Netflix, iPhone และ Facebook กับคำทำนายที่น่าทึ่งของ Bill Gates เมื่อ 25 ปีที่แล้ว

ในปี 1995 Bill Gates ซึ่งเป็นซีอีโอของ บริษัท ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง Microsoft ได้ทำการคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคตที่มนุษย์เราทุกคนกำลังเจออยู่ในยุคปัจจุบันนี้

การคาดการณ์เหล่านี้แม้หลาย ๆ สิ่งอาจจะไม่ได้เป็นไปในสิ่งที่ Gates คิดนัก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง 25 ปีต่อมาหนังสือเล่มใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในปีหน้า เขาได้มองย้อนกลับไปที่การคาดการณ์เหล่านั้น และนี่คือคำทำนายที่น่าทึ่งที่สุดของ Gates จากปี 1995

1. เขามองเห็นสมาร์ทโฟนเกือบจะตรงกันกับสิ่งที่มีในทุกวันนี้

“ผมคิดและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้” เกตส์เขียนในบล็อกโพสต์ใหม่ที่มองย้อนกลับไปที่หนังสือของเขาที่ 1995 The Road Ahead เมื่อเขามองไปข้างหน้าสิ่งที่เขาเรียกว่า “กระเป๋าเงินพีซี” นอกเหนือจากชื่อแล้วเขายังอธิบายสมาร์ทโฟนในปัจจุบันในรายละเอียดที่น่าตกใจ นี่คือสิ่งที่เขาเขียนในปี 1995:

มันจะมีขนาดใกล้เคียงกับกระเป๋าสตางค์ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถพกพาไปในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าเงินได้ มันจะแสดงข้อความและตารางเวลาและให้คุณอ่านหรือส่งจดหมายและแฟกซ์อิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบสภาพอากาศ และรายงานหุ้น เล่นเกมที่เรียบง่ายและซับซ้อน ในการประชุมคุณอาจจดบันทึก ตรวจสอบการนัดหมาย เรียกดูข้อมูลหากคุณเบื่อหรือเลือกจากรูปถ่ายที่สามารถเปิดดูได้ง่าย ๆ ของลูก ๆ ของคุณหลายพันรูป

เขาคาดการณ์เพิ่มเติมว่า “wallet PC” จะได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยไบโอเมตริกซ์ซึ่งอาจเป็นลายนิ้วมือที่คุณสามารถใช้เพื่อเข้าชมคอนเสิร์ตหรือขึ้นเครื่องบินซึ่งจะแทนที่การจ่ายด้วยเงินกระดาษ และเจ้าเครื่องดังกล่าวมันจะบอกคุณได้ผ่านลำโพงเมื่อทางออกของคุณกำลังมาถึงบนทางหลวง เขายังเดาราคาได้ค่อนข้างดีตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคา 1,000 เหรียญขึ้นไป

2. เขาคาดการณ์ว่าการสตรีมวิดีโอจะแซงหน้าทีวี

“ โทรทัศน์มีมากว่า 60 ปีแล้ว แต่ในเวลานั้นมันกลายเป็นอิทธิพลสำคัญในชีวิตของเกือบทุกคนในประเทศที่พัฒนาแล้ว” เขาเขียน แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าวันเวลานั้นอิทธิพลที่ทรงพลังจะสิ้นสุดลง “ไม่มีสื่อออกอากาศที่เรามีในตอนนี้เทียบได้กับสื่อในการสื่อสารที่เรามีเมื่ออินเทอร์เน็ตพัฒนาไปจนถึงจุดที่มีความจุบรอดแบนด์ที่จำเป็นในการรับชมวิดีโอคุณภาพสูง”

สังเกตว่าในปี 1995 ผู้คนมักบันทึกโปรแกรมทางทีวีไว้ดูหรือเช่าภาพยนตร์จากร้านวิดีโอ ซึ่งในภายหลังเขาเขียนว่า “วิดีโอออนดีมานด์เป็นการพัฒนาที่เห็นได้ชัด จะไม่มี VCR หรือตัวกลางใด ๆ คุณเพียงแค่เลือกสิ่งที่คุณต้องการจาก โปรแกรมที่มีให้เลือกมากมาย “

3. เขารู้ว่า Facebook กำลังมา

“อีกหนึ่งแนวคิดที่เป็นศูนย์กลางของหนังสือ The Road Ahead คือเทคโนโลยีนั้นจะช่วยให้เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายมาเป็นปรากฏการณ์ของมนุษย์ ” Gates กล่าวในบล็อกโพสต์ของเขา สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเครือข่ายทางสังคมจะช่วยสร้างความแตกแยกและความไม่ลงรอยกันได้อย่างไร (และในบางกรณีความรุนแรง) ในเวลาเดียวกันกับที่พวกเขานำผู้คนมารวมกัน “ ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าผู้คนจะเลือกกรองมุมมองที่แตกต่างออกไปและทำให้มุมมองของพวกเขาแข็งกระด้างมากแค่ไหน” เขาเขียน

แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามเมื่อคุณพิจารณาว่าสิ่งที่ Gates ได้ทำการทำนายในปี 1995 ก่อนที่ Friendster และ MySpace จะเปิดตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ Mark Zuckerberg อายุได้เพียงแค่ 11 ปีเท่านั้น ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากครับ

–> อ่าน Blog Series : Bill Gates-The Man Behind Microsoft Empire

References : https://www.cnbc.com/2019/05/31/bill-gates-1995-predictions-about-streaming-movies-fake-news.html
https://www.businessinsider.com/bill-gates-15-predictions-in-1999-come-true-2017-6
https://thenextweb.com/shareables/2011/05/24/bill-gates-brilliantly-accurate-predictions-for-the-internet-from-1995/
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Bill_Gates_@_the_University_of_Waterloo.jpg

Geek Story EP57 : Bill Gates – The Man Behind Microsoft Empire (ตอนที่ 5)

ต้องบอกว่ามันเป็นครั้งแรกที่ Gates และ Microsoft ต้องพ่ายแพ้ในศึกเทคโนโลยี ให้กับบริษัทหน้าใหม่ ที่เพิ่งเกิดไม่กี่ปีอย่าง Google มันเป็นการฝากรอยแผลในใจให้กับ Gates และ Microsoft เป็นอย่างมาก

แล้วสถานการณ์ที่มาถึงขนาดนี้ Bill Gates จะแก้เกมส์ Google อย่างไร ด้วยความสดใหม่ของเหล่าพนักงาน Google แถมยังได้ไปแย่งชิงตัวเอาพนักงานมือดีมาจาก Microsoft อีกมากมาย มันเป็นการหักหน้า Gates ที่แสนจะเจ็บปวดครั้งแรกในการแข่งขันในธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี Gates จะแก้แค้นด้วยวิธีไหน ติดตามรับฟังกันต่อได้เลยครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3nHekwz

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2KvqXg9

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/xppNGBLiI6o

References : https://www.tharadhol.com/blog-series-bill-gates-the-man-behind-microsoft-empire/

Geek Story EP56 : Bill Gates – The Man Behind Microsoft Empire (ตอนที่ 4)

แม้สุดท้ายจะมีการฟ้องร้องกันโดยมีการกล่าวหาว่า Microsoft ผูกขาดการตลาดของระบบปฏิบัติการ แต่ทางฝั่ง Microsoft นั้นก็ไม่แยแสกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยังเดินหน้าแถม Browser ต่อไปจนครองส่วนแบ่งแทบจะทั้งหมดของ Browser ในขณะนั้นในที่สุด

และ ทำให้ Netscape ต้องถูกขายให้กับ AOL ในภายหลังก่อนจะพัฒนากลายมาเป็น Moziila Firefox อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ส่วนคดีความฟ้องร้องนั้น ถึงแม้สุดท้าย ศาลจะพิพากษาให้ Microsoft เป็นฝ่ายผิด แต่ Microsoft ก็ยินยอมจ่ายค่าปรับเพียงร้อยกว่าล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งเปรียบเหมือนในสงครามนี้ Microsoft ยอมแพ้ในศาลแต่ ในเชิงธุรกิจนั้น Netscape ได้สูญพันธุ์จากตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง มาติดตามรับฟังเรื่องราวกันต่อได้เลยนะครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2UJ3Zni

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/36LEwPQ

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/mFA7isOYPfo

References : https://www.tharadhol.com/blog-series-bill-gates-the-man-behind-microsoft-empire/

NetScape Time ตอนที่ 12 : Fighting the Real Enemy

สถานการณ์ของ NetScape ดูเหมือนจะดูดีไปเสียทุกอย่าง บริษัทสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ สร้างสถิติต่าง ๆ ไว้มากมาย สำหรับบริษัทหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ มีสื่อมากมายต่างชื่นชมพวกเขา มีการเปรียบเทียบ Marc Andreessen ว่าเป็น Bill Gates คนใหม่แห่งโลก internet

แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตัวอย่างมีให้เห็นในธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 ปี ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่ารวดเร็ว ผู้ให้กำเนิด Computer ส่วนบุคคลอย่าง Steve Jobs ก็ไม่สามารถพา Apple ไปสู่ฝั่งฝันได้

ในธุรกิจเทคโนโลยี สินค้าใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมนั้นเกิดขึ้นทุก ๆ วัน ไม่มีใครเข้าใจเรื่องดีกว่า Bill Gates แม้เรื่องที่เขาประสบความสำเร็จในการผูกขาดธุรกิจนี้ แต่ไม่มีมีอะไรมาหยุดยั้งความทะเยอทะยานของเขาได้เลย

วิธีการของ Bill Gates นั้น เขาทำราวกับว่า Microsoft นั้นถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา และต้องต่อสู้เพื่อดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นปรัชญาที่สำคัญที่เราจะได้เห็น Microsoft นั้นลงไปแข่งขันในหลากหลายธุรกิจด้านไฮเทค

ในยุคนั้นต้องบอกว่า Microsoft เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมาก ๆ เครื่อง PC แทบจะทั้งโลกใช้ระบบปฏิบัติการของเขา และ Microsoft ก็ยังเป็นผู้ควบคุมโปรแกรมที่อยู่บนเครื่องเหล่านี้

Bill Gates นั้นมักจะแสดงออกอย่างชัดเจน ว่าไม่ต้องการให้ใครมาเติบโตและเข้มแข็ง และเป็นภัยคุกคามกับธุรกิจของเขา Gates จะมองว่า Microsoft คือตัวแทนของเขา ที่มีความทะเยอทะยาน มีความมุ่งมั่น และชอบเอาชนะ

ในปี 1994 กว่า 80% ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใช้ระบบปฏิบัติการของ Microsoft และพวกเขายังมีความทะเยอทะยาน ที่จะเอาชนะ คู่ต่อสู้ทางธุรกิจในทุก ๆ ราย ไม้เว้นแม้กระทั่งธุรกิจ internet

แม้ในตอนแรก Microsoft จะไม่เข้ามาแข่งโดยตรงกับ NetScape โดยมองธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ internet และทำการก่อตั้ง Microsoft Network เพื่อให้บริการด้านออนไลน์ในปี 1994

Jim นั้นรู้ดีว่า อย่างไรเสีย Microsoft ก็จะกลายเป็นคู่แข่งขันที่น่ากลัวที่สุดสำหรับ NetScape จึงต้องเร่งพัฒนาตัวเองเต็มที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อรอการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

NetScape ต้องการลงในระบบปฏิบัติการใหม่ของ Microsoft อย่าง Windows 95
NetScape ต้องการลงในระบบปฏิบัติการใหม่ของ Microsoft อย่าง Windows 95

ในเดือนกันยายนปี 1994 ซึ่งเป็นเวลา 1 เดือนก่อนการเปิดตัวโปรแกรม NetScape มีการติดต่อจากผู้บริหารที่ดูแลการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows 95 จาก Microsoft ได้แจ้งมาทาง NetScape Communication ว่าต้องการที่จะซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมไปลง โดยเสนอเงินสูงถึง 1 ล้านเหรียญเพื่อเป็นค่าลิขสิทธิ์ดังกล่าว

แน่นอนว่า Jim นั้นไม่ต้องการดำเนินธุรกิจร่วมกับ Microsoft เพราะประวัติศาสตร์มันบอกว่า บริษัทใดที่มอบลิขสิทธิ์โปรแกรมให้ Microsoft แล้วนั้น มักจะถูกกำจัดออกจากเส้นทางอยู่เสมอ ซึ่ง Jim นั้นรู้ในเรื่องนี้ดี

มี Case ตัวอย่างมากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Rob Glaser ผู้ก่อตั้ง RealNetwork ผู้ขายลิขสิทธิ์ให้ Microsoft สุดท้ายลงเอยด้วยการขึ้นศาลฟ้องร้องบริษัท Microsoft ในไม่กี่ปีต่อมา หรือใน case ของ Sun Microsystem ที่ให้ลิขสิทธิ์โปรแกรมกับ Microsoft เช่นเดียวกัน และภายหลังต้องยื่นฟ้อง Microsoft ในกรณีละเมิดข้อตกลง

ซึ่ง Microsoft นั้นมักจะใช้วิธี ในการดูดกลืนบริษัทเล็ก ๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Microsoft มากเสียกว่า และ Spyglass ที่เพิ่งเจรจากับ Microsoft ในเรื่องลิขสิทธิ์ของ Mosaic ก็กำลังจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป

Rob Glacer จาก Realnetwork ที่จบไม่สวยกับ Microsoft
Rob Glacer จาก Realnetwork ที่จบไม่สวยกับ Microsoft (ภาพจาก : GettyImages)

แต่การที่ James Barksdale เข้ามาบริหาร NetScape นั้น ก็ช่วยให้สามารถเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างมาก มีการเพิ่มพนักงานขายเพิ่มอีกเท่าหนึ่ง และสถานการณ์ในขณะนั้น ธุรกิจของ NetScape ยังอยู่ในจุดที่ดีมาก ๆ ซึ่งระหว่างนั้น Jim เองก็คิดว่า Microsoft ก็กำลังจับจ้องมามองที่พวกเขาอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน

หลังจากเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ NetScape Communicator 1.0 ในช่วงกลางเดือนธันวาคม ปี 1994 กระแสตอบรับนั้นออกมาดีมาก ๆ มีลูกค้าหลั่งไหล่เข้ามาเซ็นสัญญาจำนวนมากมาย รวมถึงเกิดช่องทางธุรกิจอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมายด้วยเช่นกัน

จนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม ปี 1995 มีการพัฒนา NetScape version 2.0 ออกมา และต้องการมีส่วนร่วมกับการทำงานกับโปรแกรมของ Microsoft ในส่วนของ APIs (Application Programming Interfaces ) เพื่อให้โปรแกรม NetScape สามารถต่อสายโทรศัพท์ผ่านเครื่องที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 95 ได้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องการความร่วมมือกับ Microsoft

และ Microsoft ก็ได้เริ่มแผนการแรกด้วยการ ดึงเวลา ไม่ยอมมอบ APIs ให้กับ NetScape ซึ่ง Jim คิดว่าเป็นแผนการของ Microsoft ที่ต้องการเขี่ย NetScape ออกจากวงจรธุรกิจนี้ โดยไม่ให้ผู้ใช้เครื่อง PC ที่มีถึง 80% ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดใช้งานโปรแกรม NetScape Communicator version 2.0 ที่จะลงใน Windows 95

เรียกได้ว่า สถานการณ์ในตอนนั้น เริ่มสร้างความกดดันให้กับ NetScape เป็นครั้งแรกจากคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอย่าง Microsoft ซึ่งมันดูเหมือนเป็นเกมส์ที่ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่เลย เพราะ Microsoft มีระบบปฏิบัติการที่ Control ทุกอย่างของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มันคือแผนการตัดแข้งตัดขา NetScape แบบเห็นได้ชัดเจนครั้งแรก เพราะ APIs เหล่านี้นั้น บริษัทอื่น ๆ ได้รับจาก Microsoft แทบจะทั้งหมด ยกเว้น NetScape เพียงบริษัทเดียวที่ไม่ได้รับความร่วมมือในครั้งนี้

ดูเหมือน Microsoft ยักษ์ใหญ่ สามารถควบคุมเกมส์ ของเขาได้ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากสู้กับ Microsoft แต่ Jim และทีมงานจาก NetScape นั้นมาไกลเกินกว่าที่จะถอยแล้ว แล้วพวกเขาจะจัดการปัญหานี้อย่างไร และ เรื่องราวของ NetScape จะลงเอยที่ไหน โปรดอย่าพลาดติดตามตอนหน้าครับผม

–> อ่านตอนที่ 13 : Monopoly Power

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : https://www.telegraph.co.uk/technology/microsoft/windows/11817065/Twenty-years-ago-Microsoft-launched-Windows-95-changing-the-world.html

ประวัติ Bill Gates ตอนที่ 1 : A Revolution Begins

เรื่องราวมันก็เหมือนกับเด็กอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่เกมส์นั้นเป็นจุดดึงดูดพวกเขาให้เข้ามาสู่โลกของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเด็กน้อยที่ชื่อ Bill Gates ก็เช่นเดียวกัน ในวัยเพียง 13 ขวบนั้น เขาก็ได้เริ่มเขียนโปรแกรมตัวแรกขึ้นมานั่นก็คือ Tic-Tac-Toe มันคือเกมส์ O-X ที่เราเล่นกันนั่นเอง

และเมื่อย้อนกลับไปในช่วงวัยดังกล่าวของ Bill Gates นั้นก็ต้องบอกว่าคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ยังไม่มีใช้งานกันเลย ตอนนั้นเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และที่สำคัญมันยังประมวลผลได้ช้ามาก ๆ อีกด้วยเมื่อเทียบกับความเร็วของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันต้องบอกว่าห่างกันหลายล้านปีแสงเลยก็ว่าได้

ในช่วงปี 1960 โรงเรียนมัธยมของ Bill Gates อย่างโรงเรียนเลกไซด์ ในเมืองซีแอตเติล ได้ทำการตัดสินใจครั้งสำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Terminal เพื่อให้เหล่านักเรียนได้มีคอมพิวเตอร์ใช้ในเวลาว่างนั่นเอง

และเนื่องด้วยมันเป็นคอมพิวเตอร์แบบ Terminal เพราะฉะนั้นมันเป็นการฝึกปรือฝีมือให้กับ Bill Gates ได้อย่างดีในการทดสอบโปรแกรมที่เขียนไป เพราะมันจะรู้ได้ทันทีผ่าน Terminal ว่าโปรแกรมนั้นสมบูรณ์หรือไม่ เรียกได้ว่า เป็นการฝึก Bill Gates ให้ทำงานแบบ Perfect มาตั้งแต่เยาว์วัยเลยก็ว่าได้

แต่แน่นอนว่าการเข้ามาคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์มากไปของ Gates นั้น ก็ทำให้เขาเริ่มมีปัญหากับการเข้าสังคม เพื่อไปร่วมกิจกรรมเหมือนเด็ก ๆ คนอื่น เพื่อนๆ เขาก็ได้ตีตราเขาให้กลายเป็นมนุษย์คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก

และการเล่นคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้นมันต้องแลกมาด้วยค่าเช่าเวลาเพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้ Gates ต้องคิดหาทางสร้างรายได้เพื่อมาใช้เวลากับคอมพิวเตอร์แสนรักของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gates เข้าสู่ธุรกิจ Software เป็นครั้งแรก เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเวลาคอมพิวเตอร์นั่นเอง ตอนนั้น Gates และ คู่หูต่างวัยอย่าง Pual Allen ได้เริ่มรับงานเขียนโปรแกรมในช่วงปิดเทอม ซึ่งต้องบอกว่าทำเงินได้ถึง 5,000 เหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยสำหรับเด็กมัธยมปลายอย่าง Gates

คู่หูต่างวัยหารายได้เสริมเพื่อมาจ่ายค่าเช่าเวลาคอมพิวเตอร์

ตัว Pual Allen นั้นมีอายุมากกว่า Gates 3 ปี ซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของทั้งคู่คือการที่ Allen ได้นำวารสาร Popular Electronics มาให้ Gates ได้ดู ซึ่งกล่าวถึงการพัฒนา Microprocessor 8008 ของบริษัท Intel

หากย้อนกลับไปต้องบอกว่าในยุคนั้น คอมพิวเตอร์ยังไม่มีแนวความคิดที่จะสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาจริง ๆ จาก Microprocessor เลยด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นผู้คนต่างมองเป็นเรื่องเพ้อฝันหากคิดถึงเรื่องของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

แม้ตัว 8008 นั้นจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่ถือเป็นการทดลองได้อย่างดีของคู่หูทั้งสองที่จะนำเอา Microprocessor มาสร้างอะไรบางอย่าง ซึ่งทั้งคู่นั้นคิดว่าชิปขนาดเล็กอย่าง 8008 นั้นน่าจะมาสร้างวงจรการวิเคราะห์ข้อมูลและนับจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนได้

และมันเป็นจุดเริ่มต้นให้ทั้งคู่ได้สร้างบริษัทแรกขึ้นมาในชื่อ Traf-O-Data โดยผลิตเครื่องต้นแบบของการนับรถยนต์ และได้นำเสนอไปยังเทศบาลหลายแห่ง แต่ไม่มีใครสนใจแนวคิดของพวกเขาเลย เพราะพวกเขาทั้งสองยังดูเป็นเด็กน้อยอยู่ในขณะนั้น

Traf-O-Data เครื่องนับรถยนต์อัตโนมัติ ที่ตอนนั้นแทบจะไม่มีใครสนใจซื้อมัน

แต่มันก็ได้เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งเพราะในปี ค.ศ. 1974 Intel ได้ประกาศชิปตัวใหม่ของบริษัทคือ 8080 ซึ่งทำงานได้เร็วกว่า 8008 ถึง 10 เท่า และนี่เองที่ทำให้ ทั้ง Gates และ Allen ได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่สุดครั้งนึงในประศาสตร์คอมพิวเตอร์ นั่นคือ หัวใจของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคใหม่นั่นเอง

ตอนนั้นต้องบอกว่าเหล่าบริษัทคอมพิวเตอร์ไม่ได้มอง Microprocessor เหล่านี้เป็นคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งผู้ผลิตอย่าง Intel เอง ก็แทบจะมองไม่เห็นศักยภาพของ 8080 เหมือนที่ Gates และ Allen กำลังมองเห็น

ทั้งคู่มองเห็นอนาคตของวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเห็นว่าชิปตัวใหม่อย่าง 8080 นี้สามารถพัฒนาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์แบบได้ และที่สำคัญยังมีราคาไม่แพง โดยตัวชิป มีราคาประมาณ 200 เหรียญเท่านั้น และสามารถนำมาแก้ไขปรับปรุงได้ง่ายผ่านความสามารถทางด้าน Software ของทั้งคู่

ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ Bill Gates ได้เข้าเรียนที่ Harvard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เขายังมีความฝันที่จะสร้างบริษัท Software ให้สำเร็จ เพราะเขามองเห็นโอกาสและอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรออยู่ข้างหน้า

โดย Gates นั้นได้ส่งจดหมายของเขาไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เสนอตัวที่จะเขียนโปรแกรมภาษา Basic สำหรับชิป Intel ตัวใหม่นี้ แต่ไม่มีผู้ใดตอบรับเขาเลย ทำให้ Gates รู้สึกท้อแท้หมดความหวังเป็นอย่างมาก

และในช่วงเวลานั้นเองที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ Gates และ Allen ตกใจสุดขีดเนื่องจากวารสาร Popular Electronics ได้เปิดเผยเครื่อง Altair 8800 ซึ่งมันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเครื่องแรก และมันเป็นแนวคิดเดียวกับที่ทั้ง Gates และ Allen คิด แต่ตอนนี้มีคนทำตัดหน้าเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Altair 8800 กับแนวคิด Micro Computer ครั้งแรกของโลก

แต่อย่างน้อย Altair 8800 มันไม่มี Software มันจึงไม่สามารถส่งคำสั่งใด ๆ ได้ ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีจอภาพ และมันถึงเวลาสำคัญของทั้งคู่แล้ว โครงการแรกของทั้งคู่ในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่คือ การเขียนโปรแกรมภาษา Basic สำหรับเครื่อง Altair 8800 ตัวนี้นั่นเอง

ซึ่งทั้งคู่ต้องทำงานกับแบบไม่หลับไม่นอน ไม่รู้วันรู้คืน และใช้เวลาตลอด 5 สัปดาห์ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน สร้างโปรแกรมภาษา Basic สำหรับเครื่อง Altair 8800 ได้สำเร็จ และนี่เองได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ ของ บริษัท Software สำหรับ ไมโครคอมพิวเตอร์แห่งแรกของโลก ซึ่งทั้งคู่ตั้งชื่อมันว่า “Microsoft” นั่นเองครับ

–> อ่านตอนที่ 2 : The Standard

References : https://e.rpp-noticias.io/large/2015/10/28/18379001jpg.jpg

Credit แหล่งข้อมูลบทความ