Two Lose With Three Red

ผลงาน 2 นัดล่าสุดของทีมอาเซน่อล ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดสัปดาห์หนึ่งเลยก็ว่าได้ ผ่านเกมส์ 2 นัดทั้งในเกมส์ยุโรป และ ใน premier league มาอย่างสภาพสะบักสะบอมมาก ๆ ทั้งผู้เล่นบาดเจ็บทั้งผู้เล่นโดนแบน ถือเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายจริง  ๆ ของทีมอย่าง อาเซน่อล ที่เพิ่งเริ่มฤดูกาลได้ไม่กี่นัด

สำหรับส่วนของเกมส์ยุโรปนั้น ต้องถือว่าเป็นความผิดเต็ม ๆ ของ ชิรูด์ เลยก็ว่าได้ถือว่าเป็นการเสียค่าโง่ชัด ๆ กับการโดนใบแดงที่ไม่ควรโดนอย่างยิ่งทำให้เพื่อนๆ  เล่นกันได้ยาก รวมถึงได้มีการพักตัวผู้เล่นหลายคน ทำให้ถือว่าเป็นการเจอทีมอย่าง Dinamo Zagreb ด้วยผู้เล่นน้อยกว่า ก็ไม่ได้เป็นงานง่ายเลย และสุดท้ายก็แพ้ไปจนได้ ซึ่งผมได้มีโอกาสได้ดูในเกมส์นี้ด้วย  ต้องถือว่าก่อนจะโดนใบแดงนั้น อาเซน่อลก็ถือว่าวางหมากมาเล่นได้อย่างดี ผู้เล่นที่ลงไปก็ไม่น่าจะพลาดเก็บสามแต้มได้หากตัวผู้เล่นเท่ากัน หรืออย่างแย่สุด คงเป็นผลเสมอกลับมา แต่ การที่เหลือ 10 คนด้วยการเสียค่าโง่ของ ชิรูด์นั้น ถือว่าเสียหายอย่างยิ่ง ทำให้ปีนี้เราแทบจะไม่ต้องลุ้นเป็นที่ 1 ของกลุ่ม แน่ ๆ แล้ว คงลุ้นได้เข้าเป็นที่ 2 เหมือนทุก ๆ ปีที่ผ่านมา รวมถึงการอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิก ที่เราแพ้ทางตลอดนั้น ก็คงไม่น่าจะมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์กลุ่มอย่างแน่นอน แต่การออกสตาร์ทแบบนี้ นั้นทำให้เราต้องเหนื่อยเพิ่มในการลุ้นเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่ม เหมือนในทุก ๆ ปี แต่ผมเชื่อว่ายังไงก็น่าจะผ่านรอบนี้ไปได้ แต่อาาจะผ่านไปแบบไม่ค่อยสวยงามเหมือนหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา

ส่วนในเกมส์ premier league  BIG Match ที่พบกับเชลซีในวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ก่อนเกมส์ก็ถือว่ามีลุ้นลึก ๆ ว่าทีมจะสามารถล้มทีมอย่างเชลซีที่สภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ในตอนนี้ได้ อย่างที่เคยชนะมาใน community shield ก่อนเปิดฤดูกาล  แต่เช่นเคยเหมือนไม่เข็ดสำหรับการควบคุมอารมณ์ของนักเตะอาเซน่อลอย่าง Gabrieal นั้นถือว่าเสียท่าให้กับ คอสต้าไปเต็ม ๆ ในเกมส์นี้แบบไม่น่าเสีย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นตัวจุดชนวน เผลอหลุดไปชั่ววูปทำให้ทีมเสียหายอย่างมหาศาล ซึ่งคิดว่าตอนแรกนัดนี้ผมหวังไว้อย่างแย่คงน่าจะเก็บ 1 แต้มกลับบ้านมาได้ เช่นเดียวกับเกมส์ยุโรปกลางสัปดาห์ การเหลือผู้เล่น 10 คน นั้นก็ไม่สามารถเอาตัวรอดจากเกมส์ดังกล่าวได้ ต้องบอกว่าตอน 11 คนเท่ากันนั้น เกมส์ถือว่าเล่นได้สนุกมาก ผลัดกันรุกรับ แต่พอเกมส์เปลี่ยนจากการขาดผู้เล่น ก็เป็นฝ่ายเชลซีที่เป็นฝ่ายคุมเกมส์อยู่ฝ่ายเดียว และเล่นเพื่อเน้นผลสกอร์ และสามารถทำไปได้อย่างไม่ยากเย็น

สัปดาห์นี้ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของนักเตะอาเซน่อลในการควบคุมอารมณ์ในการเล่น จะเห็นได้ว่า เหมือนเหตุการณ์เดิมวนลูปมาซ้ำในเกมส์กับเชลซี ซึ่งสไตล์การเล่นของอาเซน่อลนั้นหากเหลือผู้เล่นน้อยกว่านั้นเป็นกาารยากอย่างยิ่งที่จะทำเกมส์เข้าไปสู้กับคู่ต่อสู้ได้ จึงหวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในฤดูกาลนี้ หวังว่าเวนเกอร์คงจะกำชับลูกทีมอย่างดีต่อจากนี้ในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ ซึ่งหลังจาก ที่แมนซิตี้ นั้นแพ้เป็นนัดแรกไปแล้ว ก็ถือว่า การลุ้นแชมป์ในปีนี้ยังเปิดกว้างอยู่ ยังไม่หมดหวังไปซะทีเดียวสำหรับไอปืนใหญ่ อาเซน่อล

Image Reference : telegraph

ควันหลงแดงเดือด

เวียนมาบรรจบอีกครั้งสำหรับ ศึกแดงเดือด ที่พลาดไม่ได้ทั้งปวงของสาวก แมนยู และ ลิเวอร์พูล ซึ่งนัดนี้มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับ Steven Gerrard เพราะจะเป็น match สุดท้ายที่จะได้เล่นศึกแดงเดือดที่เกาะอังกฤษ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในอเมริกาในปีหน้า

นัดนี้ถือว่ามาเจอกันได้ถูกที่ ถูกเวลาเสียจริง ๆ เพราะทั้งสองทีมนั้น ผลงานเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูลที่มาแรงมากตั้งแต่ขึ้นปี 2015 ขึ้นมายังไม่พบกับความพ่ายแพ้ทีมใดเลย ส่วนแมนยูนั้น ก็เพิ่งถล่ม สเปอร์มาในนัดที่แล้ว ก็ถือได้ว่าเรียกความมั่นใจได้พอสมควรสำหรับการแข่งขันนัดนี้ ซึ่งเดิมพันก็สำคัญไม่แพ้กัน คือ โอกาสของตั๋วไปแชมเปี้ยนลีคในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ได้เงินเข้าสโมสรอีกมากโข

รูปเกมส์นั้น แมนยูถือว่าวางแท็กติก มาได้ดีกว่ามาก ๆ  เหมือนกับจะพบชุดที่ลงตัว ซึ่งเป็นชุดเดียวกับเกมส์ถล่ม สเปอร์ ไป 3-0 ส่วน ลิเวอร์นั้น กำลังใจดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากผ่านปีใหม่มา  แต่มาในเกมส์นี้นั้นเล่น เหมือน กล้า ๆ กลัว ๆ ยังไม่ไม่รู้ ไม่ค่อยลุยไปข้างหน้าซักเท่าไหร่ การครอบครองเป็นของแมนยูซะมากกว่า จนได้ประตูนำไปได้ในครึ่งแรก ซึ่งก็ถือว่าสมควร เพราะแมนยูเป็นฝ่ายเล่นดีกว่าจริง ๆ

กลับมาในครึ่งหลัง แบรนดอน รอดเจอร์ ปรับเกมส์ส่ง Gerrard เข้ามาหวังจะกระตุ้นทีมให้คึกคัก สู้กับแมนยู แต่เหตุการณ์กลับหักมุมอย่างเหลือเชื่อ Gerrard ลงไปได้แค่ 38 วินาที  แล้วก็โดยใบแดงไล่ออกจากสนามไปเฉย ๆ  ซึ่งคิดว่าคนที่ดูแมตช์ นี้คงจะอึ้งกันทุกคน  นักเตะเก๋าเกมส์อย่าง Gerrard นั้นอารมณ์หลุดไปได้ในไงในเกมส์ที่มีความสำคัญขนาดนี้ ซึ่งก็ตามคาดหลังจากเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนนั้น ก็แทบจะสู้ไม่ได้ และโดยนำไปอีกเป็น 2-0 ช่วงท้ายเกมส์ แมนยูก็เริ่มถอยลงไปตั้งรับเน้นผลการแข่งขัน  และ ลิเวอร์พูลเหมือนจะกลับมาเมื่อได้ประตูตีไข่แตกมากได้ แต่ก็ไม่ทันในที่สุดก็พ่ายไป 2-1  ซึ่งถือว่าตามรูปเกมส์ แมนยู นั้นสมควรเป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

เกมส์นี้มีเก็บตกหลังเกมส์ค่อนข้างเยอะ ทั้ง เรื่อง Gerrard โดนไล่ออก  ,  การกลับมาฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้่งของ Mata รวมถึงการยิงจุดโทษไม่เข้าของ รูนี่ย์  ซึ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าการดูบอลพรีเมียลีคนั้น จะมีเหตุการณ์ drama อยู่ตลอดเวลา ทั้งในเกมส์ เล็ก ๆ หรือ เกมส์ใหญ่ ซึ่งจะต่างจากลีค อื่น ๆ ในยุโรป ที่ไม่ค่อยจะมีเหตุการณ์ น่าระทึก หรือ ทำให้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ซึ่งนี่คงเป็นเสน่ห์ที่สำคัญ ที่ทำให้ให้ลีก อังกฤษ มีความมันส์กว่าลีคอื่น ๆ ในยุโรป