สมราคาเต็งหนึ่ง

ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่มาแรงจริง ๆ สำหรับทีมของเป๊บ อย่าง แมน ซิตี้ หลังจากความผิดหวังในฤดูกาลที่แล้ว ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใด ๆ ได้เลย ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ๆ ของเป๊บเลยก็ว่าได้ที่ไม่สามารถทำทีมได้แชมป์อะไรติดมือเลย หลังจากเริ่มคุม บาร์เซโลน่ามา

ลีคอังกฤษนั้นคงไม่ง่ายแน่ ๆ สำหรับเป๊บ ที่ประสบความสำเร็จมามากมายทั้งกับ บาเซโลน่า และ บาเยิน มิวนิค ที่เก็บถ้วยแชมป์มาเป็นว่าเล่น แต่จากฤดูกาลแรกที่คุมแมนซิตี้ นั้น ก็คงต้องยอมรับจริง ๆ ว่าไม่ได้เป็นงานที่ง่ายเลยสำหร้บเป๊บ กับ ลีคอังกฤษ แม้จะได้เงินเสริมทัพมากมาย แต่ก็สร้างผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในฤดูกาลที่แล้ว

แต่ปีนี้ เหมือนอะไรหลาย ๆ อย่าง จะเริ่มลงตัว เป๊บ เริ่มปรับตัวกับลีคอังกฤษได้ ก็เริ่มผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มเห็นสไตล์การเล่นแบบดุดัน ในการคุมทีมจากเป๊บ แบบชัดเจนในปีนี้  จากผลงานล่าสุดในการเจอกับเชลซีนั้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทีมของเป๊บ นั้นเล่นได้ดีกว่ามาก แม้จะเป็นทีมเยือนก็ตาม สามารถกดดันทีมแชมป์เก่า อย่างเชลซี จนไปไม่เป็น จนสุดท้ายก็ได้ประตูชัย และชนะไปได้อย่างสวยงาม ทั้งรูปเกมส์ที่เป็นต่อ และ สกอร์ที่สมควรชนะได้

บ่อนการพนันของอังกฤษก็ยกให้แมน ซิตี้ เป็นเต็ง 1 มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งก็ตามฟอร์มในตอนนี้ เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ทีมที่เล่นได้ดีที่สุดใน 7 นัดแรกของฤดูกาล นั้น ต้องยกให้กับทีม แมน ซิตี้ จริง ๆ ทั้งความโหดในแนวรุก รวมถึง การเริ่มมีเกมรับที่ลงตัว หลังจากลงทุนกับแผงหลังไปเป็นจำนวนมากในฤดูกาลนี้ รวมถึง เหล่ากำลังสำรองนั้น ถือว่าเป็นนักเตะเกรด A ล้วน  ๆ สามารถทดแทนกันได้อย่างลงตัว ซึ่งถ้าเทียบกับ แมนยู นั้น ถือว่าทีมของเป๊บ ยังเป็นต่ออยู่พอสมควร จากฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา และ เนื่องจากแมนยู นั้น มีโปรแกรมที่ค่อนข้างเบาในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้สามารถเก็บแต้มได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า หากเจอทีมระดับท๊อป แมนยู จะสามารถคงฟอร์มต่อเนื่องได้หรือไม่ ซึ่งแมนยู น่าจะเป็นตัวแปรที่สำคัญในการลุ้นแชมป์กับ แมน ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ และ คิดว่าคงจะลุ้นกันไปได้แบบยาว ๆ จนถึงปลายฤดูกาลอย่างแน่นอน

Image Ref : https://www.standard.co.uk

เกมส์ที่ว่ากันด้วย tactics

ผ่านไปอีกเกมส์สำหรับ Arsenal ในฤดูกาลนี้ หลังจากผลงานก่อนหน้านี้โดยรวมไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ กับการมีแค่ 6 แต้มจาก 4 นัดแรกของฤดูกาล แต่ก็ยังพอที่จะลุ้นแชมป์ได้อยู่บ้าง หลังจากการสะดุดของทีมหัวแถวตารางในสัปดาห์ที่แล้ว

เกมส์นี้ถือเป็น Big Match อีก หนึ่งเกมส์ที่ถือว่าหนักหนาพอสมควร ซึ่งต้องไปเยือนทีม เชลซี แชมป์เก่า ถึงถิ่น สแตมฟอร์ดบริดจ์ ซึ่งเชลซีก็ค่อยๆ  ฟอร์มดีขึ้นมาหลังจากที่พ่ายแพ้ในนัดเปิดสนาม โดยผลงานสามนัดหลังชนะรวด จึงเป็นการเจอกันที่เร็วพอสมควร แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เจอทีมใหญ่ซะให้หมด ๆ โดยเฉพาะการเป็นทีมเยือนก่อน ซึ่งจะทำให้ครึ่งฤดูกาลหลัง จะได้เป็นฝ่ายเจ้าบ้าน

ต้องยอมรับก่อนเลยว่าผลงานของอาเซน เวนเกอร์ในการเชลซีของ คอนเต้ นั้นค่อนข้างดี เจอกัน 4 ครั้งชนะไปถึง 3 และแพ้เพียงแค่นัดเดียว ถือว่าเป็นกุนซือที่แพ้ทาง เวนเกอร์พอสมควร และแผนการเล่นหลัง 3 ของอาเซน่อลในฤดูกาลนี้นั้น ก็เป็นผลจากความสำเร็จของเชลซีในฤดูกาลที่แล้ว จึงคิดที่จะเลียนแบบบ้างในปีนี้

เกมส์นี้ต้องถือว่าการวางแท็กทิคของเวนเกอร์นั้น แก้ทางมาดี สำหรับครึ่งแรก เห็นได้ชัดเจนว่าเล่นได้เหนือกว่าเชลซี มีโอกาสจบสกอร์มากกว่า เชลซีแบบชัดเจน และทำให้เกมส์ของเชลซีในครึ่งแรกนั้น ไปกันไม่ถูกเลยทีเดียว กับการขึ้นเพรสซิ่งสูง ตั้งแต่ แดนหน้า ซึ่งถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ประตูออกนำ ทั้งที่มีโอกาสหลายครั้งที่จะเป็นประตู

หลังจากจบครึ่งแรก คอนเต้ ทำการแก้เกมส์ด้วยการเพิ่ม midfeld แดนกลางเพิ่มขึ้นมา ถือว่าเป็นการแก้ tactics ที่เห็นผลอย่างชัดเจน เกมส์กลับมาเป็นของเชลซีอีกครั้ง แดนกลางที่น้อยกว่า ทำให้ อาเซน่อลไม่สามารถทำเกมส์ได้เลยในช่วงครึ่งหลัง โอกาสของเชลซี ก็เริ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะประตูกันได้

จนเห็นว่าแดนกลางเริ่มสู้ไม่ได้ เวนเกอร์เลยต้องปรับ tactics ใหม่ด้วยการ เพิ่มกองกลางเข้าไปสู้ ทำให้เกมส์ดูอึดอัดมาก เพราะแดนกลางเริ่มแน่นกันไปหมด ต่างฝ่าย ต่างทำอะไรกันไม่ได้มากนัก ถือว่าเกมส์นี้ค่อนข้างเครียดเลยทีเดียวกับ กุนซือทั้งสอง และเกมส์ก็มาถึงช่วงใกล้หมดเวลา เชลซีมาเสีย ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งโดนไล่ออกไปช่วงท้ายของเกมส์ หลังจากนั้น อาเซน่อลก็เริ่มบุกเพื่อหวังประตูชนะ แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างเหลือน้อย จึงไม่สามารถทำอะไรกันได้ เสมอกันไป 0-0 ซึ่งเป็นผลที่ถือว่าแฟร์กับทั้งสองทีม ที่เล่นกันได้พอ ๆ กัน โดยแลกหมัดกันด้วย tactics ของกุนซือล้วน ๆ ในเกมส์นี้

จากเกมส์นี้เราจะได้เห็นถึงความสำคัญของ tactics ที่มีต่อเกมส์ได้อย่างชัดเจนเลย ว่า การปรับเปลี่ยนผู้เล่น ปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้เกมส์สามารถเปลี่ยนโมเมนตัมได้อย่างชัดเจน ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ไม่ขี้เหร่ เท่าไหร่กับเกมส์นี้ของอาเซน เวนเกอร์ แต่ทีมนำเริ่มจะทิ้งห่างออกไปอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ก็ต้องขอเอาใจช่วยทีมให้รีบเก็บแต้มไล่ตามผู้นำ เพื่อไม่ให้หมดลุ้นแชมป์รวดเร็วเกินไป

4 ปีของ Ozil

ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ในคือปิดตลาดนักเตะของ ฤดูกาล 2013/2014 ต้องยอมรับว่าถึงกับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว สำหรับแฟนทีมอาเซน่อลในคืนนั้น เมื่อทีมกำลังมีข่าวใกล้เซ็นสัญญากับ Ozil Playmaker world class จากทีม Real Madrid ในขณะนั้น  ต้องลองจินตนาการไปในฤดูกาลดังกล่าว ที่ค่าตัวนักเตะยังไม่เฟ้อเหมือนอย่างปัจจุบัน ค่าตัวของ Ozil ในขณะนั้น 42.5 ล้านปอนด์ ถ้าจำไม่ผิด ถือว่าเป็นการลงทุนที่เซอร์ไพรซ์ แฟน อาเซน่อลทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ต่างคนต่างเฝ้ารอการชู้เสื้อของ Ozil จนแทบไม่ได้นอนในคืนนั้น

เมื่อมีข่าว official การเซ็นสัญญากับ Ozil แฟนบอลทั่วโลกต่างดีใจว่าสามารถดึง superstar ระดับโลกเข้ามาร่วมทีมได้สำเร็จ มีการฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นวันนึงที่มีความสุขที่สุด ตั้งแต่ เชียร์อาเซน่อลมาเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นสถานะ Ozil นั้นเป็นนักเตะระดับ World class แล้ว แม้กระทั่งแฟนทีม Real Madrid ยังอาลัยอาวร กับการจากไปของ Ozil ในฤดูกาลนั้น

ที่สะใจเข้าไปกว่านั้นคือการที่ทีมคู่รัก คู่แค้นร่วมเมืองอย่าง สเปอร์ ก็ต้องเสียตัวนักเตะซุปเปอร์สตาร์ของทีม อย่าง เกเร็ธ เบล ไปให้กับ Madrid ซึ่งก็เป็นเหตุผลนึงที่ Real Madrid นั้นต้องทำการปล่อยตัว Ozil ออกมา

จำได้ว่าตอนมานัดแรก ก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลย สำหรับการทำ Assist ตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม ตอนนั้นจินตนาการได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาเซน่อลกำลังจะกลับมาเลยทีเดียว และฟอร์มในช่วงแรกในฤดูกาลนั้น ก็สามารถ นำขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้ช่วงคริสมาสต์ เลยก็ว่าได้

แต่แล้วความจริงก็คือความจริง การเจอกับทีมใหญ่ในปีนั้น ทีมแทบจะไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย รวมถึงการแพ้อย่างมโหฬาร กับทีมอย่าง แมนซิตี้ เชลซี รวมถึง ลิเวอร์พูล ที่เป็น score ที่แพ้แบบขาดมาก จนอันดับคะแนนร่วงหล่นมาเรื่อย ๆ จนปลายฤดูกาลก็เข้าสู่ฟอร์มเดิม คือ เข้าป้ายอันดับ 4 คว้าโควต้าแชมเปี้ยนลีคไปอย่างเฉียดฉิว แต่ก็ได้แชมป์แรกในรอบหลาย ๆ ปีอย่าง FA Cup ก็ถือว่าได้ปลอบใจแฟน ๆ ที่ร้างราราการเป็นแชมป์มานานแสนนาน

Ozil นั้น มาพีค ที่สุดตอนฤดูกาล 2015/2016 คือเป็น Top Goal Assist ได้ในปีนั้น และเป็นปีที่น่าเสียดายที่สุดของแฟนอาเซน่อลเลยก็ว่า ทุกทีมใหญ่ต่างหลุดฟอร์มกันไปหมด แต่กลายเป็นทีมม้ามืดอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มาปาดหน้าคว้าแชมป์ไปซะอย่างงั้น โดยอาเซน่อล จบด้วยอับดับ 2 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในรอบหลายปีหลังเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ท้งที่ปัจจัยหลาย ๆ อย่างเอื้ออำนวยให้ทีมเป็นอย่างมากในปีนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ต้องจบฤดูกาลโดยไม่ได้แชมป์แบบไม่น่าให้อภัยเลยก็ว่าได้

ต้องยอมรับว่าผ่านมา 4 ปีนั้น ทำให้ผมเป็นแฟนตัวยงของ โอซิล ทั้งในนามทีมชาติ และ สโมสร โดยในทีมชาตินั้น ก็ช่วยลุ้น ทำให้คว้าแชมป์โลกในปี 2014 ไปได้ แม้เจ้าตัวจะฟอร์มไม่ดีนัก แต่เนื่องจากขุมกำลังของ เยอรมันยุคนั้น แทบจะสมบูรณ์แบบ ทำให้คว้าแชมป์โลกไปได้ หลังจากห่างหายไปตั้งแต่ปี 1990 ที่ได้แชมป์ครั้งล่าสุด

ส่วนตัวคิดว่า Ozil นั้นเล่นเต็มที่ทุกเกมส์อยู่แล้ว แต่หลาย ๆ องค์ประกอบไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้กับ Ozil ยามที่มาใส่เสื้ออาเซน่อล ทั้งคุณภาพนักเตะ ที่เกรดต่ำกว่าตอนอยู่ Real Madrid เยอะ ทำให้การเล่นพลอยสะดุดไปด้วย เนื่องจากต้องมาเล่นเกมส์รับมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าแกยังไม่ค่อยถนัดมาเล่นเกมส์รับซักเท่าไหร่ จากที่เห็นได้ในหลาย ๆ เกมส์  Ozil นั้นเหมาะสำหรับการทำเกมส์รุกแบบ อิสระ เสรี อยูด้านมากกว่า ควรมีมิดฟิลด์ ที่มาคอย ทำหน้าที่เกมส์รับอย่างสมบูรณ์ Ozil ถึงจะเล่นได้ดีในหลาย ๆ เกมส์ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นจุดอ่อนจุดนึงของอาเซน่อล รวมถึง กองหน้า ที่ไม่สามารถฝากผีฝากไข้ได้อย่าง ชิรูด์ ซึ่งไม่เหมาะกับ style ของ Ozil ซักเท่าไหร่ จึงทำให้เขาฟอร์ม drop ลงไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลัง ๆ บางทีดูแล้วก็อึดอัดเหมือนกันทั้งที่ Skill ของ Ozil ควรจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่เหมือนเค้ายังไม่ได้รีดเอาประสิทธิภาพของ Ozil ออกมากได้ทั้งหมด อาจจะเป็น เพราะ tactic หรือ เพื่อนร่วมทีมที่ยังไม่พร้อม

สำหรับ 4 ปีที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่า Ozil ก็ได้ทำให้แฟนบอลอาเซน่อล มีความสุข ทั้ง แชมป์ FA Cup ถึง 3 ครั้งในรอบ 4 ปี ก็ต้องขอบคุณ Ozil ที่ทำให้เราได้ฉลองความสำเร็จเหมือนทีมอื่นๆ  ได้บ้าง หลังจากที่ร้างรา มานานแสนนาน ขาดแค่เพียงอย่างเดียวก็คือ แชมป์ลีก ซึ่งหากทำได้ก็ถือว่าสมบูรณ์แบบ ปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็น Ozil ในสีเสื้ออาเซน่อลแล้วก็ว่าได้ เพราะดูแล้ว หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างงี้ Ozil คงเลือกไม่ต่อสัญญาอย่างแน่นอน ก็เหลือเพียงได้ลุ้น ว่าปีนี้ Ozil จะส่งท้ายด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีคได้หรือไม่ ก็ต้องคอยตามเชียร์กันต่อไปสำหรับฤดูกาลนี้ ถึงแม้จะดูแล้วยาก แต่ก็เพียงแค่เริ่มต้นฤดูกาล เราก็ยังสามารถที่จะลุ้นได้ต่อไป เชื่อว่ามันยังมีโอกาสหากทีมเรากลับมาสามัคคีแล้วเล่นกันให้เต็มที่ในฤดูกาลสุดท้ายของ Ozil

เมื่อคนไม่มีใจ จะรั้งไว้ทำไม

ผ่าน transfer deadline มาได้แบบไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี คือ อาเซน่อล ไม่ได้ขาย alexis ออกไป เก็บไว้ใช้งานต่ออีก 1 ปี ซึ่งปีหน้าก็จะหมดสํญญากับทีมอย่างเป็นทางการ

ไม่รู้ว่าทำไมช่วงหลังนโยบาลของทีมเริ่มแปลก ๆ กับการต่อสัญญานักเตะ ที่ไม่ยอมต่อสัญญาตั้งแต่เนิ่น ๆ รอกันจนใกล้หมดสัญญาแทบจะทุกคน ซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีกับทีมเลย เพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางในอนาคตของทีมได้เลย ไล่ดูตํวอย่างตั้งแต่ การเสีย oxlade chamberlain ออกไป ก็เนืองจากการปล่อยให้เป็นสัญญาปีสุดท้าย ซึ่ง ปีหน้าก็จะกลายเป็นฟรี ก็ต้องยอมขายออกไปให้ liverpool ซึ่งถือว่าได้เงินมาพอสมควร แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้มันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้

กับซุปเปอร์สตาร์ทั้งสองของทีม อย่าง โอซิล และ ซานเชส นั้น   สำหรับโอซิล ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะต่อสัญญาออกไปแต่อย่างใด ส่วน ซานเชส นั้นไม่ต้องพูดถึง แทบจะหมดใจให้กับทีมไปแล้ว ดูจากการแสดงออกทางสีหน้าและแววตาในเกมส์ล่าสุดที่เจอกับ ลิเวอร์พูลนั้น แทบจะไม่มีใจอยู่กับทีมไปแล้ว

เนื่องจากปีนี้ทีมเราไม่ได้เข้าไปเล่นแชมเปี้ยนลีค ซึ่งดูจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของซานเชส เลยก็ว่าได้เนื่องจากเค้ายังไม่เคยได้แชมป์ถ้วยใบนี้เลย ถึงแม้จะอยู่ในทีมของเป๊ป ในชุดบาร์เซโลน่า แต่ก็ไม่ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์นี้แม้แต่ครั้งเดียว

ก็ไม่รู็ว่าปีนี้ฟอร์มของ ซานเชส นั้นจะเป็นอย่างไร หลังจากผิดหวังที่ไม่ได้ย้ายทีม ซึ่งคิดว่าเจ้าตัวคงผิดหวังเป็นอย่างมากอย่างแน่นอน ที่ไม่ได้ย้ายไปร่วมทีม แมน ซิตี้ ในตลาดซื้อขายรอบนี้ ซึ่งดูเจ้าตัวจะหวังไว้มากกับการย้ายทีมครั้งนี้ แต่ก็เจอคาถา ปฏิเสธลูกเดียวของเวนเกอร์เข้าไป จึงคิดว่า ซานเชส จึงไม่พอใจ เวนเกอร์อยู่พอสมควรกับการรั้งเค้าไว้แบบนี้ แต่ยังไงก็คงต้องเก็บไว้ และคงไม่มีการต่อสัญญากับทีมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะให้ค่าเหนื่อยมากมายขนาดไหน สภาพทีมตอนนี้จึงแย่พอสมควร ทำให้สภาพจิตใจ ของเพื่อนร่วมทีมนั้น พลอยแย่ไปด้วย เพราะไม่มีความชัดเจนจากสโมสรแต่อย่างใด

สำหรับส่วนตัวนั้น คิดว่าควรขายมากกว่า เพราะนักเตะที่เหลือสัญญาปีเดียวแบบนี้ และสภาพทีมขณะนี้ คงไมมีทางโน้มน้าวให้ต่อสัญญาได้อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าเวนเกอร์กำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน กับสถานการณ์ของทีมในตอนนี้ ที่ดูจะย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ ทั้งผลงานในสนาม และ เรื่องการบริหารจัดการนอกสนาม

สำหรับ โอซิลนั้น หากยังไม่ต่อในเร็ว ๆ นี้ คิดว่าปีหน้าคงไปแน่นอน เพราะมีหลายทีมอยากได้ตัวไปร่วมทีม และสามารถไปลุ้นแชมป์ได้ดีกว่ามาอยู่ดักดานกับทีมอย่าง อาเซน่อลในสภาพปัจจุบันที่ดูเป็นทีมที่ไร้อนาคตสิ้นดี

Image Ref : www.joe.co.uk

เมื่อแฟนบอลเริ่มหมดศรัทธา

ผ่านเกมส์ถือได้ว่าทำร้ายจิตใจแฟนบอลมากที่สุด ในรอบหลายปีเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับผลงานการลิเวอร์พูลในนัดล่าสุดที่แพ้อย่างหมดสภาพ 4-0

ผมในฐานะแฟนบอลอาเซน่อล ที่เชียร์มาก็ค่อนข้างนาน ไม่เคยรู้สึกถึงความหดหู่ และสิ้นหวังได้เหมือนเกม เกมนี้ ทุกอย่างมันบรรจบกันหมด เป็นการพ่ายแพ้แบบหมดรูป สู้ไม่ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ แทคทิค ยัน โค้ช ซึ่งต้องยอมรับการทำทีมสไตล์ของ เจอร์เกน คลอป ว่าทำได้ดุดันดั่ง style heavy metal ที่เค้าชอบจนผลงานเริ่มจะปรากฏในปีนี้

หลายปีที่ผ่านมาอาจจะมีเกมส์ที่ทีมแพ้แบบหลุดลุ่ย หลายเกมส์ มาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีใจสู้ มีการสู้เพื่อเอาประตูคืน ซึ่งแฟนบอลก็ยังพอรับได้ เพราะได้สู้เต็มที่แล้ว แต่ความศรัทธามันคงได้เริ่มหมดลงหลังจากเกมนี้ ทุกอย่างมันผิดพลาดตั้งแต่การวางตัวผู้เล่น ทุกอย่างมั่วไปหมด แบ๊คขวา ไปเล่นซ้าย กองหน้าซื้อมาใหม่ ไม่ให้ลง รวมถึงกองหลังเด็กอ่อนอย่าง Rob Holding ที่เกรดยังไม่ถึงระดับ premier league ด้วยซ้ำ เอามาลงตัวจริงและต้องมาเจอ จรวดทางเรียบทั้งสองข้างอย่าง มาเน่ และ ซาล่า ซึ่งโดนพาทัวร์แทบทั้งเกมส์ จนเสียคน

ไหนจะแผนการเล่นที่หลังจากปลายปีที่แล้ว ปรับมาเล่นหลัง 3 ซึ่งเหมือนจะดี แต่ดูจากผลงานนัดหลัง ๆ จะรู้ว่า แผนนี้ทำให้กองหลังรั่วมาก ๆ โอกาสหลุดเข้าไปยิงของลิเวอร์พูลนับ สิบ ดีที่มี ปีเตอร์ เชค ช่วยเซฟไว้หลายหน จึงทำให้ไม่ได้โดนถล่มไปมากกว่านี้ แผนนี้ จะเห็นได้ว่านักเตะหลายคนเล่นไม่ออกเลย ทั้ง โอซิล  อเล็กซิส ที่เป็นตัวหลัก ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกับแผนนี้เท่าไหร่ เพราะต้องมาช่วยรับด้วยตลอดเวลา มันเป็นแผนที่ไม่เหมาะกับทีมเราอย่างยิ่ง แต่ยังงงว่าทำไม เวนเกอร์ ก็ยังดื้อด้านใช้อยู่ จากความมั่นใจผิด ๆ ในปลายปีที่แล้ว

ปัญหาการซื้อตัวผู้เล่น รวมถึงการต่อสัญญานักเตะ ที่ยังไม่เคลียร์ซักราย ยังไม่รู้ว่าอนาคต จะเอายังไงกันแน่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปล่อยให้มันคาราคาซัง ขนาดนี้ นักเตะก็ไม่ได้โฟกัส กับการแข่งขัน เพราะ อนาคตยังไม่แน่นอน รวมถึงการซื้อนักเตะใหม่ ที่เอาจริง ๆ ได้มาแค่ตัวเดียวเท่านั้น คือ ลากาแซตต์ หากหันไปมองทีมลุ้นแชมป์รอบข้างที่ทุ่มซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้แฟนบอลก็รู้สึกหมดศรัทธากับทั้งผู้จัดการ รวมถึง ผู้บริหารสโมสรที่เอาแต่เงิน อาเซน่อลเป็นทีมที่ทำกำไรจากธุรกิจได้แทบจะอันดับต้น ๆ ของโลก ค่าตั๋วเข้าสนามที่แพงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ให้ผลงานแค่นี้ต้องถือว่าน่าผิดหวังมาก ๆ สำหรับแฟนอาเซน่อล

ตอนนี้ก็หวังอย่างเดียวว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงซักที ทั้งเจ้าของสโมสร รวมถึง ผู้จัดการทีม ควรจะยกเครื่องใหม่แบบยกชุด อยากได้เจ้าของที่รักสโมสรจริง เหมือนเสี่ยหมีของเชลซี ที่พร้อมจะทุ่มทรัพยากรให้กับทีมทุก ๆ ปีเพื่อให้ได้ลุ้นแชมป์ จนในที่สุดจำนวนแชมป์ พรีเมียร์ลีค ก็แซงอาเซน่อลจนสำเร็จ ซึ่งผู้บริหารทีมเราควรจะดูเป็นแบบอย่างว่าคนที่รักฟุตบอลนั้นเค้าพร้อมที่จะทุ่มให้ทุกอย่างเพื่อความสุขของแฟนบอล

Image Ref :  paininthearsenal.com