LifeSG จะมีหลายแอปไปทำไม กับแอปเดียวที่มุ่งสู่ยุทธศาสตร์ Smart Nation ของสิงคโปร์

สำหรับหัวข้อในวันนี้เกิดจากความสงสัยของตัวผมเอง หลังจากมีข่าวการประกาศสร้างแอปใหม่อีกครั้งที่มีการประกาศมาจากรัฐบาล ซึ่งต้องบอกว่า ตอนนี้แอปที่เกี่ยวข้องกับบริการรัฐของชาวไทยนั้นเรียกได้ว่าเต็มเครื่องไปหมดแล้ว

แม้จะมีการแยกหมวดหมู่บริการอย่างชัดเจนให้เข้าใจได้ แต่ส่วนตัวเองเนื่องจากอยู่ในวงการเทคโนโลยี ก็ไม่ได้เห็นความจำเป็นใด ๆ เลยที่ต้องมาลงแอปที่หลากหลายเหมือนที่รัฐบาลไทยกำลังทำอยู่

ก็เลยลองหาข้อมูลดู พบว่ามีแอปนึงของประเทศสิงคโปร์ที่น่าสนใจนั่นก็คือแอปที่มีชื่อว่า LifeSG (เดิมชื่อ Moments of Life) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการระดับชาติเชิงกลยุทธ์ภายใต้โครงการ Smart Nation ของสิงคโปร์

ซึ่งต้องบอกว่าตัวอย่างของ LifeSG ผมคิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมากเพราะเจอปัญหาเดียวกับไทยมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้สิงคโปร์ก็มีแอปของรัฐบาลกว่า 170 แอป

แม้จะให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แน่นอนว่าแต่ละแอปมี UI/UX ที่แตกต่างกัน ทำให้มีความยุ่งยากในการใช้งาน และที่สำคัญคือค่าบำรุงรักษาแอปเหล่านี้ที่ยิ่งมีจำนวนเยอะก็ต้องยิ่งจ่ายค่าบำรุงรักษามาก และนั่นทำให้สิงคโปร์เริ่มคิดใหม่

สร้าง LifeSG เพื่อทำให้ชีวิตของประชาชนง่ายขึ้น

แนวคิดเบื้องหลัง LifeSG นั้นเรียบง่าย ยิ่งพลเมืองใช้เวลาทำธุรกรรมกับรัฐบาลน้อยลงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีเวลาให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขารักมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม

ในการทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นจริง ต้องมีการสร้างแอปที่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานแบบเดียว ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเพียงหนึ่งเดียวในบริการต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้การใช้แอปจะเป็นเรื่องง่าย และการใช้งานจริงจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีก

แอปที่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานแบบเดียว ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเพียงหนึ่งเดียวในบริการต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้งหมด
แอปที่มีอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานแบบเดียว ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเพียงหนึ่งเดียวในบริการต่าง ๆ ของรัฐบาลทั้งหมด

โดยมีการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 และหลังจากนั้นแอปได้เพิ่มคุณสมบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการประชาชนในด้านอื่น ๆ ตลอดเส้นทางชีวิตของประชาชนชาวสิงคโปร์

ตัวอย่างเช่นโมดูล Active Aging สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป (เปิดตัวในเดือนกันยายนปี 2019) คู่มือสนับสนุนการจ้างงานสำหรับผู้หางาน (เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2020)

แต่แน่นอนว่าการใช้งานง่าย มันไม่ใช่แค่เหตุผลเดียว แต่ยังมีสองสิ่งที่น่าสนใจที่ประเทศเราควรที่จะเรียนรู้จาก LifeSG

1. ปรับแต่งตามความต้องการของแต่ละบุคคล

แน่นอนว่าประชาชนชาวสิงคโปร์เป็นคนยุ่งและมีความสนใจที่หลากหลาย และที่สำคัญมีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและวัฒนธรรม และแต่ละคนมีความต้องการที่มีความแตกต่างกัน

นั่นเองที่ LifeSG ได้ออกแบบมาโดยคำนึงถึงความต้องการส่วนบุคคล เพื่อให้พวกเขาพบว่ามีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับพวกเขา

โดยเป็นการทำงานเลียนแบบเครือข่ายโซเชียลมีเดีย ที่สร้างเครื่องมือแนะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามโปรไฟล์และความสนใจที่เลือกผ่านแอป

ตัวอย่างเช่น ผู้ใหญ่วัยทำงานจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนการจ้างงานเพื่อค้นหาว่าพวกเขาจะเปลี่ยนอาชีพหรือเปลี่ยนงานได้อย่างไรบ้าง หรือแม้แต่การเตรียมการเพื่อพบกับเหล่าโค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำเรื่องอาชีพ

หรือในกรณีที่เป็นผู้ปกครองที่มีเด็กเล็ก พวกเขาก็จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแบบฝึกหัดการลงทะเบียนสำหรับการศึกษาประจำปี

2. แอปเดียว บริการกว่า 40 รายการ

แน่นอนว่าปัญหาเดิมของสิงคโปร์ (ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย) นั่นก็คือ การมีแอปอยู่มากมายที่ทำให้ประชาชนสับสนมาก ๆ ซึ่งทาง LifeSG ได้รวมบริการของรัฐบาลดิจิทัลมากกว่า 40 รายการไว้ในแอปเดียว และยังมีการเพิ่มบริการเข้าไปเรื่อย ๆ

บริการมากกว่า 40 รายการในแอปเดียว
บริการมากกว่า 40 รายการในแอปเดียว

การรวมบริการความต้องการของประชาชนไว้ด้วยไอคอนที่มีขนาดใหญ่ที่เข้าใจง่าย ซึ่งทำให้ประชาชนเลือกใช้บริการต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

และในอนาคต LifeSG จะมีบริการเพิ่มอีกมากมายไว้ในแอปเพียงตัวเดียว ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับประชาชนในช่วงชีวิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน เด็กจบใหม่ หรือบริการสำหรับประชากรที่กำลังจะเกษียณอายุ

Case Study ที่ประเทศเราควรนำไปปรับใช้

จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งประเทศสิงคโปร์ก็ประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกันกับประเทศเรามาก่อน ซึ่ง LifeSG ก็ได้ออกแบบยกเครื่องใหม่ทั้งหมดเพื่อมาตอบโจทย์กับความต้องการที่แท้จริงของประชาชน

ผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาเรื่องเทคนิคแต่อย่างใด อาจจะมีบ้างในการรวมศูนย์ข้อมูล แต่ตอนนี้ประเทศเราก็ปรับปรุงเรื่องราวเหล่านี้มาเยอะมากแล้ว จะเห็นได้จากแอปต่าง ๆ ของรัฐที่เริ่มเชื่อมต่อข้อมูลเข้าหากัน

ซึ่งยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 คงไม่ไกลเกินฝัน หากเราเริ่มที่จะปรับตัวให้เข้าสู่ Smart Nation อย่างที่สิงค์โปร์กำลังทำ ซึ่งเรื่องการปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลของประเทศเราก็ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร อยู่แล้ว

เราได้เห็น case study ต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งการใช้แพล็ตฟอร์ม ecommerce , live commerce หรือ Social Media ที่เรียกได้ว่าประชากรในประเทศเราไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้อย่างแน่นอน

มันเป็นเพียงอีกไม่กี่ก้าว ซึ่งผมคิดว่าแก้กันตอนนี้ยังทัน สำหรับการรวมบริการต่าง ๆ ไว้ให้เหลือเพียงแอปเดียว ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก ๆ ต่อทั้้งเศรษฐกิจ และสังคม เพราะทุกธุรกรรมต่าง ๆ ของรัฐทำได้รวดเร็ว ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ไม่เสียเวลาชีวิต แล้วให้ประชาชนเอาเวลาชีวิตของพวกเขาไปทำประโยชน์อย่างอื่นเหมือนที่สิงคโปร์ทำได้สำเร็จนั่นเองครับผม

References : https://www.tech.gov.sg/media/technews/moments-of-life-is-now-lifesg-story-so-far
https://opengovasia.com/moments-of-life-is-now-lifesg-the-story-so-far/
https://www.tech.gov.sg/products-and-services/lifesg/