Thailand E-commerce War

ต้องบอกว่า ศึก E-Commerce Platform ของไทยระหว่างยักษ์ใหญ่ทั้งสามเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Lazada ยักษ์ใหญ่ที่มี Alibaba หนุนหลัง , Shopee น้องใหม่ไฟแรงที่อัดงบการตลาดอย่างบ้าคลั่ง รวมถึง JD.com ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในปีแรก หลังจากการร่วมมือกับ Central ของประเทศไทย เรามาลองส่องงบการเงิน ธุรกิจยักษ์ใหญ่ E-Commerce ไทยทั้ง 3 เจ้า กันดูครับว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

JD Central (เริ่มปีแรก)

  • รายได้ 458 ล้านบาท
  • ขาดทุน 944 ล้านบาท

Lazada

  • รายได้ 8.16 พันล้านบาท
  • ขาดทุน 2.64 พันล้านบาท

Shopee (หนักสุด)

  • รายได้ 165 ล้านบาท
  • ขาดทุน 4.11 พันล้านบาท

จะเห็นได้ว่า ธุรกิจ E-Commerce ที่หวังจะใช้สูตร Winner take all มันดูจะไม่ง่ายซะแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างสู้กันอย่างเต็มที่เหมือนกัน ไม่ยอมลดราวาศอก กันเลยทีเดียวเรียกได้ว่าอัดงบกันเต็มที่ ทั้ง 3 Platform

ศึกนี้ดูแล้ว รอแค่จะเหลือใครเป็นรายสุดท้ายที่จะรอดจากมหาสงครามครั้งนี้ ต้องบอกว่า คงพูดไม่เกินเลยนักว่า Platform เหล่านี้เอาเงินมาแจกคนไทยเล่น เลยก็ว่าได้ ผ่านโปรโมชั่น ส่วนลดต่าง ๆ แลกกับ Data ที่พวกเขาได้รับไป ก็ต้องดูกันยาว ๆ ว่าจะคุ้มค่ากับที่ลงทุนไปหรือไม่ 

ซึ่งต่อให้เค้าหว่านเงินจนเราใช้กันจนติดหนึบก็จริง แต่คนไทยก็พร้อมจะเปลี่ยนเสมอเหมือนกัน หากได้โปรโมชั่นที่ดีกว่า คนไทยไม่ได้ Royalty ขนาดนั้นกับธุรกิจ E-Commerce มันไม่ง่ายเหมือนตลาดอื่น ๆ เลยสำหรับ E-Commerce ในไทย เหมือนยิ่งโต ก็ยิ่งขาดทุน และคนไทยพร้อมจะ Switch ไปที่อื่นทันทีหากเจอ Promotion ที่ดีกว่า

แต่สิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตของ E-Commerce ทั้ง 3 Platform คือ มันช่วยให้ธุรกิจใน Ecosystem ของ E-Commerce ทำกำไรเสียมากกว่า อย่าง Kerry, ไปรษณีย์ บริการคลังสินค้า ระบบบริหารงานสินค้า Chatbot รวมถึง Order Fullfillment Service ต่างๆ ที่โตเอา ๆ

แต่ก็มีส่วนที่คนไทยเราเสียให้กับแพตฟอร์มเหล่านี้คือ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเปิดร้านในแพล็ตฟอร์มเหล่านี้ จนพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยเราขยาด เนื่องจากการทำราคาที่ต่ำมาก เพราะส่งมาจากจีนโดยตรง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่คิดจะขายสินค้าจากจีนนั้นแทบจะล้มหายตายจากไปเลยก็ว่าได้

แต่ถ้าให้ ด.ดล ฟันธง รายที่น่าจะไปก่อนเพื่อนในศึกนี้น่าจะเป็น Shopee ที่ดูแล้วขาดทุนหนักสุด และหนักมาหลายปีแล้ว ยิ่งทุ่มยิ่งเสีย ซึ่งต่างจาก Lazada กับ JD ที่มีพี่ใหญ่จากจีนคอยหนุนหลัง ซึ่งเศษเงินแค่นี้ คงไม่ซีเรียสกันเท่าไหร่

สุดท้ายไทยน่าจะเหลือแค่ 2 เจ้า คือ Lazada กับ JD ที่น่าจะสู้กันต่อเหมือนในจีน ที่ไม่ยอมแพ้กันเลย ในหลาย ๆ ธุรกิจ

และยังไม่พูดถึง ยักษ์ใหญ่จากอเมริกาอย่าง Amazon ที่เหมือนจะซุ่มดูตลาดบ้านเราอยู่เหมือนกัน และพร้อมที่จะลงมาเล่นทุกเมื่อเหมือนกัน ขนาดตลาดญี่ปุ่นที่ว่าแน่ ๆ Amazon ยังตีได้สำเร็จมาแล้ว

และแน่นอนเหมือนทุก ๆ ครั้งหาก Amazon เข้ามาจริง ๆ ในบ้านเรา ก็ต้องมาพร้อมอัดโปรโมชั่นสู้อย่างแน่นอน ซึ่งคนไทยก็พร้อมที่จะ Switch ไปอยู่เสมออยู่แล้ว หากโปรโมชั่นมันโดนจริง ซึ่งดูแล้ว ตลาด E-Commerce น่าจะเป็นตลาดที่หลาย ๆ แพลตฟอร์มเหนื่ยแน่นอนกว่าจะทำกำไรได้จริง ๆ จากคนไทย

Image References : https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2018/11/collage.jpg
https://www.facebook.com/pawoot

ต้นกำเนิด Single Day 11.11

วันที่ 11 เดือน 11 หรือที่เรียกกันว่า วันคนโสด นั้น เดิมทีเป็นคำล้อเลียนตนเองของหนุ่มสาวในเมือง ที่ออฟฟิสของอาลีบาบา ในวันหนึ่งแจ๊ค หม่าได้ยินพนักงานอายุน้อยสองคนคุยกัน คนหนึ่งถามว่าวันคนโสดจะทำอะไร อีกคนตอบประชดตัวเองว่า ต้องกินอยู่คนเดียวเพราะเป็นคนโสด แต่ก็อยากให้รางวัลตัวเองบ้าง ด้วยการไปกินไปเที่ยวให้หนำใจ

แจ๊คฟังแล้วเห็นถึงโอกาสที่อยู่เบื้องหน้าจากการฟังคำประชดประชันเหล่านี้ การให้รางวัลกับตัวเองก็หมายถึงการต้องบริโภค การใช้จ่ายของคู่รักนั้นเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองมานานแสนนานแล้ว ไม่งั้นจะมีเทศกาลวันวาเลนไทน์ของฝรั่ง หรือ เทศกาลวันแห่งความรักของจีนไปเพื่ออะไร มันเกิดมาเพื่อให้จับจ่ายซื้อของนั่นเอง 

แต่แจ๊คคิดสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยจะไม่ขายให้เหล่าคู่รักที่มีเทศกาลอยู่มากพอแล้ว แต่จะทำการขายให้กับคนโสด ซึ่งเป็นไอเดียที่แจ๊คคิดว่ามีความเป็นไปได้ และได้เริ่มลองปรึกษากับคณะที่ปรึกษาของเขาในบริษัทอาลีบาบา

มีทั้งผู้ที่สนับสนุนไอเดียนี้ของแจ๊ค และมีอีกส่วนหนึ่งที่คัดค้าน สุดท้ายทีมงานของ อาลีบาบา ก็จึงได้จัดการทดลอง โดยเริ่มในวันที่ 11/11 ปี 2009 แม้ตอนนั้นจะมีพ่อค้าแม่ค้าเพียง 27 รายที่ร่วมกิจกรรม แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีการซื้อขายสินค้าในวันนั้นไปกว่า 50,000 รายการในวันเดียว ซึ่งทีมงานทุกคนจึงรู้สึกว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่มีศักยภาพ ที่จะจัดให้เป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ได้ และในที่สุด เทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสด จึงได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการในเว๊บไซต์ taobao เป็นที่แรก

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แนวคิดเพียงชั่ววูบของแจ๊คเท่านั้นที่มาสนับสนุนเทศกาลใหญ่อย่างเช่นวันคนโสด จากการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการบริโภคนั้นพบว่า เมื่อคนเรามีปัญหาทางอารมณ์ระดับหนึ่ง เช่นรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเป็นต้น มักมีแนวโน้มจะซื้อของที่ตนเองไม่ได้ต้องการเพื่อชดเชย

ซึ่งผู้ซื้อที่ตกอยู่ภายใต้จิตวิทยาการบริโภคเช่นนี้นั้นย่อมถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งการจัดเทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสดของ taobao นั้น ได้เสนอ Deal ที่ดีที่สุดในการซื้อให้แก่ผู้บริโภค และผู้บริโภคเองก็ทำตัวสอดรับกับแนวคิดของแจ๊คอย่างพอดิบพอดี

เสนอ Deal ที่ดีที่สุดในวันคนโสด
เสนอ Deal ที่ดีที่สุดในวันคนโสด

ซึ่งหลังจากการจัดครั้งแรกในปี 2009 นั้นสำเร็จลงด้วยดี แจ๊คจึงได้จัดเป็นเทศกาลใหญ่ขึ้นในปี 2010 และ 2011 ยอดขายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 35,000 ล้านหยวน ในปี 2013 

ซึ่งจากการรายงานของ Sina.com พบว่า  Single Day  ปี 2018 ซึ่งจัดขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมงของวันที่ 11 พฤศจิกายนสามารถทำรายได้รวมสูงถึง 213,500 ล้านหยวน หรือ 30,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าสถิติปี 2017 ถึง 45,300 ล้านหยวน (ยอดซื้อ-ขายสูงสุดในปี 2017 อยู่ที่ 168,200 ล้านหยวน หรือ 25,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดขายในวันคนโสด
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดขายในวันคนโสด

ซึ่งเรียกได้ว่ามันเป็นความสำเร็จที่สำคัญจาก ไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊ค หม่า ที่ทำให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทของเขาได้มากมายเพียงนี้ โดยตัวเลขการซื้อ-ขายที่ในช่วง Single Day 11-11 หรือ Double 11 Shopping Festival ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตและความแพร่หลายของ Ecommerce ในสังคมจีน คนจีนยุคใหม่ช๊อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น 

และไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อ อาลีบาบาของแจ๊ค หม่าเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยรวมต่อ ecosystem ทั้งหมดของอีคอมเมิร์ซในจีน แจ๊คทำให้ตลาด E-Commerce ในประเทศจีนใหญ่ขึ้น ทำให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่งจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเขาไม่ได้แคร์ว่าประโยชน์ก็จะตกไปที่คู่แข่งของเขาด้วยก็ตามที

และเทศกาลชอปปิ้งวันคนโสด มันเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญแห่งการเปลี่ยนโฉมหน้าของเศรษฐกิจจีน และจะเป็นศึกใหญ่ระหว่างเศรษฐกิจใหม่ โมเดลการทำธุรกิจแบบใหม่ กับ รูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ  ซึ่งมันส่งผลให้พ่อค้าแม่ขายที่ใช้ แพลตฟอร์มของอาลีบาบานั้นได้รู้ว่า ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และรูปแบบของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซมันจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ประวัติ Jack Ma แห่ง Alibaba ตอนที่ 17 : Singles’Day 11.11

แม้การควบรวมกับ YAHOO นั้นจะดูเหมือนเป็นยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด แต่ตลาดการค้นหาในประเทศจีน นั้นดูเหมือนจะไม่เจริญรอยตามประเทศตะวันตก บริการเหล่านี้ แม้จะทำรายได้สูง แต่ถ้าเทียบกับธุรกิจ อีคอมเมิร์ซในประเทศจีนแล้วนั้น ถือว่ายังห่างชั้นอยู่มาก ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ทบต่อรายได้ของอาลีบาบามากนัก

แถม google นั้นก็ต้องถอนตัวออกจากตลาดจีน เนื่องจากปัญหาเรื่องการเซ็นเซอร์ข้อมูลผลการค้นหาของรัฐบาลจีน ที่สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ ทำให้เว๊บไซต์ของ google จีนนั้นต้องปิดตัวลงไป โดยย้ายมาอยู่ที่ฮ่องกงแทนในที่สุด

และเหมือนคนที่โชคดีกว่าใครเพื่อนน่าจะเป็น Baidu ที่แทบจะครองตลาด 100% ของตลาดการค้นหาในจีน แต่จีนไม่เหมือนโลกตะวันตก โมเดลการทำเงินจากโฆษณาผลการค้นหานั้น ดูจะไม่ค่อยเข้ากับวัฒนธรรมจีน ทำให้ Baidu ไม่ได้เติบโตอย่างที่คิด แม้จะครองส่วนแบ่งการตลาดแบบแทบเบ็ดเสร็จแล้วก็ตาม

ตลาด internet จีนกลายเป็นตลาด อีคอมเมิร์ซ ทั้ง B2B ที่ อาลีบาบาเป็นเจ้าตลาด รวมถึง C2C ที่ taobao สามารถที่จะยึดครองได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งหลังจากยุทธศาสตร์ taobao สำเร็จแล้วนั้น การทำ โลจิสติกส์ ขนาดใหญ่ก็อยู่ในความคิดของแจ๊คมาโดยตลอด

แจ๊ค ได้ทำการร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ 4 แห่งของจีน เพื่อสร้าง China Network Technology (CSN) ขึ้นมาและร่วมกันก่อตั้ง Cainiao Network Technology Co.,Ltd โดยให้แจ๊คเป็นประธานกรรมการ เป้าหมายคือ ลูกค้าทุกหนแห่งใน 2,000 เมืองทั่วประเทศจีน จะสามารถรับสินค้าได้ภายใน 24 ชั่วโมง

สร้าง Cainiao ขึ้นมาเป็นเครือขายโลจิสติกส์ รองรับปริมาณ order จำนวนมหาศาล
สร้าง Cainiao ขึ้นมาเป็นเครือขายโลจิสติกส์ รองรับปริมาณ order จำนวนมหาศาล

ไม่เพียงแค่ โลจิสติกส์ ปัญหาใหญ่อีกอย่างใน taobao คือบรรดาสินค้าปลอมต่าง ๆ ที่ระบาดอย่างหนักในเว๊บ ทำให้แจ๊คต้องสร้าง แพลตฟอร์ม Tmall ขึ้นมาเพื่อทำการซื้อขายสินค้าที่เป็น premium มากขึ้น เหล่าสินค้า Brand Name ต่าง ๆ จากต่างประเทศล้วนมาเป็น official shop ที่ Tmall และได้สร้างยอดขายจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนผ่าน แพลตฟอร์มใหม่อย่าง Tmall

สร้าง Tmall ใหม่ขึ้นมาให้ดู Premium ขึ้นมี Brand Name ชื่อดังเข้ามาขาย
สร้าง Tmall ใหม่ขึ้นมาให้ดู Premium ขึ้นมี Brand Name ชื่อดังเข้ามาขาย

Singles’Day 11.11

สำหรับแจ๊คนั้น ปาฏิหาริย์ ได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ หนึ่งในปาฏิหาริย์ที่สำคัญที่ทำให้วงการอีคอมเมิร์ซจีนนั้นได้ทำลายทุกสถิติยอดขายในโลกอีคอมเมิร์ซ คือ วันคนโสดจีน หรือ วันที่ 11 เดือน 11 นั่นเอง

ในวันที่ 11 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 มันเป็นช่วงเวลาแห่งการนับถอยหลังสู่หลักไมล์ที่สำคัญของ อาลีบาบา และ แจ๊ค หม่า ในเวลา 00.01  ยอดซื้อขายของผ่าน Alipay คือ 116,896,436 หยวน ซึ่งสามารถทำยอดซื้อขายทะลุร้อยล้านหยวนภายในนาทีเดียวได้เป็นที่เรียบร้อย จำนวน transaction ที่เกิดขึ้นสูงถึง 339,200 ครั้ง และตั้งแต่นาทีแรกของวันคนโสดนั้นมีคนเข้าไปใช้งาน Tmall สูงถึง 13.7 ล้านคน และเพียง 5 นาที ยอดก็พุ่งทะลักไปถึง 1,000 ล้านหยวน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2012 ในปีก่อนหน้านั้น มันพุ่งเร็วขึ้นถึง 7 เท่าตัว

ในที่สุดพอหมดวันที่ 11/11 ของเทศกาลคนโสด ยอดซื้อขายตลอดทั้งวันก็ประกาศออกมาว่าสามารถทำยอดซื้อขายไปได้ถึง 35,000 ล้านหยวน เพิ่มจาก 19,100 ล้านหยวนในปี 2012  ถึง 83% ซึ่งถ้าเทียบกับทางฝั่งอเมริกา อย่างเทศกาล Cyber Monday นั้น เทศกาลคนโสดจีนมียอดการซื้อขายสูงกว่าถึง 3 เท่า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่ใช่น้อย

ทิ้งห่าง เทศกาล Cyber Monday ของอเมริกาแบบเทียบไม่ติด
ทิ้งห่าง เทศกาล Cyber Monday ของอเมริกาแบบเทียบไม่ติด

วันที่ 11 เดือน 11 หรือที่เรียกกันว่า วันคนโสด นั้น เดิมทีเป็นคำล้อเลียนตนเองของหนุ่มสาวในเมือง วันหนึ่งแจ๊คได้ยินพนักงานอายุน้อยสองคนคุยกัน คนหนึ่งถามว่าวันคนโสดจะทำอะไร อีกคนตอบประชดตัวเองว่า ต้องกินอยู่คนเดียวเพราะเป็นคนโสด แต่ก็อยากให้รางวัลตัวเองบ้าง ด้วยการไปกินไปเที่ยวให้หนำใจ

แจ๊คฟังแล้วเห็นถึงโอกาสที่อยู่เบื้องหน้าจากการฟังคำประชดประชันเหล่านี้ การให้รางวัลกับตัวเองก็หมายถึงการต้องบริโภค การใช้จ่ายของคู่รักนั้นเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองมานานแสนนานแล้ว ไม่งั้นจะมีเทศกาลวันวาเลนไทน์ของฝรั่ง หรือ เทศกาลวันแห่งความรักของจีนไปเพื่ออะไร มันเกิดมาเพื่อให้จับจ่ายซื้อของนั่นเอง 

แต่แจ๊คคิดสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยจะไม่ขายให้เหล่าคู่รักที่มีเทศกาลอยู่มากพอแล้ว แต่จะทำการขายให้กับคนโสด ซึ่งเป็นไอเดียที่แจ๊คคิดว่ามีความเป็นไปได้ และได้เริ่มลองปรึกษากับคณะที่ปรึกษาของเขาในบริษัท

จากไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊ค จนกลายเป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ประจำปีของชาวจีน
จากไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊ค จนกลายเป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ประจำปีของชาวจีน

มีทั้งผู้ที่สนับสนุนไอเดียนี้ของแจ๊ค และมีอีกส่วนหนึ่งที่คัดค้าน สุดท้ายทีมงานของ อาลีบาบา ก็จึงได้จัดการทดลอง โดยเริ่มในวันที่ 11/11 ปี 2009 แม้ตอนนั้นจะมีพ่อค้าแม่ค้าเพียง 27 รายที่ร่วมกิจกรรม แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีการซื้อขายสินค้าในวันนั้นไปกว่า 50,000 รายการในวันเดียว ซึ่งทีมงานทุกคนจึงรู้สึกว่าวันนี้มีศักยภาพ ที่จะจัดให้เป็นเทศกาลช็อปปิ้งใหญ่ได้ และในที่สุด เทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสด จึงได้ถูกใช้อย่างเป็นทางการในเว๊บไซต์ taobao เป็นที่แรก

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แนวคิดเพียงชั่ววูบของแจ๊คเท่านั้นที่มาสนับสนุนเทศกาลใหญ่อย่างเช่นวันคนโสด จากการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการบริโภคนั้นพบว่า เมื่อคนเรามีปัญหาทางอารมณ์ระดับหนึ่ง เช่นรู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาเป็นต้น มักมีแนวโน้มจะซื้อของที่ตนเองไม่ได้ต้องการเพื่อชดเชย ซึ่งผู้ซื้อที่ตกอยู่ภายใต้จิตวิทยาการบริโภคเช่นนี้นั้นย่อมถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งการจัดเทศกาลช็อปปิ้ง วันคนโสดของ taobao นั้น ได้เสนอเหตุผลที่ดีที่สุดในการซื้อให้แก่ผู้บริโภค และผู้บริโภคเองก็ทำตัวสอดรับกับแนวคิดของแจ๊คพอดี

คนโสดมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อมาชดเชยบางสิ่งบางอย่าง
คนโสดมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อมาชดเชยบางสิ่งบางอย่าง

ซึ่งหลังจากปี 2009 นั้นสำเร็จลงด้วยดี แจ๊คจึงได้จัดเป็นเทศกาลใหญ่ขึ้นในปี 2010 และ 2011 ยอดขายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 35,000 ล้านหยวน ในปี 2013 มันเป็นความสำเร็จที่สำคัญจาก ไอเดียเล็ก ๆ ของแจ๊คอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งสิ่งที่แจ๊คทำนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อ อาลีบาบาของเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยรวมต่อ ecosystem ทั้งหมดของอีคอมเมิร์ซในจีน แจ๊คทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น ทำให้ทุกคนได้รับส่วนแบ่งจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งของเขาเองก็ตามที

มันคือสัญญาณแห่งการเปลี่ยนโฉมของเศรษฐกิจจีน และจะเป็นศึกใหญ่ระหว่างเศรษฐกิจใหม่ โมเดลการทำธุรกิจแบบใหม่ กับ รูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ  ซึ่งมันส่งผลให้พ่อค้าแม่ขายที่ใช้ แพลตฟอร์มได้รู้ว่า วันนี้นั้นทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และรูปแบบของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซมันจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ต้องบอกว่าเรื่องของวันคนโสด หรือ 11/11 นั้นหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นการทดลองของแจ๊คและทีมงาน ในการพยายามพิสูจน์ความคิดของเขา กว่าที่จะได้ยอดขายสูงขนาดนี้ในวันเดียว  การที่จะรองรับจำนวน order มหาศาลขนาดนี้ได้ ทุกส่วนต้องทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ระบบบนหน้าเว๊บในการสั่งซื้อที่มีคนเข้ามานับ 10 ล้านคนต่อนาที ไปจนถึง ระบบเครือข่ายโลจิสติกส์ที่ต้องส่งสินค้าจำนวนมหาศาลไปยังลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันคนโสดจีนนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่เกิดจากโชคชะตาเพียงอย่างเดียวแน่นอน แต่มันเกิดจากมันสมอง และหยาดเหงื่อแรงกายจากแจ๊ค และทีมงานแทบจะทั้งสิ้น

–> อ่านตอนที่ 18 : Ma vs Ma

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Internet *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ