ฺBook Review : ถอยก็ตาย วิกฤติยังไงก็สู้

ได้ยินชื่อ อินาโมริ คาซึโอะ จากการที่ได้เข้าไปพลิกฟื้นกิจการ JAL สายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่นที่ได้ล้มละลาย ให้กลับมายืนได้อีกครั้ง ผ่านสื่อ online ต่างๆ  มาพอสมควร

จึงได้มีโอกาสมาอ่านหนังสือเล่มนี้ที่ได้เล่าแนวคิดการบริหารงานองค์กรขนาดใหญ่ อย่าง kyocera ,KDDI หรือการมาพลิกฟื้นกิจการ JAL ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้อย่างไร

แนวคิดการบริหารของ อินาโมริ คาซึโอะ นั้น จะเป็นแนวทางแบบญี่ปุ่น ซึ่งหากอ่านผ่านจากหนังสือเล่มนี้เราจะได้เห็นวิธีการบริหารงานแบบญี่ปุ่น การที่ญี่ปุ่นสามารถพลิกฟื้นประเทศจากที่เกือบล่มสลายในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้อย่างไร เราได้เห็นแง่มุมในเรื่องของจิตวิญญาณการเป็นนักสู้ของชาวญี่ปุ่น ถึงแม้เศรษฐกิจจะเริ่มถดทอยมาเป็นระยะเวลานาน การบริหารงานแบบญี่ปุ่น ก็ให้แนวคิดที่ดีเสมอ

อินาโมริ คาซึโอะ นั้นเริ่มจากกิจการเล็ก ๆ จนพา kyocera เป็นองค์ใหญ๋ระดับโลกได้อย่างไร ซึ่งสามารถค้นหาคำตอบได้ภายในสือเล่มนี้  ถึงจะไม่ใช่การให้รายละเอียดเชิงลึก แต่หนังสือเล่มนี้ได้ให้แนวคิดหลักในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งคิดว่า หลาย ๆ องค์กรใหญ่ของญี่ปุ่น ก็น่าจะใช้รูปแบบเดียวกันในการทะยานพุ่งมาเป็นบริษัทระดับโลก หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

จึงย้อนกลับมาดูที่ประเทศเรา ไม่เคยแพ้สงคราม ไม่เคยได้รับความลำบาก เหมือนญี่ปุ่น รวมถึง ทรัพยากรก็มีอยู่อย่างมากมาย แต่ทำไมเราไม่สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างญี่ปุ่นเสียที เราจะเห็นคำตอบว่า เพียงแค่แนวคิดบางอย่าง และ เมื่อทุกคนในองค์กรหรือในชาติร่วมมือกัน นั้น ก็ทำให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างที่ อินาโมริ คาซึโอะ ได้ทำไว้นั่นเอง

ไม่เป็นไร

ได้นั่งอ่าน A day ฉบับล่าสุด 171 ใน main course ที่เกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นในเชียงใหม่  ก็ได้ทำความเข้าใจกับชาวญี่ปุ่นมากขึ้นว่าทำไมเขาถึงต้องย้ายที่พำนักมาอยู่ที่เชียงใหม่เป็นจำนวนมาก

5503300202

โดยส่วนตัวนั้นก็เคยได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้ง ซึ่ง ถ้าเราพิจารณากันที่เมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ทั้งในเขตเมืองหรือชนบทนั้น แทบจะหาที่ ๆ ไม่เจริญได้ยากมาก  ๆ การนั่งรถผ่านเมืองแต่ละเมืองในญี่ปุ่นนั้น จะสังเกตเห็นความเจริญอยู่ทุกหย่อมหญ้า ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะต่างจากประเทศไทย ที่นอกจากกรุงเทพมหานครแล้วนั้น ถ้านั่งขับรถไปตามต่างจังหวัด จะรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนละประเทศกัน มีความแตกต่างทางด้านความเจริญนั้นสูงมาก ๆ ซึ่งจะต่างจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการกระจายความเจริญไปในหลาย ๆ เมือง ไม่ใช่มีแค่ โตเกียวเท่านั้น รวมถึง ชนบท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมืองที่ใหญ่ ๆ  จะไม่ค่อยมีตำบล ย่อย ๆ ซึ่งชาวญี่ปุ่นนั้น นิยมที่จะไปอาศัยพำนัก กระจุกตัวอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นเมืองที่อยู่ติดทะเล ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง

1_1269173767KGF8

สำหรับ A day ฉบับนี้นั้นความน่าสนใจของเนื้อหาคือ ทำไม ชาวญี่ปุ่นถึงได้ย้ายมาพำนักในเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก บางคนก็มาใช้ชีวิตถาวรที่นี่ ซึ่ง ถ้าพูดถึงความสวยงามของเชียงใหม่แล้วนั้น ถือว่าในญี่ปุ่น มีเมืองในรูปแบบนี้ อยู่เยอะมาก  ๆ  เพราะญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยหุบเขาอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะมีความสวยงามยิ่งกว่า เชียงใหม่ บ้านเราอีก แล้วทำไม เค้าถึงไม่เลือกที่จะอยู่ในชนบทในประเทศเค้า ต้องย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่เชียงใหม่ ซึ่งจากการนั่งอ่านบทสัมภาษณ์ นั้น แทบจะทุกคน จะพูดเหมือนกันคือ ชอบคำว่า “ไม่เป็นไร” ของประเทศไทย ซึ่งเป็นคำปรกติที่บ้านเราใช้กันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ซึ่ง ๆ คำ ๆ นี้ จะไม่นิยมใช้ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ทำให้ชีวิตมีแต่ความเครียด ต้องเคารพผู้อวุโส ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความเจริญของประเทศญี่ปุ่นในยุคนี้ แต่ เชื่อว่า ชาวญี่ปุ่น ไม่ได้มีความสุขทุกคนกับชีวิตที่ต้องมีการแข่งขันกันสูงอย่างนั้น เชียงใหม่จึงเป็น แหล่งพำนักสำคัญของพวกเค้า เนื่องจาก การดำเนินวิถีชีวิตในจังเชียงใหม่นั้น เป็นไปอย่างไม่เร่งรีบ จึงคิดว่าทำให้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ชอบในเมืองเชียงใหม่ ณ จุดนี้ ซึ่งจะหาไม่ได้ในประเทศของเค้าอย่างแน่นอน แม้แต่ในชนบท

ถ้ามามองในมุมของชาวไทย นั้น ก็ถือว่า คำว่า “ไม่เป็นไร” นั้นเป็นวัฒนธรรมอย่างนึงของชาวไทยที่มีเสน่ห์ ซึ่งต่างชาติ ก็แปลกใจในส่วนใหญ่ ทั้งชาวยุโรป หรือ ชาว เอเชียอื่น ๆ กับคำ ๆ นี้ ซึ่งฝรั่ง หรือ ชาวญี่ปุ่นจะไม่นิยมใช้คำแบบนี้กัน ทำให้เรามีรากฐานที่สำคัญของการบริการที่ดีเยี่ยม จะเห็นได้การบริการของประเทศไทยนั้น ติดระดับ top  ของโลก ซึ่งจะไม่สามารถหาได้จากส่วนไหนของโลกนี้อีกแล้วในการบริการแบบไทยๆ  ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ที่สำคัญ ที่ช่วยดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยว หรือ มาพำนักในประเทศไทย สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนเงินมหาศาล

แต่บางครั้งนั้นคำว่า “ไม่เป็นไร” นี่ก็ถือว่าเป็นข้อเสียอย่างนึงของคนไทยสำหรับการทำงานกับชาวต่างชาติซึ่งจะมีความตรงไปตรงมา ต้องการได้คำตอบจากการทำงานที่ชัดเจนมากกว่า ซึ่ง บางครั้งเราใช้คำ ๆ นี้กันจนชิน แต่ในการทำงานกับชาวต่างชาติบางครั้งนั้น คำๆ  นี้อาจจะส่งผลเสียต่อการทำงานกับประเทศที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเรา หลายครั้งที่เราใช้คำ ๆ นี้ แล้วส่งผลลบกับการทำงานทำงานของเรา ถึงแม้จะเป็นการแสดงถึงความอ่อนน้อม ของชาวไทย ซึ่งความแตกต่างของวัฒนธรรมก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกันของคนในแต่ละประเทศ เราก็ต้องเข้าใจวัฒนธรรมของแต่ละประเทศให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น