AI สามารถบอกได้ว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

ต้องบอกว่า ปัจจุบัน นั้นโรคซึมเศร้าถือว่ากลายมาเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง หลังจากที่มีข่าวทั้ง ดารา เซเลบริตี้ หรือ คนดัง ในวงการต่าง ๆ ต้องมาจบชีวิตตัวเองด้วยโรคซึมเศร้า

ทำให้คนเริ่มหันมาสนใจ โรคซึมเศร้า มากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งในไทยเองก็ตามที่โรคทางด้านจิตเวชนั้น ถือว่ายังห่างไกลกับการยอมรับของคนไทย แต่หลังจากข่าวที่ออกมาตามสื่อต่าง ๆ ที่มีการฆ่าตัวตายเนื่องจากซึมเศร้านั้น ก็ทำให้คนไทยหันมาสนใจมากยิ่งขึ้น

ต้องบอกว่าเดิมทีนั้น การที่จะระบุได้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือ ไม่นั้น ต้องมีการพบกับจิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ โดยจะเป็นรูปแบบของการซักถาม ซึ่งเป็นวิธีการของแพทย์ผู้เชี่ยวที่จะถามคำถามที่เกี่ยวกับ อารมณ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมถึง ประวัติส่วนตัวโดยละเอียด

ซึ่งจิตแพทย์ ก็จะใช้คำตอบเหล่านั้นมาประมวลผลเพื่อทำการวินัจฉัย ว่าคนไข้นั้นเป็นโรคซึมเศร้า หรือไม่

แต่ข่าวล่าสุดนั้น นักวิจัยที่ MIT ได้ทำการสร้างโมเดลที่จะสามารถตรวจวินิจฉัยโรคซึมเศร้าโดยไม่ต้องมีการไปตอบคำถามดังที่กล่าวข้างต้นกับจิตแพทย์เลยด้วยซ้ำ โดยจะทำการตรวจจากพฤติกรรมการพูด รวมถึง พฤติกรรมของการเขียนของผู้ป่วยที่กำลังสงสัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่

ซึ่งนักวิจัยเรียก model นี้ว่า “context-free” model  ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับชุดของคำถามหรือคำตอบ แบบเดียวกับที่จิตแพทย์ทำ โดยจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Sequence Modelling”  โดยนักวิจัยนั้นจะนำเอารูปแบบของ text ซึ่งอาจจะมาได้จากการ chat ของ ผู้ป่วย หรือถึง ส่วนของเสียง เพื่อนำมาวิเคราะห์ โดยจะทำการใช้ข้อมูลการ Training จากคนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้า และ คนไข้ที่ไม่เป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งจะวิเคราะห์ pattern ของคำที่เกิดขึ้น เช่น “Sad”  หรือ “Down” รูปถึงรูปแบบของ Pattern ของเสียงที่เป็น Flatter หรือ Monotone

ซึ่งรูปแบบของ Pattern ทั้งในรูปแบบข้อความ หรือ เสียงเหล่านี้จากผู้ป่าวนั้น จากการทดสอบของ MIT สามารถให้ความแม่นยำในการตรวจสอบว่าคนไข้เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ มีความแม่นยำสูงถึง 77% เลยทีเดียว ซึ่งต้องบอกว่าโรคทางจิตเวชนั้น ค่อนข้างที่จะ Diagnostic ได้ยากกว่า เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ ที่ไม่ได้เป็นรูปธรรมมากนัก เมื่อเทียบกับ โรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ ซึ่งเหล่านี้สามารถใช้เครื่องมือในการตรวจได้ง่ายกว่า

ซึ่งต้องบอกว่ารูปแบบ model เหล่านี้นั้น สามารถที่จะช่วยเหลือจิตแพทย์ได้ และสามารถช่วยระบุให้แพทย์เป็น Guideline ว่าผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หรือไม่ ซึ่งในอนาคตนั้น ทางทีมนักวิจัยจาก MIT จะทำการสร้าง Mobile Application ที่สามารถที่จะตรวจสอบพฤติกรรมการใช้ข้อความ text หรือ เสียง แล้วแจ้งเตือนผู้ป่วยได้จาก app ทันที ซึ่งเป็นการช่วยคัดกรองเบื้องต้น ก่อนที่จะไปพบจิตแพทย์หากผู้ป่วยมี Pattern ในการเกิดรูปแบบนี้ ซึ่งก็ต้องบอกว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวได้ดียิ่งขึ้นว่าตัวเองนั้นได้ป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” เรียบร้อยแล้ว

References : www.engadget.com

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage : facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit : blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter : twitter.com/tharadhol
Instragram : instragram.com/tharadhol

JT 8704 ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น

แม้ว่าเรื่องจะผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว แต่ ผมก็ค่อนข้างจำจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ได้ดี ใน Group Line ของกลุ่มเพื่อนที่คณะวิศวะคอมพิวเตอร์ ตอนเรียนมหาลัย มีการเริ่มแจ้งข่าวว่า หนุ่ม เพื่อนที่เคยอยู่คอนโดเดียวกันตอนเริ่มทำงานใหม่ ๆ จะแต่งงาน

ย้อนกลับไปในสมัยแรก ๆ ของการเริ่มทำงานตอนจบใหม่ ๆ พวกเราที่หางานได้ก่อน ได้มาเช่าคอนโดร่วมกันอยู่แถว เมเจอร์รัชโยธิน หนุ่มก็เป็น หนึ่งในนั้น จำได้ว่าช่วงมาใหม่ ๆ เราซุกตัวกันอยู่หลายคนมากในคอนโดขนาดไม่กี่ตร.ม  วัน ๆ ก็เอาแต่เล่นเกมส์ ตอนนั้นยังเป็นช่วงที่เพิ่งได้ออกจากมหาลัย ทกคนก็เลยไม่ได้คิดอะไรกันมาก อยู่ร่วม ๆ กัน เที่ยวด้วยกัน เล่นเกมส์ด้วยกัน แทบจะเป็นช่วงที่มีความสนุกมากช่วงหนึ่งของชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะเราเพิ่งได้ก้าวสู่ชีวิตวัยทำงาน และเริ่มทำงานหาเงินได้ จึงยังไม่คิดถึงอนาคตอะไรกันมากในช่วงนั้น

หลังจากที่ไม่ได้เจอหนุ่มหลายปีหลังจากย้ายออกจากคอนโด เผลอแป๊บเดียวก็มีข่าวว่าหนุ่มจะแต่งงานแล้ว ซึ่งการแต่งงานของเพื่อนในมหาลัยนั้น ก็เหมือนเป็นการ Re Union ที่จะได้เจอเพื่อน ๆ เก่า ซึ่งนาน ๆ จะได้มีโอกาสได้เจอกันที เพราะหลายคนก็เริ่มมีครอบครัว รวมถึงมีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างรัดตัว จึงไม่ค่อยได้มีการรวมกลุ่มกันเหมือนเก่า หรือเหมือนช่วงจบใหม่ ๆ ที่พวกเราจะแทบไปเมากันทุกอาทิตย์

หลังจากได้ข่าว ผมก็ต้องเริ่มทำการจองตั๋วล่วงหน้า กำหนดการของหนุ่ม คือมีการจัดงานแต่งที่เชียงราย (หนุ่มได้ย้ายครอบครัวไปสร้างบ้านอยู่ที่เชียงรายแล้ว) โดยผม ได้คุยกับ เอ (เพื่อนร่วมคอนโดยุคบุกเบิกอีกหนึ่งคน)  ว่าเราจะจองตั๋วไปพร้อมกัน โดยผมจะเป็นคนจัดการจองตั๋วให้

วันนั้นจำได้ว่าผมนั่งจองตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ office ก็ได้เริ่มค้นหาตั๋วราคาถูก จาก Lion Air ซึ่งช่วงนั้นกำลังมีโปรโมชั่นพอดี ผมก็คอยดักดูอยู่ว่าราคาโปรจะออกมาเมื่อไหร่ เหมือนช่วงนั้น ราคามันจะ random อยู่เข้าแต่ละช่วง  หรือ แต่ละเครื่องที่เข้าได้ราคาไม่เท่ากัน และ เนื่องจากมีความงก ก็เลยกะจะจองให้ได้ตั๋วราคาถูกสุด

ผ่านไป 2 ชม.  ผมโทรไปบอก เอ  “กูได้ตั๋วถูกแล้วโว้ย 300 บาท” ราคาโครตดี ผมคิดในใจ จึงรีบทำการจองเผื่อ เอ ด้วย โดยหารู้ไม่ว่า จากตั๋วถูกจะกลายเป็นถูกจ่ายเพิ่มสองเท่า

ไม่ต้องงง ครับ ที่ได้ราคาถูกนั้น เนื่องจากผมได้จองไปผิดเดือนนั่นเอง จากปลายเดือน พฤาภาคม ผม ดันไปจองเป็น ปลายเดือน มิถุนายน มันก็เลยได้ราคาถูกนั่นแหละ เพราะผมพยามเช็คหลายเครื่อง ที่เห็นมันราคาไม่เท่ากันนั้น น่าจะมาจากเลือกช่วงเวลาคนละช่วงกัน จึงได้ซื้อตั๋วราคา 300 บาทฟรี ถึง 2 ใบ และเนื่องจากเป็นตั๋วแบบโปร ไม่สามารถเลื่อนได้ ก็ต้องยอมทิ้งไป

สุดท้ายผมก็ต้องมาจองตั๋วแบบธรรมดาเหมือนเดิม สรุป เสียไป 2 เด้ง ทั้งตั๋วโปร ที่ต้องทิ้งไป และตั๋วจริงราคาเต็ม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกตะหงิด ๆ ตั้งแต่เริ่มแล้วว่า ทริปนี้มันต้องมีอะไรแปลก ๆ อย่างแน่นอน

Blog Series : JT8704 Flight เปลี่ยนชีวิต