ประวัติ Jho Low ตอนพิเศษ : The Fall of Najib Razak

ในช่วงปลายเดือนเมษายน ปี 2018 เป็นเวลาที่ชาวมาเลเซียรอคอย เพราะนั่นเป็นการนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศมาเลเซีย เหลือเพียงแค่ 11 วัน ที่จะมีการเลือกตั้งระดับประเทศครั้งสำคัญของมาเลเซีย

มันเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 14 ของประเทศมาเลเซีย ที่สถานการณ์ในตอนนั้น มีผู้สมัครจากพรรคหลัก ๆ อยู่สองพรรค คือ กลุ่มพรรคแนวร่วมรัฐบาลแห่งชาติ หรือ “BN” ที่สนับสนุน Najib Razak และ กลุ่มแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน “ปากาตัน ฮาราปัน” หรือ PH ที่นำโดยอดีตนายกมหาเธร์ โมฮัมหมัด

ซึ่งต้องบอกว่า พรรคแนวร่วมรัฐบาล หรือ “BN” นั้น เป็นพรรคเก่าแก่ที่นำโดย UMNO ที่มีนายกรัฐมาตรี Najib Razak เป็นแกนนำหลัก พวกเขาไม่เคยแพ้การเลือกตั้ง มาตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ

แต่เรื่องราววุ่น ๆ ของศึกแย่งชิงอำนาจครั้งนี้มันก็เกิดขึ้นตั้งแต่ การยื่นใบสมัครเพื่อรับการเลือกตั้ง เทียน ฉัว ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำของพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน PH ซึ่ง ถูกปฏิเสธการสมัครเข้าเลือกตั้ง เนื่องจากปัญหาด้านเอกสาร ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการสกปรก ที่รัฐบาลที่มีอำนาจอยู่ในตอนนั้นใช้เล่นงานพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน

และเมื่อถึง 9 วันก่อนการเลือกตั้ง ได้มีการหาเสียงไปทั่วทั้งประเทศมาเลเซีย มีการจัดเตรียมป้ายหาเสียงมากมาย ในหัวเมืองใหญ่ ๆ หลาย ๆ เมืองของมาเลเซีย แต่ดูเหมือน คณะกรรมการการเลือกตั้งของมาเลเซียนั้น จะวางตัวไม่เป็นกลาง เมื่อสั่งให้พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านดึงป้ายหาเสียงออก โดยใช้อำนาจเพื่อสั่งการให้ทำลายป้ายหาเสียงของคู่แข่ง โดยเฉพาะป้ายที่มีรูปของอดีตนายกมหาเธร์ นั้น จะถูกกรีดนำรูปหน้าของมหาเธร์ออกไป

พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านหาเสียงแบบเต็มที่ แม้จะถูกกีดกันใด ๆ จากอำนาจรัฐ
พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านหาเสียงแบบเต็มที่ แม้จะถูกกีดกันใด ๆ จากอำนาจรัฐ

และการแข่งขันระหว่างทั้งสองแนวร่วมนั้น ก็ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าผู้นำของพรรคนั้น ต้องลงไปตามเขตเลือกตั้ง เพื่อทำการหาเสียงให้กับผู้สมัครของพวกเขา Najib Razak นั้นยังเชื่อมั่นในตัวเองว่าด้วยบุคลิกส่วนตัวของเขา จะช่วยให้ภาพลักษณ์ของพรรคดีขึ้น แม้เรื่องของ 1MDB จะฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วก็ตามที แต่เหล่าสาวกของเขา ก็ยังเชื่อมั่นในตัว Najib อยู่

ฝั่งของ มหาเธร์ นั้นก็ออกมาปราศัยเพื่อต้องการให้ประเทศเปลี่ยนแปลงเสียที โดยกล่าวหา Najib ว่าเป็นผู้นำที่ไม่ได้ต่อสู้เพื่อประเทศ เหมือนผู้นำคนอื่น ๆ ในอดีตที่ผ่านมา แต่ล้วนเป็นการต่อสู้เพื่อทรัพย์สินของตัวเองแทบจะทั้งสิ้น ซึ่งมหาเธร์ นั้นต้องการแสดงความรับผิดชอบเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ Najib ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

และเพียงแค่ 8 วันก่อนการเลือกตั้ง ทาง กกต ของมาเลเซียก็ได้ทำเรื่องเซอร์ไพรซ์อีกครั้งด้วยการประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันพุธที่ 9 พฤษภาคม ปี 2018 ซึ่งปรกติการเลือกตั้งในวันพุธมันแทบจะไม่มีประเทศไหนจัดขึ้นอยู่แล้ว เพราะเป็นวันทำงานปรกติ มันเป็นเกมการเมืองของฝ่ายมีอำนาจที่ไม่ต้องการให้คนมาลงคะแนนเสียงเยอะ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนชาวมาเลเซีย นั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และพวกเขาต้องทำบางอย่างเพื่อโต้ตอบ

เหล่าประชาชนชาวมาเลเซีย รู้สึกว่ากำลังถูกท้าทาย พวกเขารู้สึกโกรธแค้น การกระทำของเหล่าผู้ที่มีอำนาจ พวกเขาต้องหยุดงาน แน่นอนว่าบางคนไม่มีเงินพอที่จะกลับบ้านเพื่อไปเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำ

ในสังคมออนไลน์ มีแต่คนก่นด่า เรื่องดังกล่าว ที่มาจัดการเลือกตั้งในวันทำงาน และเป็นวันพุธ ซึ่งไม่ใกล้กับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ดูเหมือนว่า Najib กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจกลับมา เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาแพ้ในรอบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่อง 1MDB จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอย่างแน่นอน

ซึ่งประชาชนชาวมาเลเซีย ต้องการให้ประเทศเปลี่ยน พวกเขาจึงได้เปิดกองทุนขอรับเงินบริจาคผ่าน Social Media เพื่อไปมอบให้กับผู้ที่ขัดสน ที่จะใช้ในการเดินทางกลับบ้านเพื่อไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งเมื่อแคมเปญดังกล่าวสิ้นสุดลง การระดมทุนครั้งนี้ ช่วยให้ชาวมาเลเซีย 2,800 คนได้กลับบ้านเพื่อไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

เทียน ฉัว หลังจากที่เขาถูกปฏิเสธลงสมัครรับการเลือกตั้งในครั้งแรก แล้วผิดหวัง เขาจึงได้ขอยื่นอุธรณ์ ต่อศาลสูงสุดของมาเลเซีย แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าไม่ใช่เขตอำนาจของศาลที่จะตัดสินเรื่องดังกล่าว สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจที่หันไปสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคอิสระแทนเพื่อไม่ให้คะแนนเสียงของเขานั้นตกไปอยู่กับพรรคแนวร่วมรัฐบาลแห่งชาติของ Najib Razak

แน่นอนว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเรื่องราวของ 1MDB ก็กำลังฉาวโฉ่อยู่พอดี ซึ่ง Najib นั้นได้ตั้ง Arul Kanda ขึ้นมาเป็น CEO ของกองทุน 1MDB และให้เขาช่วยทำการกลบเกลื่อนร่องรอยของกองทุน 1MDB ที่หลุดฉาวโฉ่ออกมา

ในช่วงเลือกตั้งนั้น Arul Kanda ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศมาเลเซีย เพื่ออธิบายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติหรือ 1MDB รวมถึงโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่สถานที่ส่วนใหญ่ที่ Arul Kanda ไปนั้น ต่างถูกประชาชนโห่ไล่

ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2018 สองวันก่อนการเลือกตั้ง มีการประท้วงเกิดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีประชาชนชาวมาเลเซียอาศัยอยู่ เมื่อบัตรเลือกตั้งของพวกเขายังไม่ส่งมาถึงมือ ทั้งที่การเลือกตั้งจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ซึ่งชาวมาเลเซียในต่างประเทศ กล่าวหา กกต. ว่าตั้งใจส่งบัตรเลือกตั้งล่าช้า

ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านี้ ต่างกังวลว่า บัตรเลือกตั้งที่ได้รับล่าช้านั้น เมื่อเขาส่งบัตรกลับไปจะถึงทันเวลาหรือเปล่าเพราะเหลือเพียงแค่ 2 วันก็จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของประเทศแล้ว

ซึ่งต้องบอกว่า การที่จะส่งคะแนนเสียงของพวกเขาให้ไปถึงได้ทันเวลานั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ๆ ด้วยความที่ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และประชาชนชาวมาเลเซียตระหนักถึงสิทธิ์ของพวกเขาเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้อยากให้มีคะแนนที่เสียไปเปล่า ๆ แม้แต่คะแนนเดียว

สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรแล้ว ก็มีบางส่วนยินดีที่จะเดินทางกลับประเทศไปเพื่อพบบรรยากาศการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และแน่นอนว่า พวกเขายินดีที่จะพาบัตรเลือกตั้งของเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้เดินทางมาด้วยนั้น ส่งไปให้ถึงมือของกกต ให้สำเร็จ เพื่อทุกคะแนนเสียงที่มีคุณค่าของชาวมาเลเซียที่มีอยู่ทั่วโลก

ในคืนวันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง อดีตนายกมหาเธร์ ได้ออกปราศัยครั้งสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนชาวมาเลเซียออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะเสียงทุกเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ฟากฝั่งของ พรรคแนวร่วมแห่งชาติ ของ Najib ก็ขึ้นเวทีปราศัยใหญ่เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมาก ๆ ที่ สีหน้าท่าทางของ Najib นั้นดูท่าทีมีความกังวลเป็นอย่างมาก ดูเหมือน Najib นั้นจะรู้ตัวว่าความนิยมของพรรคตนนั้นเริ่มตามหลัง กลุ่มแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านที่นำโดย อดีตนายกมหาเธร์ เสียแล้ว

ในการปราศัยครั้งสุดท้าย Najib พยายามพูดถึงนโยบาย ประชานิยมแบบสุดโต่งเพื่อหวังดึงคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็น การลดภาษี การยกเลิกค่าทางด่วน และอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายประชานิยม แต่กลับกัน การปราศัยครั้งสุดท้ายของอดีตนายกมหาเธร์นั้น พยายามเข้าถึงอารมณ์ของประชาชนเพื่อเอาชนะในศึกที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ให้จงได้

และในที่สุดก็มาถึงวันเลือกตั้งจริง ๆ วันที่ 9 พฤษภาคม ปี 2018 ต้องบอกว่าเป็นบรรยากาศการเลือกตั้งที่ประชาชนชาวมาเลเซียไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะผู้คนต่างหลั่งใหลกันมาเข้าคูหาเลือกตั้ง ในหลาย ๆ คูหานั้น ผู้คนต่อแถวยาวออกไปถึงข้างนอกถนน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครอารมณ์เสียที่จะมารอใช้สิทธิ์การเลือกตั้งครั้งนี้เลย ทุกคนต่างมีรอยยิ้ม และมีความสุข และต่างคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้กำลังจะเปลี่ยนโชคชะตาของประเทศมาเลเซีย

ซึ่งแม้จะมีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัตรปลอม หรือ เรื่องการสวมสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ต้องบอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ มีคนมากมายที่มาเป็นอาสาสมัคร เพื่อสังเกตการณ์ การนับคะแนน เพราะพวกเขาต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด และไร้ข้อครหาใด ๆ

ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนเข้ามาใช้สิทธิ์กว่า 12 ล้านคน แม้จะเป็นการเลือกตั้งในวันทำงาน แต่ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาลงคะแนนกันอย่างมากมาย และนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศนี้

หลังจากปิดคูหาเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งก็เริ่มนับคะแนนทันที เมื่อนับคะแนนไปได้ถึงประมาณ 1 ทุ่ม ทุกอย่างมันเหมือนจะดูดีสำหรับ Najib Razak เพราะคะแนนเริ่มออกสตาร์ท แบบนำห่าง แต่พอถึง เวลา 2-3 ทุ่ม พรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน ก็เริ่มที่จะตีตื้น เอาชนะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ประชาชนแห่กันมารวมตัวรอลุ้นผลคะแนน
ประชาชนแห่กันมารวมตัวรอลุ้นผลคะแนน

มีการสลับกับขึ้นนำอยู่ตลอดเวลาของทั้งสองฝั่ง ต้องเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับการเลือกตั้งของมาเลเซีย ที่พรรคแนวร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรค UMNO นั้นมักจะชนะแบบขาดลอยอยู่เสมอ ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจเหล่าประชาชนชาวมาเลเซียอย่างมากในคืนนั้น

แต่หลังจากช่วง 3 ทุ่มครึ่งเป็นต้นไป พรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน ก็คะแนนทิ้งนำห่างออกไปเรื่อย ๆ ส่วนผู้สมัครอิสระที่ เทียน ฉัว ให้การสนับสนุนหลังจากที่เขาหมดสิทธิ์ลงเลือกตั้ง ก็ได้รับชัยชนะ แม้จะเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่เป็นเด็กหนุ่มและลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งแรกก็ตามที

ที่ทำการพรรค UMNO ใจกลางเมืองหลวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ นั้นดูเงียบเหงา แม้จะมีผู้สนับสนุน Najib อยู่บ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังสิ้นหวัง พวกเขาต่างเฝ้ามองดูผลคะแนนทางโทรศัพท์มือถือ ไม่มีการเฉลิมฉลองใด ๆ เพราะปรกติแล้วพรรค UMNO จะประกาศชัยชนะจากสำนักงานใหญ่ของพรรค ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังแพ้ศึกใหญ่ครั้งนี้

แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ยังคงไม่ประกาศผลออกไป และพยายามถ่วงเวลาให้มากที่สุด ซึ่งการเลือกตั้งปรกตินั้น ในช่วงเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม ก็จะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ผิดปรกติอย่างมาก

เหล่าสมาชิกอาวุโสของพรรค UMNO เริ่มมีการไปรวมตัวกันที่บ้านพักของ Najib Razak และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังประชุมกันเรื่องอะไร ทำให้บรรยากาศตอนนั้นมันน่าอึดอัดมาก ๆ สำหรับประชาชนชาวมาเลเซีย มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า Najib จะให้ทหารเข้ามาจัดการไม่ให้พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านสามารถตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

ในช่วงดึก ทหารเริ่มออกมา และเมืองปุตราจายา ถูกปิดตาย ถนนสำคัญหลาย ๆ สายถูกปิด มีประชาชนเริ่มออกมาประท้วงให้ประกาศผลการเลือกตั้ง โดยเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน มีผู้คนเริ่มออกมาเดินขบวนประท้วงบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

มันเป็นการออกมาชุมนุมกันได้ไม่ได้มีการนัดหมาย เพราะประชาชนต่างต้องการรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น และทำไมยังไม่มีการประกาศผลการเลือกตั้งเสียที ซึ่งเมื่อถึงตีหนึ่ง ผลการเลือกตั้งก็ยังคงไม่มีการประกาศออกมา ผู้คนก็เลยสรุปกันเองว่า ชัยชนะในวันนั้นเป็นของพรรคแนวร่วมฝ่ายค้าน ของอดีตนายกมหาเธร์

ผู้คนเริ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มมีรถสลายการชุมนุมของทหารเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทหารได้สั่งให้มีการสลายการชุมนุม แต่ด้วยจำนวนประชาชนที่เข้ามามีเยอะมาก ทำให้พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

และเมื่อถึงเวลา 4:40 น. ในเช้าวันถัดไป ในที่สุด คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ได้ออกมาประกาศผลการเลือกตั้งในที่สุด พรรคแนวร่วมฝ่ายรัฐบาล (BN) ของ Najib นั้นได้ตำแหน่งไป 79 ที่นั่ง ส่วนพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านของมหาเธร์นั้นได้ไป 104 ที่นั่ง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศมาเลเซีย ที่ได้รัฐบาลชุดใหม่ที่ไม่ได้มาจากการนำของพรรค UMNO

และในวันต่อมา ประชาชนชาวมาเลเซีย ต่างมารอพิธีสาบานตนต่อกษัตริย์ของมาเลเซีย เพื่อประกาศให้มีรัฐบาลชุดใหม่ในประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือน ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีพิธีสาบานตน ทำให้มีข่าวลือสะพัดมากมาย ว่ารัฐบาลชุดเก่ายังไม่ยอมถอย และอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ ประชาชนต่างออกมารอ และรวมกลุ่มกันทั่วทั้งเมืองหลวงของมาเลเซีย

แต่ในที่สุด เมื่อเวลา 3 ทุ่ม ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2018 ผู้นำพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านอย่าง มหาเธร์ โมฮัมหมัด ก็ได้เข้าสู่พิธีสาบานตน เพื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ และถือเป็นการปิดฉากอำนาจของ Najib Razak ที่มีมาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยเรื่องฉาวโฉ่ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกในกองทุน 1MDB ไปได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับ

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Prologue *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

เครดิตข้อมูลจาก : iFlix Documentary (บังกิต 11 วันพลิกชาติ)

References Image : https://qz.com/1320081/ex-malaysian-prime-minister-najib-razak-arrested-in-1mdb-corruption-investigation/

ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol