำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลง โครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์นาซานำโดยนักวิจัยจากห้องทดลอง Jet Propulsion ของนาซาจะพยายามค้นหาว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในมหาสมุทรบนดวงจันทร์หรือไม่ และบรรยากาศที่หนาทึบดังกล่าวสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้หรือไม่

คำถามคือไฮโดรคาร์บอนที่ซับซ้อนนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้บนพื้นผิวของดาวไททันหรือไม่เนื่องจากการรวมกันของก๊าซที่พบในชั้นบรรยากาศของดาวไททัน ซึ่งนั่นรวมถึงไฮโดรเจน, มีเธนและไนโตรเจน

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากองค์การนาซ่าประกาศว่าจะส่งโดรนเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กไปยังดวงจันทร์ไททันของดาวเสาร์เพื่อสำรวจพื้นผิวของมัน ในขณะที่นาซ่ากำลังวางแผนที่จะเปิดตัวภารกิจดังกล่าวได้ในปี 2026 

แต่มีหลักฐานมากมายที่เราสามารถรวบรวมจากข้อมูลก่อนหน้านี้ที่เก็บรวบรวมโดย ยาน Cassini-Huygens 

ภาพจากดวงจันทร์ ไททัน
ภาพจากดวงจันทร์ ไททัน

“ สิ่งที่เราไม่รู้คือองค์ประกอบที่แน่นอนของมหาสมุทร ความหนาแน่นของมัน ความร้อนของมัน โครงสร้างโดยรวมของเปลือกน้ำแข็งที่อยู่ด้านบนของมัน” ไมค์ มาลาสก้า รองหัวหน้าผู้ตรวจสอบโครงการของ Jet Propulsion Lab บอกกับนิตยสาร Astrobiology

โครงการห้าปี ที่มีความทะเยอทะยานของสถาบัน Astrology ได้สร้างทีมขึ้นมา 30 ทีม เพื่อสำรวจดวงจันทร์ของดาวเสาร์ โดยข้อมูลจะได้รับจากภารกิจของยาน Cassini-Huygens ของนาซ่า 

“ ตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ของเรา กำลังติดตามโมเลกุลอินทรีย์บนเส้นทางของพวกเขาจากด้านบนของชั้นบรรยากาศที่พวกมันถูกสร้างขึ้นผ่านชั้นเปลือกโลกและมหาสมุทร ซึ่งหากมีรูปแบบของชีววิทยาเกิดขึ้นที่นั่น” Malaska กล่าว

โครงการมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ 4 ประการ ก่อนอื่นทีมต้องการที่จะเข้าใจว่าโมเลกุลเคลื่อนย้ายจากพื้นผิวของไททันไปยังมหาสมุทรได้อย่างไร ประการที่สองพวกเขาต้องการค้นหาว่าสารอินทรีย์ที่ซับซ้อนสามารถอยู่รอดได้ในมหาสมุทรใต้ผิวดินอันกว้างใหญ่ของไททันหรือไม่ และข้อสามนั้น ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุประสงค์สองข้อแรกจะเป็นอย่างไร

โดรน Dragonfly ที่ Nasa ส่งไปทำภารกิจเพิ่มเติม
โดรน Dragonfly ที่ Nasa ส่งไปทำภารกิจเพิ่มเติม

โดย ขั้นตอนต่อไปคือการสำรวจว่ามีพลังงานเคมีสำหรับการมีชีวิตในการเมแทบอลิซึมได้หรือไม่ ซึ่งในที่สุดทีมต้องการวิธีตรวจหาสิ่งมีชีวิต ที่ยังคงอยู่ในมหาสมุทรซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมหาสมุทรของไททันถูกปกคลุมด้วยเปลือกนอกที่เป็นน้ำแข็ง และบรรยากาศที่อุดมไปด้วยสารอินทรีย์

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ยาน Rotorcraft Dragonfly ของนาซาจะ ไปถึงมหาสมุทรที่ห่างไกลของดาวไททัน  โดยจะใช้เวลา 15 ปีนับจากนี้ เมื่อถึงตอนนั้นเราน่าจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ที่นั่น

References : 
https://phys.org/news/2019-07-habitability-titan-ocean.html