ภาษา Basic ของ Microsoft ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม Software ในขณะนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ Gates ต้องลาออกจาการเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard เพื่อมุ่งมาที่ Microsoft แบบเต็มตัว
และเขาก็ได้ขยายทีมงานกว่าหลายสิบชีวิต เหล่าวิศวกรระดับเทพ โปรแกรมเมอร์มือฉมังมารวมตัวกันที่สำนักงานของ Microsoft พร้อมที่จะพา Microsoft พุ่งทะยานไปข้างหน้า และ Gates ก็ได้ชักชวนให้ Ballmer อดีต Roommate ของเขาที่ Harvard มาช่วยกับขับเคลื่อนธุรกิจ Microsoft แบบเต็มตัว เรียกได้ว่าตอนนี้ Microsoft มีกำลังพลที่พร้อมมาก ๆ ที่จะไปรบในศึกใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ Bill Gates และ Microsoft ติดตามรับฟังกันต่อได้เลยครับผม
ชายผู้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีโลก ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาของ Microsoft การที่ผู้ชายคนนึงได้ก้าวข้ามผ่านยุคการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การเกิดขึ้นของ internet การเข้าสู่โลก Social Network และ การก้าวเข้าสู่ยุคมือถืออย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
ต้องบอกว่า มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่ได้เห็นการเปลี่ยนผ่านเหล่านี้ ผ่านบริษัทตัวเองอย่าง Microsoft ทำให้ Microsoft กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ที่ผ่านมรสุมการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมามากมายได้อย่างไร Podcast Series ชุดนี้จะมานำเสนอเรื่องราวของชายที่น่าสนใจคนนี้กันครับ
จากเรื่องราวทั้งหมดของ Series ชุดนี้ จะเห็นได้ว่า Bill Gates นั้นได้มีส่วนร่วมกับ Microsoft มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง ในการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอย่างยุคของ อินเตอร์เน็ต ที่ Microsoft ก็ไม่พลาดที่จะตกกระแส แต่อย่างใด ต้องแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดอย่าง Google แต่สุดท้าย Microsoft ก็ผ่านมันมาได้
และการเข้าสู่ยุคของมือถือ นั้น น่าจะเป็นช่วงปลายของ Bill Gates ที่จะมีบทบาทกับ Microsoft แล้ว ซึ่งกลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายที่ Microsoft ใช้ต่อสู้ไม่ว่าจะแข่งขันกับคู่ต่อสู้รูปแบบใด ก็ล้วนแล้วแต่มี Bill Gates อยู่เบื้องหลังแทบจะทั้งสิ้น
Microsoft ในยุคของ Steve Balmer ผู้รับช่วงต่อจาก Bill Gate นั้นถึงแม้จะสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลอย่างต่อเนื่อง แต่ภายในองค์กรนั้นกลับเต็มไปด้วยปัญหาการเมืองและวัฒนธรรมองค์กร
ความหยิ่งผยองในความสำเร็จของ Windows และเครื่องมือต่างๆที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นได้กลับทำให้ Microsoft ไม่สามารถพัฒนา “นวัตกรรม” และในที่สุดก็ได้ถูกคู่แข่งอย่าง Apple, Google, Facebook และ Amazon ก้าวขึ้นมาแซงหน้าในหลายๆด้านในที่สุด
และเมื่อเข้าสู่ยุคปลาย ของ CEO อย่าง Steve Ballmer นั้น ต้องบอกว่า เป็นช่วงขาลงที่ตกต่ำที่สุด ของ microsoft เลยก็ว่าได้ มีการก้าวเดินที่ผิดพลาดหลายอย่างในยุค Ballmber ขึ้นคุมบังเหียน ทั้งการพลาดในตลาดมือถือ ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้นำอยู่ก่อนใน Smart Phone ยุคก่อนหน้า iPhone ที่มี Windows Mobile ซึ่งถือว่าล้ำที่สุดในสมัยนั้นครองตลาดอยู่
เมื่อถึงเวลา ก็ต้องเปลี่ยนผู้นำเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่คนยุคเก่า ๆ เริ่มตามไม่ทัน ด้วยการเข้ามา Refresh Microsoft อีกครั้ง ของ สัตยา นาเดลลา ที่เปรียบเสมือนการเข้ามา Refresh องค์กรใหม่ทั้งหมด ผ่านการบริหารงานของเค้าหลังจากได้รับไม้ต่อมาจาก Steve Ballmer และ Bill Gates ที่ถึงเวลาลงจากตำแหน่งจริง ๆ เสียที
และการทิ้งผลิตภัณฑ์ Windows Phone ที่ไม่น่าจะต่อกรกับยักษ์ใหญ่ได้อีกแล้ว ที่ microsoft ทำการ take over Nokia เข้ามาในตอนแรกนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอย่างนึงของ สัตยา นาเดลลา ซึ่งมองว่า ในระยะยาว การลงทุนด้าน Windows Phone นั้นไม่น่าจะสามารถแย่งส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดอย่าง IOS และ Android ได้อีกต่อไปแล้ว การตัดขาดทุน รวมถึงการโละพนักงานออกไปเป็นจำนวนมากเป็นสิ่งที่ยากของคนระดับ CEO แต่เพื่อพยุงบริษัทในระยะยาวนั้น ต้องถือว่า เป็นการที่ตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง ของสัตยา นาเดลลา
และเราจะเห็นได้ว่า การแค่เพียงเปลี่ยนเพียงผู้นำเป็น สัตยา นาเดลลา ต้องบอกว่าเป็นการเลือกตัดสินใจที่ถูกต้องอีกครั้งนึงของ Microsoft และ Bill Gates เพราะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ทุกอย่างก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ภาพลักษณ์ของ microsoft กลับมาดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องรายได้ กำไร ความเป็นบริษัทนวัตกรรม เริ่มดึงดูดคนรุ่นใหม่กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคนตัดสินใจคนสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ก็คงต้องเป็น Bill Gates อีกนั่นเอง ที่ถึงเวลาแล้วจริง ๆ ที่เขาจะต้องลงจากตำแหน่งในการกำหนดยุทธศาสตร์ของ Microsoft เสียที เพราะมันได้ถึงเวลาแล้วที่ Microsoft จะได้ผลัดใบไปสู่ยุคใหม่ที่รุ่งโรจน์อีกครั้งนั่นเองครับผม
แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Bill Gates จาก Blog Series ชุดนี้
ต้องบอกว่าเรื่องราวของ Bill Gates นั้นได้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ในเชิงธุรกิจ ที่ Bill Gates นั้นได้ทำมาโดยตลอดในฐานะผู้วางยุทธ์ศาสตร์หลักของ Microsoft แม้จะมีการเปลี่ยนผ่าน CEO ไปยัง Steve Ballmer แต่ Bill Gates ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจทุก ๆ ครั้งของ Microsoft
Bill Gates ได้พาทั้งตัวเขาเอง และ บริษัทอย่าง Microsoft ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของบริษัททางด้านเทคโนโลยีได้สำเร็จ ด้วยฝีมือของเขาแทบจะทั้งสิ้น ต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ
Microsoft นั้นเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เป็นองค์กรที่ใหญ่ และมีอุปสรรคมากมายต่อการเติบโต ซึ่งแน่นอนว่า องค์กรใหญ่ ๆ หลาย ๆ องค์กรต้องเคยเจอ เมื่อตัวเองเติบโตไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ อีกต่อไป การขับเคลื่อนเพื่อที่จะสู้กับบริษัทเล็ก ๆ นั้นก็เป็นเรื่องยาก ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใดกับสิ่งที่ Microsoft เจอ เพราะเราเห็นบทเรียนเหล่านี้มามากมายกับบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่พวกเข้าเหล่านั้นกลับล่มสลายไปเลย แต่มันไม่ใช่กับ Microsoft
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าแม้หลาย ๆ ครั้ง Microsoft จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ลองแข่งขัน และได้เรียนรู้วิธีที่จะสู้กับบริษัทเล็ก ๆ เหล่านี้ ซึ่งสุดท้ายในปัจจุบัน เราจะเห็น Microsoft สามารถปรับตัวให้เข้ากับการแข่งขันในธุรกิจยุคใหม่ได้ในที่สุด ไม่ได้ล้มหายตายจากเหมือนยักษ์ใหญ่บริษัทอื่น ๆ และสามารถก้าวอย่างมั่นคงมาจวบจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ
ในเมื่อมีการประกาศอย่างชัดเจนจาก Bill Gates และ Microsoft ว่า google คือ ศัตรูหมายเลขหนึ่งที่กำลังจะรุกรานธุรกิจต่าง ๆ ของ Microsoft และในโลกของ Search Engine นั้นดูเหมือนว่า Microsoft จะเพลี่ยงพล้ำให้กับ google ไปเสียแล้ว ทางเลือกใหม่ของ Microsoft จึงเป็นการหาพันธมิตรใหม่ในโลกออนไลน์แทน
และแน่นอนว่าบริการใดที่เป็นที่นิยมในโลกอินเตอร์เน็ต บริการนั้นก็ถือเป็นภัยคุกคามของ google เช่นเดียวกัน เมื่อเข้าสู่ปี 2007 บริการ Social Network น้องใหม่อย่าง facebook เริ่มปรากฏกายออกมาเป็นภัยคุกคุมใหม่ของ google
google ที่เคยเป็นพี่ใหญ่คอยสอดส่องไปทั่วทั้งระบบ internet เริ่มรู้สึกหงุดหงิด เพราะเนื้อหาใน facebook นั้น google ไม่มีอำนาจที่จะเข้าถึงได้ และที่สำคัญมันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อเหล่าผู้คนบนโลกออนไลน์แห่แหนกันมาเล่น social network เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้ google ไม่สามารถทำการโฆษณาให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้เลย เพราะถูกกำแพงที่ facebook สร้างกั้นไว้
และดูเหมือนว่า google จะโดนกับตัวเองบ้าง เพราะตอนนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กก็มอง google เหมือนที่ google มองไปยัง Microsoft ในช่วงแรก ๆ ซึ่ง มาร์ค ก็ไม่อยากให้ facebook ถูกกลืนกินโดย google เช่นกันเดียวกัน เหมือนตอนที่ google ก็ไม่ยอมให้ Microsoft กลืนกินธุรกิจของตัวเองในช่วงแรก
และเป็นพี่ใหญ่อย่าง Microsoft นี่เอง ที่แทนที่จะสู้รบกับ google ที่สดกว่าด้วยน้ำมือตัวเอง จึงได้คิดแผนการใหม่ด้วยการ ซื้อหุ้น facebook ในปริมาณเพียง 1.6% ด้วยมูลค่ากว่า 240 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งต้องบอกว่าในขณะนั้น facebook มีผู้ใช้งานเพียงแค่ 42 ล้านคนเท่านั้น แต่นี่เป็นแผนการที่เหนือชั้นอีกครั้งของ Microsoft ที่ต้องการเตะตัดขา google ในโลกออนไลน์ ที่กำลังคิดการณ์ใหญ่ และเริ่มที่จะรุกล้ำเข้ามาที่ธุรกิจของ Microsoft มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งดีลดังกล่าวนี้ ทำให้มูลค่า facebook ในตอนนั้นพุ่งสูงขึ้นไปถึงกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญเลยทีเดียว
แม้จะเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ของ Microsoft ต่อ google แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนของ Bing นั้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ทำให้เหล่าผู้บริหารสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นตลาดในสหรัฐ หรือ ทั่วโลก ซึ่ง Bing นั้นได้ครองส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยในตลาดการค้นหา และดำเนินธุรกิจได้ด้วยอาศัยเงินทุนที่มหาศาลของ Microsoft เพียงเท่านั้น
ซึ่ง Microsoft ก็จำเป็นต้องหาทางเลือกทางอื่น เพราะรู้อยู่แล้วว่าการไปสู้กับ google แบบตรง ๆ ในโลกธุรกิจออนไลน์นั้น พวกเขาเป็นรองอย่างชัดเจน ในช่วงต้นปี 2008 Microsoft จึงได้ทำการเสนอราคาซื้อ Yahoo สูงถึง 4.5 หมื่นล้านเหรียญ เป้าหมายของ Microsoft ก็เพื่อที่จะเพิ่มอำนาจการค้นหาของบริษัท โดยการขยายธุรกิจ ซึ่งตอนนั้น Yahoo ก็ถือเป็นอันดับสองในโลกอินเตอร์เน็ต รองจาก google เพียงเท่านั้น