Movie Review : จอมขมังเวทย์ 2020

ถือเป็นหนังไทยที่แทรกเข้ามาในช่วงโปรแกรมเดือนนี้ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวเลยสำหรับ จอมขมังเวทย์ 2020 หนัง action บู๊ล้างผลาญที่นำเอาเรื่องราวของไสยศาสตร์ หรือ การเล่นของนั้นมาเป็นเนื้อหาหลักของหนัง

หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของไสยเวทอาคมขลังแห่งโลกยุคใหม่ ซึ่งการดำเนินเรื่องนั้นเริ่มจาก หลังการสูญเสียครั้งใหญ่ทำให้ “วิน” ที่รับบทโดย (หมาก ปริญ) ชายหนุ่มผู้รอดชีวิต ต้องเปลี่ยนความเชื่อและศรัทธาที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อสืบหาและจัดการฆาตกรด้วยตนเอง

แต่ยิ่งสืบหามากเท่าใดเขาก็ยิ่งถลำลึกสู่ศาสตร์แห่งไสยเวทมากขึ้นไปทุกที จนต้องเข้าไปพัวพันกับ “จอมขมังเวทในตำนาน” (นก ฉัตรชัย) และกลุ่มผู้มีความเชื่อมั่นในชีวิตที่ดีอันมี ครูเมย์ (นก สินจัย) เป็นผู้นำและ ก็อด (ก๊อต จิรายุ) ผู้ให้การสนับสนุน

ซึ่งบุคคลเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับปริศนาครั้งนี้ การปะทะอันดุเดือดของ “เหล่าจอมขมังเวท” ที่มีศรัทธาแห่งตัวตนเป็นเดิมพัน ในหนังภาคนี้จะเป็นการชี้ชะตาแห่งโลกของเหล่าจอมขมังเวทที่กำลังจะปะทุถึงขีดสุดของเรื่องราวทั้งหมด

รวมถึงการ ใส่ แอคชั่นแบบมันส์ระอุ การปะทะกันของ “จอมขมังเวทย์รุ่นใหม่” และ “จอมขมังเวทย์ในตำนาน” หมาก ปริญ, นก ฉัตรชัย, ก๊อต จิรายุ, นก สินจัย, คิทตี้ ชิชา และ แพร์ พิชชาภา ซึ่งกำกับโดยต้นฉบับขมังเวทย์อย่างคุณ ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์

ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นหนังไทยที่น่าสนใจเรื่องนึงเลยทีเดียวสำหรับ จอมขมัยเวทย์ ผมก็ได้มีโอกาสได้ดูในภาคแรก มาภาคนี้จึงไม่พลาดอีกครั้งที่จะเข้าไปชมในโรง

แม้ดูจากเนื้อเรื่องของหนังนั้น อาจจะไม่มีอะไรมาก แต่จุดเด่นของจอมขมังเวทย์ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ action บู๊ล้างผลาญจริง ๆ เรียกได้ว่า มาแบบจัดเต็มมาก ๆ ถามว่ามันคล้ายเรื่องไหน ผมก็ต้องบอกว่ามันดูคล้ายหนังในตำนาน action ของไทยอย่าง ต้มยำกุ้งนั่นเอง

รูปแบบการดำเนินเรื่องจะคล้าย ๆ กันเลย แต่จอมขมังเวทย์นั้นจะมาด้วยเรื่อย ไสยศาสตร์ไสยเวท เป็นตัวเดินเรื่องหลัก ทำให้เกิดของต่าง ๆ มากมาย ที่ต้องใช้ CG เข้ามาประกอบซึ่งในส่วนของ CG นั้น ก็ถือว่าพอรับได้กับงานหนังไทย เพราะ มันคงเทียบไม่ได้กับ CG ของหนังระดับ Hollywood อยู่แล้วด้วยต้นทุนการสร้างที่ต่างกันสิ้นเชิง

แต่เหมือนกับหนังส่วนใหญ่ของไทย ที่มีปัญหาเรื่องบท ที่เรื่องนี้บทอ่อนมาก ๆ มันแทบจะไม่มีอะไรเลย ซึ่งผมเปรียบเทียบให้เห็นเลยกับต้มยำกุ้งที่ จา พนม นั้นตามหาช้าง เรื่องนี้ ก็คือ วิน (หมาก ปริญ) ตามหาคนที่ฆ่าพ่อเขานั่นเองจนจบเรื่อง

แต่อย่างที่กล่าวไว้ ให้ลืมเรื่องบทหนังไปก่อน เพราะ action บู๊ ล้างผลาญในหนังเรื่องนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว การต่อสู้ในฉากต่าง ๆ ของเรื่องนั้นทำได้ดี นักแสดงที่เล่นกับ CG ก็ถือว่าทำได้ดี ถึงจะไม่เนียนมากก็ตาม แต่ด้วยความเป็นหนังไทยที่ทุนไม่มาก ทำได้ระดับนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โอเค

ส่วนอีกเรื่องที่น่าชม ก็คือ ซาวด์ ดนตรีประกอบ เรียกได้ว่า ทำได้อลังการมาก ๆ ถือว่าลงทุนกับด้านซาวด์ดนตรีไม่น้อยเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนเปิดตัวจอมขมังเวทย์รุ่นเก๋าอย่าง พี่นก ฉัตรชัย นั้น เรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว

แต่ในความยาวของหนังที่มีถึงประมาณ 2 ชม.นั้น ผมว่ามันยาวเกินไป ทำให้บางช่วงน่าเบื่อ ควรจะตัดต่อให้ลดความยาวของหนังลงกว่านี้ จะทำให้หนังนั้นลงตัวกว่านี้ แต่โดยรวมก็ยังดูในระดับที่โอเค ถือว่าไม่ผิดหวังมากนัก ถือว่าไปดูฉาก action มันส์ ๆ ละกันนะครับผม สนับสนุน ๆ หนังไทยครับ