เข้าสู่วงโคจรเดิม

เพิ่งเขียนใน blog ล่าสุดเกี่ยวกับอาเซน่อลไปหมาด ๆ สำหรับการเข้าสู่การลุ้นแชมป์เต็มตัวในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หอมหวานอย่างยิ่งสำหรับกองเชียร์อาเซน่อลในปีนี้

แต่เพียงแค่ไม่ถึงเดือนผ่านพ้นไป สถานการณ์ของทีมได้เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที จากการพ่ายแพ้ 3 นัดรวดในทุกรายการตั้งแต่ แพ้ บาเซโลน่า ตามด้วยแพ้ทีม U21 ของ แมนยู และแมตช์ที่เจ็บปวดรวดร้าวสำหรับแฟน ๆ ทีมอาเซน่อลมากที่สุดเห็นจะเป็นการพ่ายแพ้ต่อทีมอย่าง สวอนซี คาบ้านตัวเอง จากการลุ้นแชมป์ตามหลังทีมนำอย่าง เลสเตอร์เพียง 2 แต้ม กลับกลายมาเป็นตามถึง 8 แต้มเมื่อสิ้นสุดนัดที่ 29

ตอนนี้ทำไปทำมาสถานการณ์ของทีมจากทีมลุ้นแชมป์กลายมาเป็นทีมต้องลุ้นอันดับ 4 แทนแล้ว เมื่อแมนยูที่อยู่ดี ๆ ก็ฟอร์มดีขึ้นมาชนะหลาย ๆ นัดติดกัน มีโอกาสที่จะไล่จี้เข้ามาใกล้เต็มที่เพื่อลุ้นแย่ง อันดับ แชมเปี้ยนลีค ไม่ต้องพูดถึงการเข้ารอบต่อไปใน แชมเปี้ยนลีค การพ่ายแพ้คาบ้าน 0-2 ต่อบาเซโลน่า ก็คงไม่ต้องพูดถึงการเข้ารอบต่อไปแทบจะ 100% แล้ว ถ้าสังเกตดีๆ  วงโคจรนี้ จะมีมาแทบทุกปีในช่วงหลัง ๆ ในช่วงเดือนนี้ เริ่มจากตกรอบแชมเปี้ยนลีก และ ฟอร์มจะหลุดต่อเนื่องในลีคจนหมดลุ้นแชมป์ในช่วงนี้  แต่ก็จะประคองทีมในช่วงปลายฤดูกาลจนสามารถคว้าโควต้าแชมเปี้ยนลีคไปได้อีกตามเคย

ก็คงเป็นวังวนเดิม ๆ สำหรับแฟน ๆ อาเซน่อล ที่คิดว่าปีนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นทีมที่ได้แชมป์กะเขาซักที หลังจากรอคอยมากว่า 12 ปีนับจากการคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายในปี 2004 ปีนี้เป็นปีที่มีลุ้นแทบจะมากที่สุดแล้ว ทีมอื่น ๆ ล้วนสะดุดกันหมด แต่จนแล้วจนรอด สถานการณ์ก็ไม่ต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มา การที่ได้เห็นทีมอย่าเลสเตอร์ กำลังนำเป็นจ่าฝูง โดยที่ทีมเรามีความพร้อมมากกว่าในขณะนี้ ถือเป็นภาพที่เจ็บปวดสำหรับแฟนอาเซน่อลทุกคน หลังจากปีนี้ คงเป็นปีที่ลุ้นยากขึ้นเรื่อย ๆ  เนื่องจากการมาของ โครต โค้ชอย่าง เป๊ป ที่จะมาคุมทีมแมนซิตี้ ในปีหน้า ก็คงใส่เต็มที่แน่ๆ  สำหรับปีหน้า ไหนจะลิเวอร์ที่ได้เจอร์เก้น คล็อป น่าจะปีนป่ายขึ้นมาได้ในปีหน้า หรือ แม้แต่เชลซีที่ยังไม่มีผู้จัดการทีมที่ชัดเจน แต่คาดว่าคงต้องเป็น big name แน่ ๆ  เสี่ยหมีคงจะลุยเต็มที่เหมือนกัน

มามองถึงทีมตัวเองแม้สถานการณ์ทางการเงินของทีมเราจะสุดยอดแค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อมันไม่มี Trophy แชมป์ลีคมาให้แฟน ๆ ชื่นชมซักที เชื่อว่ากระแสการกดดันใน อาเซน เวนเกอร์ ลาออกคงมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ถึงแม้เขาจะทำผลงานได้ดีถ้าหากมองในเรื่องผลกำไร แต่ไม่ใช่สำหรับแฟน ๆ ทีมอาเซน่อลอย่างแน่นอน

ในความล้มเหลวอีกครั้งของอาเซน่อล

ปีนี้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่อาเซน่อล ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีค  ซึ่งในตอนแรกนั้นที่จับฉลาก ได้มาเจอกับทีมอย่าง โมนาโก ถือว่าเป็นทีมที่อ่อนที่สุดแทบจะว่าได้ ที่ได้ผ่านเข้ารอบมา ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าน่าจะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมได้ในปีนี้แน่ ๆ

แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวังเหมือนเคย เกมส์นี้เนื่องจาก ภาระอันหนักอึ้งที่มาจากนัดแรกที่ถูกบุกไปชนะถึงบ้าน 3-1 ทำให้ต้องการถึง 3 ประตูถึงจะเพียงพอที่จะเข้ารอบต่อไปได้ ซึ่งในใจนั้น ก็ถือว่ายังลุ้นว่า ยังพอมีโอกาสที่จะเข้ารอบไปได้ในปีนี้

รูปเกมส์นั้นก็อาเซน่อล ก็ถือว่าทำได้ดีอย่างมาก  ๆผู้เล่นทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำให้ทีมผ่านเข้ารอบไปได้ การวางแผนของอาเซน เวนเกอร์ก็ถือว่า วางหมากมาเพื่อรุกแหลกเพื่อให้ผ่านเข้ารอบให้ได้ ครึ่งแรก นำ 1-0 ก็ถือว่ายังมีโอกาสอย่างมาก ถ้าดูตามรูปเกมส์ ซึ่ง อาเซน่อล แทบจะบุกอยู่ฝ่ายเดียวและครองบอลทำเกมส์อยู่ฝ่ายเดียว และเสียดายในหลายโอกาสในช่วงท้ายครึ่งแรกที่น่าจะเป็นประตู แต่ เริ่มครึ่งหลังนั้น ก็เดินหน้ากันเต็มตัว แทบจะไปอยู่แดนของโมนาโกกันทั้งทีม แต่ประตูที่สองนั้น ถือว่ามาช้าไปต้องรอถึงนาทีที่ 80 ถึงจะมา ทำให้โอกาสนั้น เหลือน้อยเต็มที ซึ่งหลังจากอาเซน่อลได้ประตูที่ 2 นั้น ทางโมนาโก ก็จัดหลังมาเต็มที่มาเน้นอุดอย่างเดียวจนสุดท้าย ก็ไม่สามารถทำประตูที่สามได้ ต้องตกรอบเหมือนเคยเหมือนปีก่อน

ถ้ามองในแง่ดี ก็ถือว่านัดนี้เล่นดีมาก สมควรชนะ แต่ ความจริงก็คือมันเกิดขึ้นแบบนี้ในทุก ๆ ปี นัดแรกเล่นประมาท และมักจะแพ้ก่อนเป็นประจำ และไปพยายามสร้างปาฏิหารย์ในนัดที่ 2 ในหลาย ๆ ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่า อาเซน่อลก็ไม่เคยกลัวใครในนัดที่สอง ทั้ง บาเยิร์น มิวนิค หรือ เอซีมิลาน ก็สู้ได้อย่างเต็มที่ในปีก่อน ๆ แต่ก็ได้แค่เฉียดอย่างงี้ทุกปี

ปีหน้าก็ต้องมาว่ากันใหม่ไม่อยากให้พลาดการเป็นแชมป์กลุ่มอีกแล้วส่วนใหญ่ อาเซน่อลจะเล่นดีในนัดสอง ซึ่งควรเป็นนัดที่ได้เล่นในบ้านตัวเองจะดีกว่า ซึ่งปีหน้านั้น ก็ควรทำผลงานให้ได้แชมป์กลุ่ม จะดีที่สุด ไม่ว่าจับฉลากได้เจอกับทีมอะไร ก็คิดว่า น่าจะผ่านเข้ารอบได้ หากได้เล่นนัดที่สองในบ้านของตัวเอง