เมื่อผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า CORONAVIRUS สามารถแพร่กระจายได้เพียงแค่การพูดคุย

คณะผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงบอกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยการบรรยายสรุปในเรื่อง coronavirus สามารถแพร่กระจายได้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผ่านทางการไอและจามเท่านั้น แต่แค่เพียงผ่านการพูดคุยและแม้เพียงแค่หายใจเช่นกัน ตามที่ CNN รายงาน

“ ในขณะที่งานวิจัยเฉพาะในปัจจุบันมีอย่างจำกัด ผลการศึกษาที่มีอยู่นั้นสอดคล้องกับการแพร่กระจายของไวรัสจากการหายใจตามปกติ” จดหมายจาก Harvey Fineberg ประธานคณะกรรมการประจำคณะวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

จดหมายฉบับนี้เป็นการตอบคำถามที่ Kelvin Droegemeier มีรายงานเกี่ยวกับสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทำเนียบขาว

“ การวิจัยที่มีอยู่ในปัจจุบันสนับสนุนความเป็นไปได้ที่ [coronavirus] สามารถแพร่กระจายผ่านทางชีวภาพที่สร้างขึ้นโดยตรงจากการหายใจออกของผู้ป่วย”

“ถ้าคุณสร้างละอองของไวรัสที่มีการไหลเวียนในห้องที่ปิด มันก็เป็นไปได้ว่าถ้าคุณเดินผ่านในภายหลังคุณสามารถสูดไวรัสเข้าไปได้” Fineberg บอกกับ CNN “แต่ถ้าคุณอยู่ข้างนอกสายลมก็จะกระจายไวรัสเหล่านี้ออกไป”

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อศัลยแพทย์ทั่วไปขอให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาพิจารณาทบทวนการตัดสินใจครั้งแรกเพื่อให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับการสวมหน้ากาก

“เราได้เรียนรู้จากการแพร่กระจายของโรค ดังนั้นเราจึงได้ถาม CDC ว่าสมควรหรือไม่ที่จะทำให้ผู้คนเริ่มหันมาสวมหน้ากากป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังคนอื่น ๆ” ศัลยแพทย์ทั่วไป Jerome Adams กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาในรายการ “Good Morning America”

ต้องบอกว่าเนื่องจากการแพร่กระจายของ Coronavirus นั้น ยังเพิ่งเริ่มเพียงไม่กี่เดือน ทำให้งานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดยังมีไม่มากนัก ซึ่ง ตอนนี้เริ่มมีงานวิจัยที่นำเสนอความคิดหักล้างแนวคิดเดิม ๆ ว่า ให้สวมหน้ากากอนามัยเฉพาะคนที่ป่วย ออกมาเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อย ๆ จน WHO เริ่มประกาศให้คนทั่วไปเริ่มหันมาใส่หน้ากากในข่าวล่าสุดที่ออกมา

จะเห็นได้ว่า ตัวเลขสถิติ มันบ่งบอกชัดเจนระหว่างประเทศ ที่สวมหน้ากาก และ ไม่สวมหน้ากาก ที่การแพร่ระบาดของโรคมันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งงานวิจัยในบทความชิ้นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า การสวมหน้ากากนั้นสามารถลดการแพร่ระบาดได้ดีกว่าอย่างชัดเจนหาก มันสามารถที่จะแพร่กระจายได้แม้กระทั่งแค่การพูดคุย หรือ หายใจออกมา เชื้อก็แพร่กระจายได้

เพราะฉะนั้น การสวมหน้ากากจึงปลอดภัยกว่า และแพร่กระจายน้อยกว่า สอดคล้องกับตัวเลขที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่ประเทศที่มีแนวโน้มสวมหน้ากาก จะมีตัวเลขการแพร่ระบาดที่ต่ำกว่า ประเทศฝั่งตะวันตกที่ไม่ยอมรับแนวคิดการสวมหน้ากากนั่นเองครับ 

References : https://edition.cnn.com/world/live-news/coronavirus-pandemic-04-02-20-intl https://www.the-sun.com/news/631263/coronavirus-spread-just-talking-breathing/

เมื่อ AI พบการแพร่ระบาด ไวรัสโคโรน่า ได้เร็วกว่ามนุษย์

เมื่อวันที่ 9 มกราคม องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แจ้งให้สาธารณชนทราบถึงการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีน : โดยมีรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวมจำนวนหนึ่งในเมือง หวู่ฮั่น ของประเทศจีน 

ส่วนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกเตือนมาไม่กี่วันก่อนหน้านี้ในวันที่ 6 มกราคม แต่สิ่งที่เหลือเชื่อก็คือ แพลตฟอร์ม AI ด้านการตรวจสอบสุขภาพของแคนาดาได้ทำนายการระบาดของโรคให้กับลูกค้าตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม

BlueDot ใช้ อัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของ AI ซึ่งมีรายงานข่าวและประกาศอย่างเป็นทางการเพื่อแจ้งเตือนลูกค้าล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นอันตราย เช่น หวู่ฮั่น ในประเทศจีน

ส่วนเรื่องความเร็วในระหว่างการระบาด ฝั่งของเจ้าหน้าที่จีนดูเหมือนจะไม่มีประวัติที่ดีในการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรคว่าข้อมูลที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของ WHO และ CDC ก็ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากจีนเพื่อตรวจสอบการระบาดของโรคจากไวรัส โคโรน่าใหม่นี้  “เรารู้ว่ารัฐบาลจีนอาจไม่ได้รับความเชื่อถือในการให้ข้อมูลตามกรอบเวลาที่กำหนด” Kamran Khan ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ BlueDot กล่าว “แต่เราสามารถรับข่าวสารของการระบาดที่อาจเกิดขึ้นจากฟอรัมหรือบล็อกที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์ผิดปกติบางประเภทที่เกิดขึ้น”

Khan กล่าวว่าอัลกอริทึมไม่ได้ใช้ข้อมูลจากโพสต์ต่าง ๆ ในสื่อสังคมออนไลน์เพราะข้อมูลนั้น มีความซับซ้อนเกินไป แต่เขาใช้อีกสิ่งหนึ่งซึ่งก็คือ : การเข้าถึงข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินทั่วโลกที่สามารถช่วยทำนายได้ว่าประชาชนจะติดเชื้อที่ไหนและเมื่อไหร่ โดยสามารถทำนายได้อย่างถูกต้องว่าไวรัสจะแพร่จากหวู่ฮั่นไปยังกรุงเทพฯ โซล ไทเป และโตเกียวในวันต่อมาหลังจากที่ปรากฏตัวครั้งแรก

bluedot สามารถทำนายการกระจายได้อย่างแม่นยำ
bluedot สามารถทำนายการกระจายได้อย่างแม่นยำ

Khan ผู้ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลในโตรอนโตในช่วงที่โรคซาร์สระบาดในปี 2003 ซึ่งเขาฝันที่จะหาวิธีที่ดีกว่าในการติดตามโรค โดยไวรัสโรคซาร์สนั้นก็เริ่มต้นในประเทศจีนและแพร่กระจายไปยังฮ่องกงจากนั้นก็ไปยังโตรอนโต 

โดย Khan กล่าวถึงการระบาดของโรคโคโรน่าไวรัสว่า “ ในปี 2003 ผมเฝ้าดูเชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองและทำให้โรงพยาบาลเกิดความโกลาหล ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่เกิดความเหนื่อยล้าทั้งจิตใจและร่างกายเป็นอย่างมาก และผมคิดว่า ‘เราจะไม่ทำสิ่งนี้อีกต่อไป’”

หลังจากได้ทดสอบโปรแกรมการทำนายหลายครั้ง Khan ได้เปิดตัว BlueDot ในปี 2014 และระดมทุนได้ 9.4 ล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ บริษัท มีพนักงาน 40 คน โดยแพทย์และโปรแกรมเมอร์ที่คิดค้นโปรแกรมการเฝ้าระวังโรคซึ่งใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) และเทคนิคของ Machine Learning เพื่อคอย Monitor ผ่านรายงานข่าวใน 65 ภาษาพร้อมกับข้อมูลสายการบินและรายงานการระบาดของโรคจากสัตว์ “

เมื่อมีการกรองข้อมูลแบบอัตโนมัติเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะเป็นการวิเคราะห์ของมนุษย์ Khan กล่าว นักระบาดวิทยาตรวจสอบว่าข้อสรุปมีเหตุผลจากมุมมองทางวิทยาศาสตร์จากนั้นรายงานจะถูกส่งไปยังลูกค้าทั้งรัฐบาล ธุรกิจ และเครือข่ายสาธารณสุข

จากนั้นรายงานของ BlueDot จะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในหลาย ๆ ประเทศ (รวมถึงสหรัฐอเมริกาและแคนาดา) โดย BlueDot ไม่ได้ขายข้อมูลของพวกเขาให้กับประชาชนทั่วไปแต่อย่างใด ในขณะนี้

ซึ่ง BlueDot เคยประสบความสำเร็จในการคาดการณ์สถานที่ตั้งของการระบาดของโรค Zika ในเซาท์ฟลอริดา ที่ได้ทำการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของประเทศอังกฤษอย่าง The Lancet

BlueDot พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางคนกล่าวว่าแม้จะมีการระบาดของโรคซาร์สเป็นเวลาหลายเดือนในปี 2003 แต่เจ้าหน้าที่ของจีนก็ตอบสนองได้เร็วขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นใหม่กับพวกเขา อย่าง ไวรัส โคโรน่า

“ การระบาดน่าจะใหญ่กว่านี้หนึ่งเท่า จากที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยัน” James Lawler ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกากล่าว ซึ่งเขาเป็นทีมงานที่ทำการรักษาผู้ป่วยโรคอีโบล่าที่ถูกกักกันในปี 2017 และปี 2018 การคำนวณแบบปรกติต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีนในแต่ละสัปดาห์ อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก”

Lawler และคนอื่น ๆ กล่าวว่า การระบาดของโรค corona virus จะยังคงแพร่กระจายในขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่น ๆ และแสดงอาการของการติดเชื้อ เขาบอกว่าเรายังไม่รู้ว่ามีกี่คนที่จะป่วยและจะมีกี่คนที่จะตายก่อนที่การระบาดจะลดลง

เพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะต้องบอกความจริงและบอกเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันมันก็คุ้มค่าที่จะนำไปใช้เป็นฐานข้อมูล เพื่อการเรียนรู้ของ AI ในอนาคตนั่นเอง

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น Natural Language Processing ที่ทำงานร่วมกับ Machine Learning ในการนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งจากสายการบิน จากฟอรั่ม จาก Blog มาทำการวิเคราะห์ข้อมูลการระบาดอย่างที่ BlueDot ทำ

แน่นอนว่า การระบาดครั้งนี้ ของ ไวรัสโคโรน่า นั้นก็สามารถมองในแง่ดีได้อีกด้านหนึ่งก็คือ การเป็นฐานข้อมูลใหม่ให้ AI ได้เรียนรู้ เพื่อวิเคราะห์ และ ในอนาคตอาจจะทำนายได้แบบ realtime และสามารถขจัดปัญหาตั้งแต่ต้นตอการระบาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างที่เราเห็นกันในตอนนี้ได้นั่นเองครับ

References : https://www.wired.com/story/ai-epidemiologist-wuhan-public-health-warnings https://www.etftrends.com/disruptive-technology-channel/startup-used-ai-to-identify-coronavirus-outbreak-before-who-cdc/