AI ทำนายรัฐประหาร เมื่อนักวิทยาศาสตร์พัฒนาอัลกอริทึมเพื่อทำนายความพยายามรัฐประหารครั้งต่อไป

นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลที่ได้ทำการติดตามความรุนแรงทางการเมืองทั่วโลกกำลังพยายามปรับปรุงความพยายามของพวกเขาในการทำนายการจลาจลของอเมริกา แต่เทคโนโลยีเดียวกันนี้ก็สามารถนำมาใช้เพื่อทำนายจุดจบที่เลวร้ายอย่างการรัฐประหารได้เช่นกัน

มันเริ่มมาจากการคาดการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในอเมริกา นับตั้งแต่ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกจากตำแหน่งในขณะนั้น บุกโจมตีศาลาว่าการสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ในสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นความพยายามที่จะล้มล้างผลลัพธ์ของ การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020

เทคโนโลยี Machine Learning ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ประเภทนี้มีอยู่แล้วมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มักจะเน้นไปที่ประเทศต่างๆ เช่น ยูเครนหรือตุรกี ซึ่งความพยายามในการทำรัฐประหารและความไม่สงบทางการเมืองโดยทั่วไปที่อาจเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขา

โดยการผสมผสานข้อมูลทางประวัติศาสตร์กับข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและแม้กระทั่งการหยุดชะงักของรูปแบบการขนส่งต่าง ๆ ภายในประเทศ

การสร้างแบบจำลองประเภทนี้อาศัยแนวคิดที่ว่าสัญญาณเตือนจะปรากฏขึ้น และหากอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์สามารถเรียนรู้จากข้อมูลเก่าโดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning อาจทำนายสิ่งเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศใด ๆ ได้

จนถึงตอนนี้ องค์กรไม่แสวงผลกำไร 2 แห่งอย่าง CoupCast แห่งมหาวิทยาลัย Central Florida และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Armed Conflict Location & Event Data (ACLED) ได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ โดยได้ออกคำเตือนครั้งล่าสุดในเดือนตุลาคม 2020 ว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการโจมตีอาคารของรัฐบาลกลาง

ดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสังเกตเห็นประโยชน์ของ AI ประเภทนี้ โดยกระทรวงกลาโหม, CIA และกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้ AI เพื่อทำนายการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในต่างประเทศแล้ว 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและเอฟบีไอ กลับไม่ได้ใช้ข้อมูลดังกล่าว ในขณะที่พวกเขาเป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดสองแห่งที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการก่อการร้ายในประเทศ

โดยธรรมชาติ การสอดแนมทางการเมืองใดๆ ก็ตามที่รัฐบาลจับตามองจะทำให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรม Jonathan Bellish ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการบริหารของกลุ่ม One Earth Future ซึ่งเป็นผู้นำคนเก่าของ CoupCast ได้กล่าวว่า เขากังวลว่าเครื่องมือประเภทนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อปราบปรามการประท้วงอย่างสันติ 

โจนาธาน พาวเวลล์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ทำงานในโครงการนี้ที่ UCF ในปัจจุบัน กล่าวว่าความเป็นไปได้ดังกล่าว “เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างแท้จริงและน่ากลัวอย่างมากหากประชาชนต้องการที่จะประท้วงอย่างสันติวิธีจริง ๆ ”

และแน่นอน มีข้อเท็จจริงที่ว่า พฤติกรรมของมนุษย์ในขณะนี้ ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างน่าเชื่อถือโดยคอมพิวเตอร์อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการจลาจลเช่นการบุกโจมตีศาลากลางสหรัฐนั้นมักจะอยู่นอกขอบเขตของพฤติกรรมของชาวอเมริกันที่คาดเดาได้ ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้ันมาก่อน

ในขณะที่การใช้แอปพลิเคชันสำหรับ AI เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีการพยายามทำรัฐประหารครั้งต่อไปที่ไหนและเมื่อใด ไม่ว่าจะเป็นในประเทศที่มีอัตราความรุนแรงทางการเมืองสูงกว่าหรือในประเทศที่มีเสถียรภาพมากกว่า เช่น ในอเมริกาเหนือและยุโรป

ซึ่งน่าสนใจนะครับ ประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในประเทศทีมีจำนวนครั้งในการรัฐประหารลำดับต้น ๆ และรูปแบบแพทเทิร์นที่นำไปสู่การรัฐประหาร ก็มีความน่าสนใจว่า AI จะสามารถเรียนรู้จากประวัติศาสตร์การเมืองของเราได้หรือไม่ หากสามารถทำนายได้จริง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวครับผม

References : https://www.washingtonpost.com/technology/2022/01/06/jan6-algorithms-prediction-violence
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2557

ครบรอบรัฐประหาร 5 ปี กับสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ

เผลอแป๊บเดียว เราก็อยู่ในรัฐบาลชุดคสช ที่ทำการรัฐประหารรัฐบาลของนายกยิ่งลักษณ์มาครบ 5 ปีแล้ว ต้องบอกว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนไปมากพอสมควร ทั้งด้านดีและด้านร้าย ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับทุก ๆ รัฐบาล ที่มีทั้งความดี และความแย่ อยู่ที่ว่าน้ำหนักแต่ละส่วนจะมากน้อยแตกต่างกันเพียงใด ซึ่งมันเป็นสัจธรรม ไม่ว่าจะมาจากรัฐบาลรูปแบบไหน

ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว สำหรับตัวผมนั้น ก็มีทั้งสิ่งที่ชอบ และ ไม่ชอบ กับรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย หรือ วิธีการต่างๆ  ที่รัฐบาลชุดนี้ใช้จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ของประเทศเรา แต่วันนี้ ในฐานะครบรอบ 5 ปี ผมก็จะมาบอกสิ่งที่ชอบที่สุดและไม่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้ ในวาระ ที่เรากำลังจะได้รัฐบาลใหม่เสียที ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนยังไงประเทศเราก็ต้องเดินหน้าต่อไปเหมือนเคย

สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้

ต้องบอกว่า เหมือนหลายๆ รัฐบาล มีนโยบายที่เจ๋ง ๆ ออกมามากมาย อย่างรัฐบาลคุณทักษิณ เราอาจจะว้าวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่สามารถนำมา Implement ได้จริงกับประเทศไทยอย่างเหลือเชื่อ และใช้มาอย่างยาวนานโดยที่ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าไปแตะต้องเลยด้วยซ้ำ

แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ผมยกให้ การสร้างบริการอย่าง PROMPT PAY (พร้อมเพย์) ขึ้นมาได้สำเร็จ ผมไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ใครเป็นคนเริ่ม แต่ต้องยกเครดิตให้รัฐบาลชุดนี้ที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้สำเร็จ

โดยบริการ PROMPT PAY (พร้อมเพย์) ชื่อเดิมคือ Any ID ถือเป็นโครงแรกใน ยุทธศาสตร์ National e-Payment ของรัฐบาล เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งประชาชนในการโอนเงิน และภาครัฐในการจ่ายสวัสดิการของรัฐ และเกี่ยวกับการคืนเงินภาษีแก่ประชาชนด้วย ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา

เรียกได้ว่าบริการนี้ ส่งผลกระทบหลายอย่างต่อประชาชนชาวไทย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง การคอรัปชั่น ฯลฯ มันเป็นการยกระดับประเทศไทยสู่ Cashless Society ซึ่งเราจะเห็นได้ในปัจจุบันว่า การชำระเงินออนไลน์นั้นกลายเป็นเรื่องปรกติ และ PROMPT PAY นั้นถือเป็นหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ การโอนเงินข้ามไปข้ามมาโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ที่ควรจะเกิดขึ้นนานแล้วสุดท้ายมันก็เกิดขึ้นได้ในรัฐบาลชุดนี้

และมันยังส่งผลไปอีกหลาย ๆ เรื่องทั้งเรื่องการคืนภาษี การตรวจสอบฐานรายได้เพื่อเก็บภาษี ซึ่งส่วนนี้คิดว่าจะทำให้ประเทศสามารถจะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นได้ และ ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการจ่ายภาษีให้กับคนในประเทศนี้ เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปเป็นต้นทุนในการพัฒนาประเทศในที่สุด

สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดนี้

สิ่งที่ไม่ชอบ แน่นอนว่าหลายคนน่าจะเห็นปัญหาหลาย ๆ อย่างจากรัฐบาลชุดนี้ มีหลายเรื่องที่มีปัญหา แต่โดยส่วนตัวแล้วนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการตรวจสอบในเรื่องการทุจริต ซึ่งเราเห็นหลายๆ เคสในเรื่องประเด็นของการทุจริตนั้น ด้วยความที่ คสช. มีอำนาจมากล้นฟ้า มี ม.44 ทำให้มันเหนืออำนาจการตรวจสอบทุกอย่าง

แม้กระทั่ง ปปช. หน่วยงานหลักในการตรวจสอบทุจริต เรายังไม่สามารถพึ่งได้ นี่ยังไม่รวม การที่ไม่มีฝ่ายค้านในสภา ทำให้หลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ โครงการที่เกิดขึ้น แม้อาจจะเป็นโครงการที่ดี แต่มันไม่มีใครที่จะมากล้าตรวจสอบความตรงไปตรงมา เพราะอำนาจที่มากเกินไปของรัฐบาลชุดนี้นั่นเอง

แล้วเพื่อน ๆ มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ สำหรับรัฐบาลชุดนี้ ยังไงกันบ้าง กับรัฐบาลที่เราใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 5 ปี มีความเห็นกันอย่างไรบ้างครับ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้น้า