Geek Life EP125 : 3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4r9wt5b6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/f7da9z33

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kUpj1hkhE2w

3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล : ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

Brendon Bouchard ไม่ใช่เพียงนักเขียนหรือโค้ชธรรมดา แต่เขาได้ฝึกอบรมผู้คนกว่า 2 ล้านคนผ่านระบบออนไลน์ในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพ และใช้เวลาถึง 3 ปีในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด เพื่อค้นหาว่าอะไรคือนิสัยที่แท้จริงของผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูง

จากการศึกษาอย่างละเอียดของ Bouchard พบว่ามีนิสัยสำคัญสามประการที่โดดเด่นและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแต่ละนิสัยมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง

การเปลี่ยนความตึงเครียดให้เป็นพลัง

เรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ Bouchard ได้รับการติดต่อจาก CEO แห่งหนึ่งใน Silicon Valley ผู้กำลังเผชิญกับวิกฤตชีวิต ทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว ความเครียดจากการทำงานได้คืบคลานเข้ามาทำลายความสัมพันธ์กับภรรยา จนเขารู้สึกหมดไฟและสิ้นหวัง

Bouchard ได้แนะนำเทคนิคง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือการฝึกปล่อยวางความตึงเครียดก่อนเข้าสู่สถานการณ์สำคัญ โดยเริ่มจากการหยุดพัก หลับตา และพูดคำว่า “ปล่อยวาง” กับตัวเอง พร้อมกับค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน จากไหล่ คอ ใบหน้า กราม หลัง และขา จากนั้นให้ถามตัวเองว่า “ความรู้สึกที่เราต้องการนำเข้าไปในสถานการณ์นี้คืออะไร?”

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ CEO ท่านนี้น่าประทับใจมาก เขาสามารถกลับไปสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขกับภรรยาได้อีกครั้ง และรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทคนิคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องครอบครัว แต่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นก่อนเข้าประชุม ก่อนออกกำลังกาย หรือแม้แต่ก่อนเริ่มต้นวันใหม่

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงเข้าใจดีว่า พวกเขามีอำนาจในการเลือกและสร้างอารมณ์ที่ต้องการได้ แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์ถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมภายนอก

การสร้างความจำเป็นผ่านตัวตน

“คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน จนกว่าการแข็งแกร่งจะเป็นทางเลือกเดียวที่คุณมี” คำพูดอันทรงพลังของ Bob Marley สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของนิสัยประการที่สอง นั่นคือการสร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ

แนวคิดนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การรบของแม่ทัพจีน Sun Tzu (ซุนวู) ที่ว่า เมื่อกองทัพต้องต่อสู้ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางถอย เพราะมีภูเขาหรือมหาสมุทรขวางอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะต่อสู้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เพราะนั่นคือ “พื้นที่แห่งความตาย” ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาชนะให้ได้

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงใช้หลักการเดียวกันนี้ในการสร้างตัวตนที่ผูกติดกับเป้าหมายและความสำเร็จ พวกเขาไม่ได้แค่หวังว่าจะทำได้ดี แต่สร้างสถานการณ์และกรอบความคิดที่ทำให้การประสบความสำเร็จกลายเป็นสิ่งจำเป็น เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของพวกเขาไปเลย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือนักกีฬาระดับโลก แม้การฝึกซ้อมอย่างหนักจะไม่ใช่เรื่องสนุก แต่พวกเขาทำเพราะมันคือส่วนหนึ่งของการเป็นนักกีฬาระดับแชมเปี้ยน การฝึกซ้อมไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่สอดคล้องกับตัวตนของพวกเขา

การนำศักยภาพสูงสุดมาใช้เพื่อผู้อื่น

นิสัยประการสุดท้ายที่น่าสนใจคือการค้นพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงมักไม่ได้มุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงโลกหรือช่วยเหลือคนนับล้าน แต่พวกเขามักจะมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาแรงจูงใจและความมุ่งมั่นได้ดีกว่า

Bouchard แนะนำให้ฝึกถามตัวเองว่า “ใครต้องการศักยภาพสูงสุดของเรา?” คำถามนี้จะช่วยให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนว่าใครคือคนที่จะได้รับประโยชน์จากความพยายามของเรา อาจจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ

การมีภาพของบุคคลที่เราต้องการช่วยเหลืออยู่ในใจจะช่วยเพิ่มพลังให้กับการทำงานของเรา เสมือนเป็นเข็มทิศที่คอยชี้นำทางในยามที่เราเหนื่อยล้าหรือท้อแท้ เมื่อเรารู้ว่ามีใครสักคนกำลังรอคอยและต้องการความช่วยเหลือจากเรา พลังและแรงจูงใจจะหลั่งไหลเข้ามาโดยอัตโนมัติ

ดังที่โค้ชฟุตบอลระดับตำนาน Vince Lombardi เคยกล่าวไว้ว่า “คุณภาพชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศโดยตรง” ซึ่งสุดท้ายแล้วการพัฒนานิสัยทั้งสามประการนี้จะช่วยนำพาเราไปสู่ความเป็นเลิศและชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ High Performance Habits: How Extraordinary People Become That Way  โดย ฺBrendon Burchard

Geek Life EP13 : ลืมทฤษฎียากๆ ไปเลย! กับกฎ 2 นาทีที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคน Super Productive

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและภาระหน้าที่มากมาย การค้นพบวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่หลายคนแสวงหา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองได้คิดค้นกฎและเทคนิคต่างๆ มากมาย แต่วันนี้ผมอยากจะชวนคุยถึงกฎที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นก็คือ “กฎสองนาที”

กฎสองนาทีนี้มีที่มาจากแนวคิดของผู้เชี่ยวชาญสองท่าน ได้แก่ David Allen ผู้เขียนหนังสือ “Getting Things Done” และ James Clear ผู้เขียนหนังสือ “Atomic Habits” แม้ว่าแนวคิดของทั้งสองท่านจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ต่างใช้กรอบเวลาสองนาทีเป็นตัวกำหนดในการสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/339eavjj

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4w4st3hv

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/zcuGH-0vIKk

ลืมทฤษฎียากๆ ไปเลย! กับกฎ 2 นาทีที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคน Super Productive

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและภาระหน้าที่มากมาย การค้นพบวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่หลายคนแสวงหา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองได้คิดค้นกฎและเทคนิคต่างๆ มากมาย แต่วันนี้ผมอยากจะชวนคุยถึงกฎที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นก็คือ “กฎสองนาที”

กฎสองนาทีนี้มีที่มาจากแนวคิดของผู้เชี่ยวชาญสองท่าน ได้แก่ David Allen ผู้เขียนหนังสือ “Getting Things Done” และ James Clear ผู้เขียนหนังสือ “Atomic Habits” แม้ว่าแนวคิดของทั้งสองท่านจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ต่างใช้กรอบเวลาสองนาทีเป็นตัวกำหนดในการสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้

กฎสองนาทีของ David Allen เน้นที่การจัดการงานเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน หลักการของเขาคือ หากมีงานใดที่สามารถทำเสร็จได้ภายในเวลาสองนาที ให้ลงมือทำทันทีโดยไม่ต้องรอ แทนที่จะจดบันทึกไว้หรือผัดวันประกันพรุ่ง วิธีนี้ช่วยลดภาระทางความคิดและป้องกันการสะสมของงานเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ในภายหลัง

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แล้วสังเกตเห็นว่ามีเศษกระดาษตกอยู่บนพื้น แทนที่จะคิดว่า “เดี๋ยวค่อยเก็บ” แล้วปล่อยผ่านไป การลุกขึ้นเก็บทันทีจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ช่วยรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ทำงานได้ทันที นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของการใช้กฎสองนาทีในชีวิตประจำวัน

ในทางกลับกัน กฎสองนาทีของ James Clear มุ่งเน้นไปที่การสร้างนิสัยใหม่ หรือการเริ่มต้นทำสิ่งที่ยากลำบาก แนวคิดของเขาคือการย่อยงานใหญ่ให้เล็กลงจนเหลือเพียงการกระทำที่ใช้เวลาเพียงสองนาทีหรือน้อยกว่า วิธีนี้ช่วยลดแรงต้าทางจิตใจและทำให้การเริ่มต้นง่ายขึ้นอย่างมาก

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการสร้างนิสัยการออกกำลังกายเป็นประจำ แทนที่จะตั้งเป้าว่าจะต้องออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงทุกวัน ลองเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายเพียงแค่สวมชุดออกกำลังกายและยืดเส้นยืดสายเป็นเวลาสองนาที การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณก้าวข้ามอุปสรรคทางจิตใจที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือการเริ่มต้น

เมื่อคุณเริ่มต้นได้แล้ว คุณอาจพบว่าตัวเองมีแรงบันดาลใจที่จะทำต่อไปมากกว่าสองนาที แต่ถึงแม้ว่าคุณจะหยุดหลังจากสองนาทีจริงๆ คุณก็ยังคงได้สร้างความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณได้รักษาความต่อเนื่องของนิสัยใหม่ที่คุณกำลังพยายามสร้าง

การนำกฎสองนาทีทั้งสองแบบมาใช้ร่วมกันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในชีวิตประจำวันของคุณ ด้วยการจัดการงานเล็กๆ น้อยๆ ทันทีที่พบเห็น และการเริ่มต้นนิสัยใหม่ๆ ด้วยขั้นตอนเล็กๆ คุณจะพบว่าตัวเองมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความเครียดน้อยลง และมีความก้าวหน้าในเป้าหมายระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

ความงามของกฎสองนาทีอยู่ที่ความเรียบง่ายและความยืดหยุ่นของมัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานออฟฟิศ หรือผู้ประกอบการ คุณสามารถปรับใช้กฎนี้ให้เข้ากับชีวิตและเป้าหมายของคุณได้ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจดูไม่มีนัยสำคัญในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ที่สะสมจะสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล

ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความคาดหวังสูง บางครั้งเราอาจลืมไปว่าความสำเร็จมักเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ กฎสองนาทีเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่า ทุกการกระทำ ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน ล้วนมีความสำคัญ ดังนั้น ครั้งต่อไปเมื่อคุณเผชิญกับงานที่ดูเหมือนจะท้าทายเกินไป หรือเมื่อคุณพบเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องจัดการ ลองนึกถึงกฎสองนาทีและดูว่ามันจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณเข้าถึงชีวิตประจำวันของคุณอย่างไร

คุณอาจประหลาดใจกับพลังของสองนาทีที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้

References :
หนังสือ “Getting Things Done” โดย David Allen
หนังสือ “Atomic Habits” โดย James Clear