Blog Series : Bill Gates-The Man Behind Microsoft Empire

ชายผู้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีโลก ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาของ Microsoft การที่ผู้ชายคนนึงได้ก้าวข้ามผ่านยุคการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การเกิดขึ้นของ internet การเข้าสู่โลก Social Network และ การก้าวเข้าสู่ยุคมือถืออย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน

ต้องบอกว่า มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่ได้เห็นการเปลี่ยนผ่านเหล่านี้ ผ่านบริษัทตัวเองอย่าง Microsoft ทำให้ Microsoft กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ที่ผ่านมรสุมการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมามากมายได้อย่างไร

ต้องบอกว่า Bill Gates ถือเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Microsoft ในทุก ๆ ยุค เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมากว่าเค้าสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร

Blog Series ชุดนี้จะมานำเสนอเรื่องราวของชายที่น่าสนใจคนนี้กันครับ โดยเนื้อหาหลักนั้นจะมาจากหนังสือสองเล่ม คือ The Road Ahead ที่แปลโดย น.ต. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ รวมถึงอีกเล่มหนึ่งคือ หนังสือ Bill Gates Speaks : Insight from the world’s greatest entrepreneur

หนังสือ Bill Gates
หนังสือ Bill Gates

ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ในโลก internet นะครับ หวังว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวของ Bill Gates ออกมาได้อย่างน่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 1 : A Revolution Begin

References : http://www.famous-entrepreneurs.com/images/bill-gates.jpg

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

หนังสือ The Road Ahead
ผู้เขียน : บิล เกตส์
ผู้แปล : น.ต. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ

หนังสือ Bill Gates Speaks : Insight from the world’s greatest entrepreneur
ผู้เขียน : Janet Lowe

หนังสือ พลิกธุรกิจด้วยวิถีไมโครซอฟท์ : Hit Refresh
ผู้เขียน : Satya Nadella (สัตยา นาเดลลา),Greg Shaw,Jill Tracie Nichols
ผู้แปล : จารุจรรย์ คงมีสุข

https://www.biography.com/business-figure/bill-gates

https://en.wikipedia.org/wiki/Bill_Gates

https://www.britannica.com/biography/Bill-Gates

https://www.thoughtco.com/bill-gates-biography-and-history-1991861

ปฏิวัติแนวคิดการประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบใหม่ด้วย DNA Processor

ข้อจำกัดที่่สำคัญที่สุดในแนวคิดสำหรับคอมพิวเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพอย่างรหัส DNA คือ รหัสใด ๆ ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ใน DNA ไม่สามารถนำกลับมาเขียนใหม่ได้ 

David Doty นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ UC Davis บอกกับ Wired ว่าการใช้คอมพิวเตอร์ DNA นั้น“ มันเหมือนกับการสร้างคอมพิวเตอร์ใหม่จากฮาร์ดแวร์ใหม่ตลอดเวลารเพื่อใช้งานซอฟต์แวร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาใหม่”

แต่ตอนนี้ Doty และทีมของเขาได้สร้างคอมพิวเตอร์ที่ใช้รหัส DNA เครื่องแรก ซึ่งสามารถเขียนซ้ำได้เหมือนเครื่องระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบทั่วไป ซึ่งมันเป็นก้าวกระโดดที่อาจนำไปสู่การประมวลผลทางชีวภาพในอนาคต

ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ล่าสุดในวารสาร Nature , Doty และนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ จาก UC Davis, สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย และ Harvard ได้อธิบายถึงคอมพิวเตอร์ที่ใช้ รหัส DNA ซึ่งมี  “tiles” 355 แบบที่แตกต่างกันของ DNA ที่สามารถเปรียบเทียบได้กับวงจรในคอมพิวเตอร์แบบทั่วไป

เมื่อเปรียบเทียบกับวงจร DNA ที่มีอยู่ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้เพียงหนึ่งโปรแกรมเท่านั้น ทีมนักวิจัยสามารถจัดการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของพวกเขาให้ทำงานได้ถึง 21 โปรแกรมซึ่งสามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปทำได้ เช่น การนับจำนวนตัวเลือก การเลือกสิ่งของจากรายการ เป็นต้น

มันเป็นเพียงแค่งานเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ในยุคอดีตแทบจะทั้งหมด  Wired อธิบายการศึกษาเรื่องนี้ ว่าให้ผลลัพธ์ที่ “สวยงาม แต่มันยังดูไร้ประโยชน์ในขณะนี้” แต่ที่สำคัญมันสามารถวางรากฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ชีวภาพที่ยืดหยุ่นและสามารถตั้งโปรแกรมได้ในอนาคต

คอมพิวเตอร์ทั่วไปยังคงมีข้อได้เปรียบที่สำคัญมากกว่าการประมวลผลที่ใช้รหัส DNA ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ถูกพัฒนามาไกลมากแล้วเป็นระยะเวลาหลายปีหลังจากการก่อกำเนิดขึ้นของคอมพิวเตอร์

แต่เมื่อการวิจัยอย่างที่ Doty ได้พัฒนาขึ้น และมีทีมงานของนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่สร้างผลงานเหล่านี้ขึ้นมา นั่นอาจจะทำให้เทคโนโลยีประมวลผลแบบชีวภาพกำลังจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญนั่นเอง

References : 
https://www.wired.com
https://melodyreports.com/wp-content/uploads/2019/08/Global-DNA-and-Gene-Chip-Market.jpg

Elon Musk : มนุษย์เราสื่อสารช้าเกินไปสำหรับ AI ในอนาคตที่จะเข้าใจ

มีอุปสรรคทางภาษาที่สำคัญระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่นอนการที่มนุษย์จะสื่อสารกับคอมพิวเตอร์นั้นทำได้โดยการสื่อสารผ่านภาษาทั้งในรูปแบบของข้อความและรูปภาพ ซึ่ง อินพุตทั้งหมดนั้นช้ากว่า การสื่อสารโดยตรงระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง

แต่กับคอมพิวเตอร์นั้นมีความสามารถในการรับรู้ในเวลาที่แตกต่างจากมนุษย์เป็นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะความสามารถในการประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่าที่มนุษย์ทำได้นั่นเอง

และเมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้าง AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ขึ้นมาได้สำเร็จ การสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอาจะต้องเลิกใช้วิธีการแบบเดิม ๆ ตามที่ Elon Musk ได้กล่าวไว้

ปัญหาเหล่านี้นั้น Musk เชื่อว่ามาจากความเร็วที่แตกต่างกันระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ  ซึ่งด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบันนั้น เหล่าวิศวกรคอมพิวเตอร์ได้สร้างตัวประมวลผลที่ทำงานด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

แต่ในทางตรงกันข้ามสมองมนุษย์ของเรากลับทำงานช้าลงมาก  ซึ่งด้วยความแตกต่างดังกล่าวนั้น Elon Musk คิดว่ามันสามารถที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และ AI ในอนาคตได้

Musk อธิบายว่าคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่ามนุษย์มากเพียงใดในระหว่างการนำเสนอเกี่ยวกับ AI เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามรายงานของ Business Insider

“ สำหรับคอมพิวเตอร์…สามารถประมวลผลข้อมูลในระดับมิลลิวินาที และสามารถทำงานได้อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย แต่สำหรับมนุษย์ มันแทบจะไม่มีอะไรไปสู้คอมพิวเตอร์ได้เลย” Musk กล่าว 

โดย Musk อ้างว่า Neuralink ซึ่งเป็น บริษัทที่สร้างส่วนติดต่อของสมองกับคอมพิวเตอร์ของเขาอาจจะช่วยเราในการสื่อสารกับ AI ขั้นสูงในอนาคตได้ 

“คอมพิวเตอร์ในอนาคตก็จะอาจจะใจร้อนได้ ถ้าไม่มีอะไรตอบสนองมันได้รวดเร็วเพียงพอ” Musk กล่าวกับ Business Insider “ คอมพิวเตอร์มองการคุยกับเราเหมือนกับการพูดคุยกับต้นไม้ – แต่ไม่ใช่เลยนั่นคือมนุษย์ต่างหาก”

References : 
https://www.businessinsider.com
https://strangesounds.org/wp-content/uploads/2019/07/neuralink-elon-musk-wants-to-read-your-mind.jpg

Geek Monday EP13 : Trend ใหม่สุดล้ำกับเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์

การเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นเรื่องปรกติภายในหนึ่งทศวรรษหรือประมาณนั้น โดยมีอุปกรณ์เชื่อมต่อสมอง หลายสิบล้านเครื่องถูกจำหน่ายในทุกๆ ปี ในอนาคตอันใกล้นี้

BMIs (Brain Machine Interfaces) เป็นงานที่น่าสนใจในการวิจัยที่มีศักยภาพสูงโดยเสนอความสามารถในการเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์โดยตรงเพื่อแชร์ข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ 

งานบางส่วนของ BMI นั้นไม่เกินเลยจากนิยายวิทยาศาสตร์ที่เคยนึกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ซึ่ง
รูปแบบพื้นฐานของเทคโนโลยี BMI ได้ถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานหลายปีแล้วเช่นประสาทหูเทียมซึ่งให้ความรู้สึกถึงเสียงแก่คนที่หูหนวกหรือได้ยินยาก ซึ่งยังรวมถึงอีกกรณีที่ใช้ทางการแพทย์ในการเป็นขาเทียม

ซึ่งงานวิจัยเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์กับสมองแบบใหม่ ๆ  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สักวันหนึ่งอาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่แพร่หลายซึ่งจะช่วยเหลือทุกคนได้ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep13-trend-brain-machine-interfaces/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/640CmtDmWTn9d2FaqWBRfz

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/PMU42BW-xSY