The Innovators ตอนที่ 5 : Thomas Edison vs Nikola Tesla

สถานการณ์หลังจากการนองเลือดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึงของโรงงานอุตสาหกรรมในอเมริกา มันทำให้ตอนนี้ Carnegie อยู่ในสภาพหลังพิงฝา มันทำให้ อาณาจักรเหล็กกล้าของเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งมันคือความพยายามที่เขาอุตส่าห์สร้างมาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้มันกำลังจะพังทลายลง

ด้วยความหวังที่เขาจะได้กู้ชื่อเสียงกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ทำให้ Carnegie ต้องรีบเดินทางกลับจากสก็อตแลนด์ และตรงไปยังเมืองพิตต์สเบิร์ก ทันที

แม้เฮนรี่ ฟลิกซ์ จะรอดจากการถูกลอบสังหารมาได้ ทำให้เพียงไม่กี่วันหลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเขาก็ได้กลับเข้าไปทำงานที่ Carnegie Steel อีกครั้ง พร้อมกับความแค้นอย่างเต็มเปี่ยม ที่เขาได้ถูกลอบสังหารจากกลุ่ม Anarchy แต่ Carnegie นั้นรู้ดีว่ามันเป็นเพราะที่เขาอนุญาติให้ เฮนรี่ ฟลิกซ์ ทำทุกอย่าง เหตุการณ์มันจึงบานปลายจนกลายเป็นการนองเลือด

มันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Carnegie กับ ฟลิกซ์นั้นแย่ลงทันที และมันถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงแล้วเสียที ฟลิกซ์นั้นปฏิเสธที่จะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอ้างว่า Carnegie เองนั้นก็เป็นเบื้องหลังของการตัดสินใจดังกล่าว

แต่ตอนนี้สิ่งที่ท้าทายที่สุดของ Carnegie ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาภายในอีกแล้ว ตอนนี้ภัยคุกคามใหม่จากภายนอกกำลังเกิดขึ้น J.P Morgan เป็นนักการธนาคาร ที่ร่ำรวยขึ้นมาจากการเข้าไปในอุตสาหกรรมที่มีปัญหา 

และทำการซื้อบริษัทที่ใกล้จะล้มเต็มที แล้วมาบริหารงานใหม่ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรอีกครั้ง เขาเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตของสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการการเงินในประเทศอเมริกา

Morgan นั้นได้เข้าซื้อหลายบริษัทของอุตสาหกรรมรถไฟที่มีปัญหา  และทำให้มันมีกำไรอีกครั้ง ด้วยการกำจัดคู่แข่งที่ไม่จำเป็นออกไป  J.P Morgan นั้นมีความสามารถอย่างยอดเยี่ยมในการเข้าซื้อคู่แข่งที่กำลังแข่งขันกัน โดยจะเป็นการเข้าไปยื่นข้อเสนอเพื่อให้ทุกฝ่ายยุติการแข่งขันลง มันทำให้เขานั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ 

J.P Morgan พ่อมดทางการเงิน
J.P Morgan พ่อมดทางการเงิน

ตอนนี้ Andrew Carnegie เริ่มที่จะหวาดกลัวว่าเขาจะเป็นเป้าหมายต่อไปของ Morgan เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก เขาจึงได้ทำการยกเลิกสัญญากับ เฮนรี่ ฟลิกซ์ ทันทีเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันบานปลายไปมากกว่านี้

หลังจากนั้น Carnegie ก็ได้เริ่มพยายามที่จะฟื้นฟูกิจการเหล็กกล้าของเขาให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ขณะที่ในอีกฝั่งหนึ่ง J.P Morgan ก็ยังคงมองหาบริษัทที่กำลังจะล้ม โดยใช้ทรัพย์สินจากบิดาของเขาที่ได้สร้างไว้

Junius Morgan ผู้ซึ่งเป็นบิดาของ J.P Morgan นั้น เป็นผู้ก่อตั้งหนึ่งในธนาคารเพื่อการลงทุนในสมัยใหม่แห่งแรกของอเมริกา  ซึ่งได้สร้างอาณาจักรทางการเงิน ซึ่งภายหลังได้ถูกเรียกว่า House of Morgan ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาถึง J.P Morgan นั้นมองว่าอุตสาหกรรมทางด้านการเงินนั้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่ J.P Morgan ยังเป็นเด็ก เขาได้ถูกสั่งสอนจากบิดาของเขาว่า วิธีการเดียวที่จะทำธุรกิจ นั่นคือการลงทุนด้วยเงินของคนอื่น เพื่อที่จะสร้างผลกำไรให้กับตัวเอง 

Junius Morgan นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบควบคุมทุกสิ่ง แม้กระทั่งลูกของตัวเอง มันทำให้ J.P Morgan ไม่เคยถูกละสายต่อจากบิดาของเขาเลย ตั้งแต่เยาว์วัย แม้จะทำให้ ตัว J.P Morgan นั้นรู้สึกอึดอัด แต่มันเป็นการสั่งสมประสบการณ์มาให้เขาตั้งแต่เยาว์วัย

จนเมื่ออายุได้ 40 ปี  J.P Morgan เริ่มคิดที่จะสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา และมันเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเริ่มมีปัญหากับ บิดาของเขาอย่าง Junius Morgan เขาเริ่มคิดว่าเขามีดีพอที่จะสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง และคิดว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่าบิดาของเขาด้วยซ้ำ

เขาไม่ได้แค่เพียงต้องการที่จะซื้อธุรกิจต่าง ๆ เท่านั้น แต่เขายังต้องการสร้างธุรกิจจริง ๆ ขึ้นมาด้วยที่ไม่ใช่แค่เพียงด้านการเงิน ด้วยตัวของเขาเอง เขาเห็นตัวอย่างทั้งจาก Andrew Carnegie และ John D.Rockefeller พวกเขาเหล่านี้สร้างอาณาจักรขึ้นมาโดยเริ่มต้นจากการที่ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาอยากจะเป็นรายถัดไปที่ทำได้

ซึ่งการที่จะได้เช่นนั้น J.P Morgan ต้องทำการค้นหานวัตกรรมใหม่ที่จะมาช่วยเขาได้ เขาได้เริ่มควานหาไปทั่วประเทศ จนไปเจอหนึ่งในนักประดิษฐ์ที่โด่งดังที่สุดในโลก นั่นก็คือ  Thomas Edison

Morgan มาพบกับนักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกอย่าง Thomas Edison
Morgan มาพบกับนักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกอย่าง Thomas Edison

Thomas Edison นั้นเป็นนักประดิษฐ์และคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้โด่งดังขึ้นมาตั้งแต่สมัยอายุยังน้อย เขาเริ่มสร้างชื่อด้วยการทำให้โทรเลขสมบูรณ์แบบ ก่อนที่จะหันมาประดิษฐ์เครื่องบอกราคาหุ้น และเครื่องเล่นจานเสียง ซึ่งตลอดชีวิตของเขา เขาได้จดสิทธิบัตรไปกว่า 1,000 ฉบับ

และเมื่ออายุครบ 31 ปี Thomas Edison กำลังจะได้พบกับนวัตกรรม ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา มันเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของชาวอเมริกา และ ชาวโลกไปตลอดกาล 

Edison นั้นมีความสามารถในการมองสิ่งต่าง ๆ และหาทางพัฒนามันขึ้นมา ในแบบที่ไม่มีใครที่จะคิดว่าจะใช้ประโยชน์ จากมันได้ มันมีสิ่งประดิษฐ์หนึ่งที่เตะตา J.P Morgan สิ่ง ๆ นั้นคือ หลอดไฟ และไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานของมัน

หลอดไฟ และไฟฟ้า สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล
หลอดไฟ และไฟฟ้า สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

แสงสว่างจากไฟฟ้า กำลังจะมาปฏิวัติโลก มันกำลังจะมาเปลี่ยนความเป็นอยู่ของมนุษย์ไปตลอดกาล J.P Morgan เล็งเห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยี ที่จะเป็นนวัตกรรมครั้งใหม่นี้ และมันถึงโอกาสของเขาที่จะได้สร้างตำนานบทใหม่ขึ้น แบบที่ Rockefeller หรือ Carnegie เคยทำได้สำเร็จมาแล้ว

คนส่วนใหญ่นั้นจะยุ่งอยู่กับการมองโลกภายนอก แทนที่จะหันมามองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว  ในฐานะนักลงทุนแล้ว ถ้ามองกลับมาอาจจะพบกับบางสิ่งที่ประชาชนต้องการ  แต่นั่นก็ต่อเมื่อนักลงทุนเหล่านี้มีความกล้าที่จะสนับสนุนมัน หรือสร้างมันขึ้นมา ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ J.P Morgan ได้ลงมือทำ

 Morgan ได้พิจารณาที่จะลงทุนในบริษัทของ Thomas Edison ในหลอดไฟที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ เขาจึงได้ทดสอบด้วยการจ้าง Edison ไปติดหลอดไฟที่บ้านของเขา ในนิวยอร์ก 

บางครั้งนั้นการที่จะทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อะไรก็ตาม มันก็ต้องทดลองด้วยตัวเองก่อน หลอดไฟนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ ในสมัยนั้น การที่จะขายให้ผู้อื่นได้นั้น J.P Morgan ก็ต้องทดลองด้วยตัวเองก่อนว่ามันดีจริง และไม่เป็นอันตราย 

บ้านของ J.P Morgan จึงได้กลายมาเป็นสถานที่ทดลองให้กับ Thomas Edison ในการทดลองไฟฟ้า Edison ได้ติดตั้งเครื่องปั่นไฟเล็ก ๆ ไว้ในบ้านของ Morgan เขาได้เดินสายไฟกว่า 4,000 ฟุต ไปรอบบ้านของ Morgan และติดตั้งหลอดไฟที่ใช้ไฟฟ้าไปเกือบ 400 ดวง 

หลังจากที่ได้ลองผิดลองถูกอยู่หลายเดือน ในที่สุดบ้านหลังนี้ ก็พร้อมแล้วที่จะถูกแสดงให้สาธารณชนได้เชยชม มันเป็นเทคนิคการขายที่สร้างสรรค์มาก Morgan ได้เชิญชวนเหล่าเพื่อน ๆ ของเขา รวมถึงบิดาของเขาเพื่อมาชมความมหัศจรรย์ของแสงสว่างจากไฟฟ้าเป็นครั้งแรก และมันจะทำให้เขาและ Edison ขึ้นไปอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมใหม่

มันทำให้หลาย ๆ คนที่เข้ามาชมถึงกับอึ้ง คิดว่ามันเป็นมายากลด้วยซ้ำ เพราะคนเหล่านี้ต่างไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง และที่สำคัญไฟฟ้า เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นอีกด้วย มันยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตะลึงกับนวัตกรรมใหม่ชิ้นนี้เป็นอย่างมาก

มันเป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ทุก ๆ คนที่เข้ามาต่างอยากได้ไฟฟ้ามาติดที่บ้าน และเพียงไม่นาน ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนชั้นสูงในประเทศ ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่ง John D.Rockefeller 

แสงไฟส่องสว่างทั่วนิวยอร์ก มันเป็นภัยคุกคามใหม่ของ Rockefeller
แสงไฟส่องสว่างทั่วนิวยอร์ก มันเป็นภัยคุกคามใหม่ของ Rockefeller

Rockefeller กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศอเมริกา เนื่องมาจากการขายน้ำมันให้เหล่าผู้คนจุดตะเกียงโดยใช้น้ำมันก๊าซ ไฟฟ้ามันกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแล้ว เขารู้ดีว่า ไฟฟ้ามันมีศักยภาพพอที่จะมาแทนน้ำมันก๊าซ แหล่งรายได้หลักของเขาได้ หากได้รับความนิยม

ถึงตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว ที่ J.P Morgan จะได้เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกคนใหม่ เหมือนอย่างที่ Carnegie และ Rockefeller ทำได้สำเร็จ เขามั่นใจว่าไฟฟ้า จะเป็นอนาคตใหม่ของชาวอเมริกา รวมถึงชาวโลก

สำหรับ J.P Morgan แล้วนั้น โอกาสแบบนี้มันแทบจะไม่มีอีกแล้ว มันคุ้มที่จะเสี่ยงเป็นอย่างมาก เขาจึงได้ทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้กับไฟฟ้า แม้บิดาเขาจะเตือนว่ามันเป็นธุรกิจที่เสี่ยงก็ตาม แต่เขาก็ต้องยอมขัดใจบิดาของเขา แม้มันจะยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง

มันไม่มีความสำเร็จอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง มันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ หรือ นักธุรกิจชั้นยอด นั้นมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ทั่วไป โดย Morgan ได้ให้เงินแก่ Edison กว่า 22 ล้านเหรียญ (เทียบกับค่าเงินปัจจุบัน) และได้เริ่มสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมาในชื่อ บริษัท Edison Electric Light

มันเป็นความเสี่ยงครั้งสำคัญของ Morgan มันเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ยังไม่มีความแน่นอน แต่ Morgan กลับมาว่ามันเป็นโอกาส ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครมองเห็นมัน 

Edison ได้สร้างโรงปั่นไฟฟ้ากลางแห่งแรกของโลกขึ้นมาในเมืองนิวยอร์ก มันเป็นนวัตกรรมที่ไฮเทค เป็นอย่างมาก มันประกอบด้วยเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้านหลายพันหลังทั่วเมืองนิวยอร์ก

โรงปั่นไฟแห่งแรกในเมืองนิวยอร์ก
โรงปั่นไฟแห่งแรกในเมืองนิวยอร์ก

อนาคตของไฟฟ้านั้นมันไม่ใช่แค่เป็นเพียงแค่แสงสว่างเท่านั้น แต่มันคือพลังงาน ที่สามารถส่งออกไปได้ในระยะไกล ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อนของโลกเรา คนงานของ Edison ต้องทำงานข้ามวันข้ามคืน เพื่อสร้างเครือข่ายการส่งไฟฟ้าขึ้นมา โดยส่งผ่านทางใต้ดิน พวกเขาต้องวางเส้นลวดทองแดงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 1,000 ฟุต เพื่อเชื่อมโรงไฟฟ้าของ Edison เข้ากับบ้านเรือน รวมถึงแหล่งธุรกิจมากมายทั่วเมืองนิวยอร์ก

ซึ่งโรงไฟฟ้า ของ Edison นี่เองที่เป็นต้นแบบของการจ่ายไฟฟ้าในอเมริกา Edison ไม่เคยทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับสิ่งประดิษฐ์เท่าไฟฟ้าครั้งนี้ และในที่สุดมันก็สำเร็จ โรงไฟฟ้าของ Edison ได้ถูกขับเคลื่อน และมันเริ่มต้นสู่ยุคใหม่ของมนุษยชาติอย่างเต็มตัว ทั้งเมืองกำลังสว่างสไวขึ้นมาเป็นครั้งแรก

และไม่นานโรงจ่ายไฟของ Edison ก็ได้ครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งนึงของเมืองแมนฮัตตัน แม้กระทั่งไฟข้างถนนก็เริ่มหันมาใช้ไฟฟ้า และบ้านเมืองทั่วทั้งนิวยอร์ก ก็กำลังสว่างไปด้วยไฟฟ้า 

ณ ตอนนี้ J.P Morgan และ Thomas Edison กำลังจะพบกับความมั่งคั่งครั้งใหม่ แต่มันเป็นข่าวร้ายของผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของอเมริกาอย่าง Rockefeller ยังไม่มีใครสามารถโค่น Rockefeller ลงไปได้

เมื่อโรงจ่ายไฟฟ้าของ Edison เริ่มขยายตัวจนครอบคลุมพื้นที่เพิ่มมากขึ้น มันก็ทำให้ Rockefeller เริ่มตระหนักว่า อาณาจักรน้ำมันก๊าซ ของเขานั้นเริ่มตกอยู่ในความเสี่ยง บ้านทุกหลังที่ Edison เดินสายไฟให้ มันหมายถึง ลูกค้าที่ต้องเสียไปสำหรับ Rockefeller และมันเริ่มแพร่กระจายไปยังวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ 

Rockefeller จึงต้องเริ่มกลยุทธ์ป้ายสีครั้งสำคัญต่อตลาดไฟฟ้า  ด้วยการป่าวประกาศว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่อันตราย มันอาจจะทำให้คนตายได้ เขาได้เริ่มเตือนประชาชนเกี่ยวกับไฟดูด และไฟไหม้ที่ยากต่อการควบคุม 

Rockefeller นั้นรู้ดีว่า หากเขาทำให้ประชาชนกลัวได้ มันก็จะทำให้น้ำมันก๊าซยังเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญต่อประชาชนต่อไป ในการให้แสงส่องสว่างอยู่ แต่ Rockefeller กำลังจะกลายเป็นแค่ปัญหาเล็ก ๆ สำหรับ J.P Morgan เพราะคู่แข่งรายใหม่กำลังปรากฏขึ้น

สงครามสำหรับอนาคตของไฟฟ้า กำลังจะประทุขึ้น และ J.P Morgan กำลังจะกลายเป็นคนแรกที่ได้รับความเสียหายจากสงครามครั้งนี้ Edison นั้นกำลังเพิกเฉยต่อคู่แข่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการออกแบบไฟฟ้าของเขา และที่สำคัญ ชายผู้นั้นก็หนึ่งในผู้ร่วมงานใน LAB ของเขาเอง ซึ่งก็คือผู้ช่วยของเขา นิโคลา เทสลา

ผู้ช่วยที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญอย่าง นิโคลา เทสลา
ผู้ช่วยที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญอย่าง นิโคลา เทสลา

นิโคลา เทสลา นั้นสนใจไฟฟ้าตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงได้มาร่วมงานกับ Thomas Edison และเขาก็ได้นับถือ Edison เป็นอย่างมาก ซึ่งเขาได้เริ่มออกแบบระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งแตกต่างจาก ที่ Edison ได้สร้างระบบไฟฟ้ากระแสตรงขึ้นมา แต่ Edison นั้นไม่ได้สนใจกับแนวคิดนี้เลยเพราะเขาคิดว่ามันไม่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับกระแสตรงที่เขาคิดค้นขึ้น

เทสลา จึงได้ซุ่มพัฒนาระบบไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นมา และพัฒนามันอย่างต่อเนื่อง แต่มันเป็นกระแสไฟฟ้าแรงดังสูงเมื่อเทียบกับกระแสตรงของ Edison ซึ่งมีความอันตรายสูงกว่า  และที่สำคัญ Edison นั้นแทบไม่ได้ให้ความสนใจใด  ๆ เลยด้วยซ้ำ

เทสลา จึงตัดสินใจลาออกจากการทำงานกับ Edison และไปทุ่มเทพัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับด้วยตัวเอง และเริ่มมองหานักลงทุนเพื่อมาสนับสนุนแนวคิดไฟฟ้ากระแสสลับของเขา จนได้มาเจอกับ George Westinghouse ที่เป็นนักประดิษฐ์ที่หันเหมาเป็นนักลงทุน

george-westinghouse ผู้ลงทุนคนสำคัญของ นิโคลา เทสลา
george-westinghouse ผู้ลงทุนคนสำคัญของ นิโคลา เทสลา

Morgan และ Edison นั้นอาจจะทำให้นิวยอร์ก สว่างสไวขึ้นมาได้ แต่ Westinghouse และ เทสลา เชื่อว่าพลังของไฟฟ้ากระแสสลับมีประสิทธิภาพมากกว่า และพวกเขากำลังจะพิสูจน์ให้โลกได้เห็น

และมันเหมือนกับการโชว์มายากลของ Morgan และ Edison เทสลาเองนั้นก็ทำในสิ่งเดียวกัน เพื่อแสดงโชว์ ไฟฟ้ากระแสสลับ ให้เหล่าผู้ชมเห็น และพิสูจน์ให้เห็นว่า ไฟฟ้ากระแสสลับนั้นปลอดภัย  เทสลาได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อไปโชว์ไฟฟ้ากระแสสลับที่วิ่งผ่านตัวเขา มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออย่างมากในสมัยนั้น มันยิ่งกว่า การแสดงโชว์ไฟครั้งแรกของ Morgan และ Edison เสียอีก

ไฟฟ้ากระแสสลับที่วิ่งผ่านตัวเขาทำให้คนเชื่อว่ามันปลอดภัย
ไฟฟ้ากระแสสลับที่วิ่งผ่านตัวเขาทำให้คนเชื่อว่ามันปลอดภัย

และมันทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากมายทันที เขาคือยักษ์ใหญ่รายใหม่ และเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Morgan และ Edison ทันที ตอนนั้น Morgan นั้นตกอยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนทันที 

มันเริ่มเป็นศึกสงครามระหว่างขั้วของไฟฟ้ากระสลับ และ กระแสตรงทันที และสุดท้ายมันต้องเหลือรอดเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น มันทำให้ Edison เกิดความกดดันมาก ๆ ในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะไฟฟ้ากระแสสลับกำลังเริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้างอย่างรวดเร็ว

J.P Morgan นั้นเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่มีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เขามีสายตาที่แข็งกร้าว หัวจิตหัวใจที่มุ่งมั่น ที่สำคัญยังฉลาดเป็นกรด แถมยังชอบสั่งการอีกด้วย Edison จึงต้องเริ่มพิสูจน์ว่าไฟฟ้ากระแสตรงนั้นเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด และเริ่มใช้กลยุทธสกปรกในการโจมตีไฟฟ้ากระแสสลับของ เทสลา 

มีการนำสัตว์มาทดลอง โดยให้ช็อตโดยไฟฟ้า กระแสสลับ ทำให้มีสัตว์ตายไปเป็นจำนวนมาก และเริ่มป่าวประกาศ ทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ไฟฟ้ากระแสสลับเป็นสิ่งที่อันตรายสุด ๆ ประชาชนไม่ควรใช้มันอย่างยิ่ง 

ทดลองกับสัตว์เพื่อโชว์ให้เห็นความน่ากลัวของกระแสสลับ
ทดลองกับสัตว์เพื่อโชว์ให้เห็นความน่ากลัวของกระแสสลับ

แต่มันดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความร้อนแรงของไฟฟ้ากระแสสลับของ เทสลาได้ ระหว่างที่ถูกกดดันโดย J.P Morgan อย่างรุนแรง Edison ก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งที่ถือเป็นโอกาสที่สำคัญของเขา ตอนนั้นเรือนจำของนิวยอร์กกำลังหาวิธีใหม่มาใช้แทนการแขวนคอนักโทษที่ถูกสั่งประหารชีวิต

การแควนขอ เหล่าผู้คนมองว่ามันเป็นความโหดเหี้ยม และใช้มาเนิ่นนานตั้งแต่ยุคกลางแล้ว มันเป็นสิ่งที่ไร้มนุษยธรรม และไฟฟ้าอาจจะเป็นทางเลือกใหม่ที่มีประโยชน์ก็ได้ Edison ได้ออกแบบเครื่องสังหารใหม่ ที่จะใช้กับนักโทษประหาร ที่เรียบง่าย แต่มันก้าวหน้ากว่าการแขวนคอมาก และมันจะเปลี่ยนรูปแบบการประหารชีวิตที่มีมาตั้งแต่ยุคกลางไปตลอดกาล

ต้องบอกว่าถึงตอนนี้ ศึกระหว่างสองขั้ว ไฟฟ้ากระแสตรง และ กระแสสลับนั้นกำลังถึงจุดเดือด ใครจะเป็นฝ่ายชนะได้สำเร็จ Edison หรือ เทสลา แล้วการเติบโตที่เริ่มกระจายไปวงกว้างของไฟฟ้าจะส่งผลกระทบต่อ ผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่่งของอเมริกาอย่าง Rockefeller อย่างไร Standard Oil จะถึงจุดจบเลยหรือไม่? อย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 6 : Rockefeller vs Carnegie vs Morgan

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Cornelius Vanderbilt  *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : 
https://www.biography.com/people/jp-morgan-9414735
https://en.wikipedia.org/wiki/J._P._Morgan
hhttps://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Edison
https://www.history.com/topics/inventions/thomas-edison
https://en.wikipedia.org/wiki/Nikola_Tesla
https://www.britannica.com/biography/Nikola-Tesla
https://www.history.com/shows/men-who-built-america

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol