ตัวช่วยพ่อบ้านมาแล้วกับ Ugo หุ่นยนต์ช่วยทำงานบ้าน

Mira Robotics ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2018 ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ Ugo เมื่อต้นปีที่ผ่านมาโดยมีการแถลงว่าหุ่นยนต์จะวางจำหน่ายจริงได้ในปี 2020 โดยมันจะสามารถทำงานในครัวเรือนได้หลากหลายตั้งแต่ล้างจาน ซักผ้า หรือแม้กระทั่ง งานพับเสื้อผ้า

แม้ดูเหมือนฟังดูเป็นงานที่เรียบง่าย แต่มันท้าทายอย่างมากสำหรับหุ่นยนต์ การทำให้เครื่องจักรพับเสื้อยืด ไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าวัสดุที่อ่อนนุ่มนั้นมีรูปร่างผิดเพี้ยนเพียงใด แต่ยังต้องใช้ความสามารถในการทำงานขั้นสูง แม้มันเป็นงานที่แสนง่ายดายสำหรับมนุษย์ แต่เป็นความท้าทายที่แท้จริงในการวิเคราะห์ส่วนต่าง ๆ ในการพับผ้า แม้แต่ห้องปฏิบัติการวิจัยที่ล้ำสมัยก็ไม่สามารถสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานนี้ได้เหมือนมนุษย์

แต่ด้วยการแทนที่สมองของหุ่นยนต์ด้วยการควบคุมจากมนุษย์ Mira กล่าวว่าสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง Ken Matsui ซีอีโอ ของMira พูดกับ The Verge ว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนหุ่นยนต์ที่ทำงานซักรีดนั้นจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น “ ผมเชื่อว่าหุ่นยนต์ที่ควบคุมจากระยะไกลสามารถให้ความช่วยเหลือได้หลากหลายในสภาพแวดล้อมภายในบ้าน” Matsui กล่าว“ เช่น ทำความสะอาดห้อง การเตรียมอาหาร การบริการดูแลสำหรับผู้สูงอายุ หรืองานดูแลสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งงานสอนพิเศษ”

Ugo หุ่นยนต์ช่วยเหลืองานในบ้าน
Mira หุ่นยนต์ช่วยเหลืองานในบ้าน

Ugo นั้นดูเป็นมิตรมากพอที่จะดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่มันอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้ มันเต็มไปด้วยเซ็นเซอร์ และแขนหุ่นยนต์คู่หนึ่งที่ติดอยู่กับลำตัวทรงกระบอก ซึ่งสามารถส่องกล้องขึ้นและลงได้ แทนที่จะใช้มือเหมือนมนุษย์มันติดตั้งแขนแบบก้ามปูคู่ พวกมันว่องไวพอที่จะหยิบเสื้อผ้า แต่ไม่เพียงพอที่จะใช้มันเปิดขวดน้ำอัดลม

Mira กำลังจะเริ่มการทดสอบรุ่นเบต้าของ Ugo ใน“ บ้านที่มีครอบครัวอาศัยอยู่จริง ๆ ” ในช่วงฤดูร้อนนี้ Matsui กล่าวว่า ก่อนที่จะเปิดตัวบริการชำระเงินในปี 2020 กำหนดกลุ่มเป้าหมายคือเหล่าครอบครัวที่มีรายได้สูงและต้องเลี้ยงดูเด็ก ๆ  “ เพราะพวกเขาไม่มีเวลา พวกเขายุ่งมาก และเราต้องการช่วยเหลือพวกเขา” Matsui กล่าวว่า ในส่วนของราคานั้นยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ลูกค้าสามารถคาดหวังราคาอยู่ที่ประมาณ  225 ดอลลาร์ ต่อเดือน ซึ่งจะรวมถึงบริการทำความสะอาดหกถึงแปดชั่วโมง โดยผู้ใช้งานสามารถจ่ายเพิ่มได้หากพวกเขาต้องการเวลาที่มากขึ้น

และ Matsui ยังกล่าวว่า “เราเชื่อว่าแนวทางของเรา โดยเน้นการพัฒนาหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำและการใช้ AI ทำงานร่วมกับมนุษย์ เพื่อให้บริการในราคาที่เหมาะสม”

ซึ่งในอนาคตนั้นเป็นไปได้ว่าเหล่าแรงงานทางไกลจากประเทศค่าแรงต่ำมีโอกาสที่จะมาทำงานร่วมกับ Mira   ซึ่งหลายประเทศในโลกตะวันตกมีประชากรสูงอายุที่ต้องการคนดูแลและหากเป็นคนงานต่างชาติจริง ๆ นั้นอาจให้ความรู้สึกต่อต้านกับผู้คนบางกลุ่ม Matsui ชี้ให้เห็นว่าในญี่ปุ่นมีความต้องการอย่างมากสำหรับเทคโนโลยีในการเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวนี้

“ ญี่ปุ่นจะกลายเป็นสังคมสูงอายุ ดังนั้นญี่ปุ่นอาจเป็นแบบอย่างของการอยู่อาศัยร่วมกับหุ่นยนต์ช่วยเหลืองานส่วนตัวได้นั่นเอง” เขากล่าว หาก Ugo ประสบความสำเร็จในประเทศบ้านเกิด Matsui ต้องการส่งออกหุ่นยนต์ไปยังเกาหลีใต้และจีน ในอนาคต

 References : 
https://www.theverge.com