Tiktok กับความเสี่ยงที่จะโดนเซ็นเซอร์จากรัฐบาลจีน

จาก Feed ของ Instagram, Twitter หรือ Facebook ในการค้นหาเรื่องการประท้วงที่ฮ่องกง เราจะได้เห็นวิดีโอของนักประท้วงที่แฝงตัวอยู่หลายคนในเมืองจีน เช่นเดียวกับการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลหรือภาพตำรวจที่ยิงสาดผู้ประท้วงด้วยสเปรย์พริกไทย

ทำให้การค้นหาเดียวกันกับวิดีโอบนแอพพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง TikTok ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าและเราจะอาจไม่ทราบว่ามีการประท้วงทั้งหมดทุกแห่งก็ตาม โดย TikTok ซึ่งเจ้าของคือ ByteDance ดูเหมือนจะต้องทำตามนโยบายของรัฐบาลจีน และแน่นอนว่านี่เป็นตัวอย่างที่น่ากลัวของวิธีการที่สื่อสังคมออนไลน์ สามารถจัดการรูปแบบของการควบคุมทางสังคมที่มีอยู่จริงได้สำเร็จ

นักวิจัยมีความกังวลว่าจีนจะทำการตัดผู้ใช้ภาษาจีนของแอปเพื่อบีบเหล่ากลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงและยับยั้งการแพร่กระจายไปยังทั่วโลกของข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการประท้วง ตามที่ วอชิงตันโพสต์เสนอ  โดยการประท้วงในฮ่องกงครั้งแรกจุดประกายเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาในการต่อต้านการกฏหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่การประท้วงได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเรียกร้อง “ประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ” และการแสดงความรับผิดชอบของตำรวจ

ByteDance ปฏิเสธที่จะพูดคุยกับ วอชิงตันโพสต์ เกี่ยวกับ“ ความเป็นอิสระจากการเซ็นเซอร์ในปักกิ่ง” โดยเป็นการออกแถลงการณ์ที่อ้างว่าแอปนั้นเป็น “สถานที่เพื่อความบันเทิงไม่ใช่การเมือง”

นั่นเป็นข้อเรียกร้องที่น่าสงสัย แอปนี้เป็นหนึ่งใน “การส่งออกของสื่อสังคมออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแอปที่มาจากประเทศจีน” โดยปัจจุบันติดตั้งบนโทรศัพท์กว่า 1.3 พันล้านเครื่องทั่วโลก

ไม่ว่านักพัฒนาแอพจะวางแผนหรือไม่ก็ตามโซเชียลมีเดียยังคงส่งเสียงต่อสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและสังคมทำให้ประชาชนในประเทศที่ถูกเซ็นเซอร์มากที่สุดและภูมิภาคต่าง ๆ พยายามที่จะส่งต่อความเชื่อของพวกเขาไปสู่ผู้ชมที่มีอยู่ทั่วโลก 

แต่ปัญหาเดียวก็คือ: นักพัฒนาเหล่านี้นั้นสามารถตัดสินใจที่จะคลิกปุ่มปิดได้ทันทีหากถูกกดดันจากรัฐบาลจีน ตามรายงานของวอชิงตันโพสต์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบอกว่าเนื้อหาใดถูกเซนเซอร์โดย TikTok บ้าง ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอของการประท้วงหรือคำพูดสร้างความเกลียดชังต่าง ๆ ในแอป  ซึ่งการขาดหายไปของวิดีโอประท้วงของฮ่องกงอาจเกิดจากความกลัวของผู้ใช้ว่ารัฐบาลจีนนั้นกำลังติดตามเนื้อหาภายในแอปอย่างใกล้ชิด

ซึ่งการดำเนินงานและนโยบายของ TikTok ในเรื่องนี้นั้น ได้ก่อให้เกิดความกังวลใจสำหรับผู้ใช้แอพที่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งวิธีการเซ็นเซอร์แบบเดียวกันนี้ สามารถขยายขอบเขตการตรวจสอบไปยังผู้ชมทั่วโลก ที่ต้องบอกว่า TikTok กำลังมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ใช้งานทั่วโลกในขณะนี้นั่นเองครับ

References : https://www.washingtonpost.com