“บ้า นี่เราพลาดไปได้ยังไง” Mark Zuckerberg ถามพลางมองไปรอบ ๆ เหล่าใบหน้าที่ดูสิ้นหวัง ในความเงียบผู้บริหารเกือบโหล จ้องไปที่ Alex Stamos หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย โดยหวังว่าจะได้รับคำตอบ
เป็นเช้าของวันที่ 9 ธันวาคม 2016 เหล่าผู้บริหาร Facebook ได้รวมตัวกันเพื่อฟังบรรยายสรุปจาก Stamos โดยสรุปทุกอย่างที่ทีมรักษาความปลอดภัยของ Facebook รู้เกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซียบนแพลตฟอร์มของพวกเขา
Stamos ประเมินว่าบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย กำลังใช้ Facebook ในความพยายามที่จะโน้มน้าววาทกรรมทางการเมืองในวงกว้างผ่านการเผยแพร่บทความข่าวที่น่าสงสัยโดยเจตนา มีการแพร่กระจายข้อมูลที่แฮกมา เพื่อทำลายชื่อเสียง และมีส่วนร่วมกับนักข่าวเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกขโมยมา
เอกสาร 8 หน้าที่ระบุว่าทีมรักษาความปลอดภัยของ Facebook พบเห็นกิจกรรมของรัสเซียบนแพลตฟอร์มครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2016 ได้อย่างไร
โดยแฮกเกอร์ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลสำคัญในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งชาวรัสเซียได้สร้างบัญชีและเพจ Facebook ปลอมเพื่อเผยแพร่ข่าวเท็จ
โดย Stamos ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของหน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซียหรือ GRU และความสามารถอันเหลือเชื่อของพวกเขา และมีการเสนอแนะต่อเหล่าผู้บริหาร Facebook ว่า เป้าหมายต่อไปของรัสเซียคือการแทรกแซงการเลือกตั้งในประเทศฝรั่งเศสในเดือนพฤษภาคมปี 2017
มารีน เลอ แปง ผู้สมัครฝ่ายขวา กำลังท้าทายอำนาจของเอ็มมานูเอล มาครง ทีมงาน Facebook ได้เห็นแล้วว่า ผู้ปฏิบัติการชาวรัสเซียกำลังเตรียมความพยายามครั้งสำคัญในการโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวฝรั่งเศส ซึ่งมันมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่งกับการดำเนินการในสหรัฐอเมริกา
ตัว Stamos ก็ได้พยายามส่งเสียงเตือนเรื่องรัสเซียมาหลายเดือนก่อนหน้าแล้ว แต่ดูเหมือนเหล่าผู้บริหารจะไม่มีท่าทีสนใจมากนัก เพราะพวกเขากำลังโฟกัสไปที่การเติบโต ตัวเลขผู้ใช้งาน รายได้ และกำไรเป็นหลัก
เนื่องด้วย Stamos นั้นเป็นกลุ่มผู้บริหารใหม่ และเข้ามาทำงานกับ Facebook ได้เพียงไม่นาน จึงไม่ได้มีความสนิทสนมกับผู้บริหารระดับสูงอย่าง Mark Zuckerberg หรือ Sheryl Sandberg มากนัก
ซึ่งเมื่อเรื่องมันแดงออกมา ทำให้ Zuckerberg และ Sandberg เห็นว่ามันได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว มีการเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อแก้ปัญหาที่โครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์มของการการแทรกแซงการเลือกตั้งจากรัสเซีย
ซึ่งได้เริ่ม Project ที่ชื่อว่า “Project P” เป็นการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย วิศวกร และพนักงานในแผนกโฆษณาจำนวนหนึ่ง ที่นำโดย Naomi Gleit ซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานยุคแรก ๆ ของ Facebook มาแก้ปัญหาดังกล่าว
ซึ่งผลจากการดำเนินการเชิงลึกของ Project P ได้มีการเปิดโปงเครือข่ายเว็บไซต์ข่าวปลอมบน Facebook จำนวนมาก ซึ่งบางเพจหรือกลุ่มนั้นบริหารโดยวัยรุ่นชาวมาซิโดเนีย หรือชาวอเมริกันเองที่ทำงานจากห้องใต้ดิน
ตัวอย่างข่าวที่น่าเหลือเชื่อ และแพร่กระจายไปอย่างบ้าคลั่งก็คือ ข่าวที่ว่า ฮิลลารี คลินตัน เสียชีวิตอย่างลับ ๆ ระหว่างการรณรงค์หาเสียงของเธอ รวมถึงเรื่องของ “Deep State” ที่กำลังแอบสนับสนุนการรณรงค์ของคลินตัน แรงจูงใจทางการเงิน ต่างๆ นา ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวเท็จแทบจะทั้งสิ้น
ซึ่งรายงานสรุปที่ออกมาจาก Stamos นั้นน่าสนใจเป็นอย่างมาก เขาได้รวบรวมข้อมูลจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก และพบรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน เช่น ในตุรกี และ อินโดนีเซีย ที่รัฐบาลเองใช้ Facebook เพื่อดำเนินการรณรงค์บิดเบือนข้อมูลเพื่อโน้มน้าวความคิดเห็นและการเลือกตั้งของสาธารณชนในประเทศของตนเองหรือในรัฐใกล้เคียง
แม้จะมีข้อมูลการโจมตีจากประเทศรัสเซียจริง แต่ ไวท์เปเปอร์ที่ถูกร่างขึ้น จากการสืบสวนสอบสวนกลับไม่มีข้อความที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียแม้แต่น้อย และ ตัว Mark Zuckerberg เองก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะทบทวนร่างดังกล่าวแต่อย่างใด
ซึ่ง Stamos เองนั้นได้ค้นพบหลักฐานจำนวนมาก และทีมของเขายังสงสัยว่ามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องเปิดเผย และต้องขุดลึกลงไปในกิจกรรมที่รัสเซียเข้ามาแทรกแซง
หลังจาก Facebook ได้เผยแพร่เอกสารไวท์เปเปอร์ออกมาอย่างเป็นทางการ คำว่า “รัสเซีย” แทบจะไม่ปรากฏอยู่บนเอกสารดังกล่าวเลย
ทีมรักษาความปลอดภัยของ Facebook รู้สึกโกรธเคือง กับการละเลยเรื่องซีเรียสเหล่านี้ของเหล่าผู้บริหาร Stamos ได้กล่าวกับทีมว่าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอกับหลักฐานที่เขาค้นพบ และถูกกลั่นแกล้งโดยทีมนโยบายและทีมกฏหมายของ Facebook
นั่นเองที่ทำให้ตัว Stamos เริ่มพูดกับคนใกล้ชิดที่สุดในทีมของเขา เกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่ง เพราะเขาคงไม่สามารถทำงานนี้ได้อีกต่อไปนั่นเอง
ต้องบอกว่าเนื้อหาข้างต้น เป็นเพียงแค่หนึ่ง part ที่ผมหยิบยกมาเล่าให้ฟัง กับปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์ม Facebook เพราะมันกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง และไม่ใช่เพียงแค่ในอเมริกาเท่านั้น
มันกำลังถูกใช้งานทั่วโลก โดยรัฐบาลที่มีอำนาจ และเงินตรา ซึ่งมันกำลังท้าทายสิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” อย่างชัดเจน เพราะสุดท้าย ประชาธิปไตย มันก็แทบไม่มีความหมายอีกต่อไป หากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอีกหลาย ๆ ประเทศนั่นเองครับผม
สำหรับใครสนใจเนื้อหาการแฮกครั้งใหญ่ของรัสเซียแบบละเอียด ผมได้เขียน blog series ไว้ สามารถไปติดตามอ่านต่อกันได้เลยครับ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ –> Blog Series : Cyberwar – How Russian Hackers Steal the 2016 Election
References : หนังสือ An Ugly Truth: Inside Facebook’s Battle for Domination by Sheera Frenkel, Cecilia Kang