Geek Daily EP27 : นักวิทยาศาสตร์ค้นพบการแฮ็กสมองที่ช่วยเพิ่มความสามารถทางภาษาได้ถึง 13%

การวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าเด็กเล็กจะเรียนรู้ภาษาใหม่ได้ง่ายกว่า พ่อแม่ หรือพี่น้องที่มีอายุมากกว่า การศึกษาใหม่เสนอวิธีแก้ปัญหาเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคด้านวิวัฒนาการ การแฮ็กสมองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายวิทยาศาสตร์นี้สามารถช่วยให้ผู้ใหญ่เอาชนะข้อจำกัดของสมองของตนเองได้

ในการศึกษาซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดีในวารสาร Science of Learning ผู้เขียน อธิบายว่าส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้การได้มาซึ่งการเรียนรู้ภาษาในภายหลังเมื่อเติบโตขึ้นนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะ สมองของผู้ใหญ่ไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนเดิมอีกต่อไป ที่ครั้งหนึ่งเคยทำในวัยเด็ก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3fMbzWl

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3kAYrXL

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2E1ppa4

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/4QOZn7RCxpQ

References : https://www.inverse.com/innovation/neural-stimulation-language-device

Geek Monday EP13 : Trend ใหม่สุดล้ำกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์

การเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปรกติภายในหนึ่งทศวรรษหรือประมาณนั้น โดยมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสมอง หลายสิบล้านเครื่องถูกจำหน่ายในทุกๆ ปี ในอนาคตอันใกล้นี้

BMIs (Brain Machine Interfaces) เป็นงานที่น่าสนใจในการวิจัยที่มีศักยภาพสูงโดยเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อแชร์ข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ 

งานบางส่วนของ BMI นั้นไม่เกินเลยจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยนึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ซึ่ง
รูปแบบพื้นฐานของเทคโนโลยี BMI ได้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานหลายปีแล้วเช่นประสาทหูเทียมซึ่งให้ความรู้สึกถึงเสียงแก่คนที่หูหนวกหรือได้ยินยาก ซึ่งยังรวมถึงอีกกรณีที่ใช้ทางการแพทย์ในการเป็นขาเทียม

ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์กับสมองแบบใหม่ ๆ  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สักวันหนึ่งอาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่แพร่หลายซึ่งจะช่วยเหลือทุกคนได้ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep13-trend-brain-machine-interfaces/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/640CmtDmWTn9d2FaqWBRfz

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/PMU42BW-xSY

Stentrode กับการช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพาตควบคุมร่างกายด้วยจิต

เป็นครั้งแรกที่แพทย์กำลังเตรียมตัวทดสอบส่วนต่อประสานในการทำงานร่วมกับสมองที่สามารถปลูกถ่ายลงในสมองมนุษย์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกเหมือนในอดีต

Stentrode ซึ่งเป็นประสาทเทียมที่สามารถทำให้คนเป็นอัมพาตสามารถสื่อสารส่งไปยังสมองของผู้ป่วยผ่านหลอดเลือดดำได้ และ ตอนนี้บริษัท Synchron Inc
ที่พัฒนามันขึ้นมาเพิ่งได้รับการอนุมัติเพื่อเริ่มการทดลองในมนุษย์

โดยผู้ป่วยจะได้รับการปลูกถ่ายประสาทของพวกเขาโดยไม่ต้องโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลด เพื่อลดความเสี่ยงของการชัก หรือความบกพร่องทางประสาทอย่างถาวร ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดเปิดสมอง

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าผู้ทดลองรวม 5 คน ที่มีมือหรือปากเป็นอัมพาต ซึ่งเป้นอุปสรรคในการสื่อสารกับสมองนั้นจะมีการทดลองใส่ Stentrodes เข้าไปในสมอง

“ เราได้เริ่มรับสมัครพนักงานในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา” โทมัส ออกซ์ลีย์ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของซิงโครไนซ์ แพทย์ในนิวยอร์กซิตีบอกกับ Futurism “ เราได้กำหนดการทดลองกับผู้ป่วยที่มีศักยภาพบางราย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก แต่ก็มีกระบวนการสรรหาหลายเดือนจากผู้ป่วยจำนวนมากที่มีความสนใจในเทคโนโลยีนี้”

การทำงานของอุปกรณ์นี้จะแสดงให้โลกเห็นว่ามันปลอดภัย ซึ่งในแบบจำลองกับสัตว์นั้นเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้กำลังทำการรวบรวมข้อมูลและทำความเข้าใจกับข้อมูลทางคลินิกที่เกิดขึ้น

ก่อนเริ่มการทดลองผู้เข้าร่วมที่มีศักยภาพจะต้องได้รับการสแกนสมองหลายครั้ง หลังจากนั้นจะมีการประเมินผลจากนักประสาทวิทยา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อกับสมองของ Stentrode และปัจจัยที่สำคัญคือหลอดเลือดของพวกเขาต้องมีรูปร่างที่ดีพอที่จะนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าไปได้ ซึ่งเป็นการใส่ขดลวดทางการแพทย์มาตรฐานพร้อมวงจรในตัว กับพวกเขาไปยังสมอง

การใส่ขดลวดเข้าไปในสมองโดยไม่ต้องมีการผ่าตัด
การใส่ขดลวดเข้าไปในสมองโดยไม่ต้องมีการผ่าตัด

เมื่อการทดลองเริ่มขึ้น Oxley กล่าวว่าผู้ป่วยจะเริ่มฝึกอบรมเพื่อใช้อุปกรณ์และซอฟต์แวร์เพื่อสร้างข้อความด้วยความนึกคิดภายในใต้จิตของพวกเขา

“ เรากำลังพยายามช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคอัลไซด์เมอร์ หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง และผู้ที่ไม่สามารถสื่อสารในแบบที่พวกเขาต้องการในการทำงานหรือกิจกรรมทางสังคมของพวกเขาได้นั่นเอง”  Oxley กล่าว “ เรากำลังทำงานเพื่อสร้างข้อความที่สื่อสารทางความคิดหรือจิตใจ ในอัตราที่ใกล้เคียงกับความเร็วในการส่งข้อความผ่านสมาร์ทโฟน นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเรา”

References : 
https://futurism.com/noninvasive-neural-implant-clinical-trials