Geek Life EP129 : เปลี่ยนคนขี้ลืมเป็นสุดยอดโฟกัส Hyperfocus สุดยอดเทคนิคจัดการสมาธิ ทำงานได้เท่า 3 เท่าใน 1 วัน

ในยุคที่ความวุ่นวายและสิ่งเร้ารอบตัวมีมากมาย Chris Bailey นักเขียนและนักวิจัยด้านประสิทธิภาพการทำงาน ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจผ่านหนังสือ Hyperfocus ซึ่งรวบรวมผลการศึกษาและงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการความใส่ใจของมนุษย์

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต หรือประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ไปกับภาวะจิตใจที่วอกแวก ไม่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/2m76fmts

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/32878emw

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kqbC_WbcXcQ

เปลี่ยนคนขี้ลืมเป็นสุดยอดโฟกัส : Hyperfocus สุดยอดเทคนิคจัดการสมาธิ ทำงานได้เท่า 3 เท่าใน 1 วัน

ในยุคที่ความวุ่นวายและสิ่งเร้ารอบตัวมีมากมาย Chris Bailey นักเขียนและนักวิจัยด้านประสิทธิภาพการทำงาน ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจผ่านหนังสือ Hyperfocus ซึ่งรวบรวมผลการศึกษาและงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการความใส่ใจของมนุษย์

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิต หรือประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ไปกับภาวะจิตใจที่วอกแวก ไม่จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้า

ความไม่มีสมาธินี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม Bailey เชื่อว่าทุกคนสามารถพัฒนาความสามารถในการโฟกัสได้ หากเข้าใจกลไกการทำงานของจิตใจและฝึกฝนอย่างถูกวิธี

การพัฒนาเรื่องโฟกัสเริ่มต้นได้จากการสังเกตตนเอง เมื่อใดที่เราสามารถรับรู้ได้ว่าจิตใจกำลังวอกแวก และสามารถดึงความสนใจกลับมาสู่สิ่งที่กำลังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชีวิตของเราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการสนทนา เมื่อผู้ฟังให้ความสนใจกับคู่สนทนาอย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยให้ความคิดวอกแวกไปคิดว่าจะพูดอะไรต่อ หรือคิดเรื่องอื่นๆ คู่สนทนาจะรู้สึกถึงการรับฟังอย่างตั้งใจและความเอาใจใส่ที่แท้จริง ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในยามจำเป็น

ในด้านการทำงาน การจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ปล่อยให้สิ่งรบกวนมาทำลายสมาธิ จะช่วยให้เราสามารถทำงานได้มากกว่าที่เพื่อนร่วมงานทำได้ในหนึ่งวัน Bailey กล่าวว่า การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในแต่ละวันคือการเลือกว่าจะให้ความสนใจกับอะไร และรักษาความสนใจนั้นไว้ให้ได้

สภาวะ Hyperfocus เป็นจุดสูงสุดของการจดจ่อ เกิดขึ้นเมื่อเราทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่งเป็นเวลาต่อเนื่องนานกว่าสองถึงสามนาที ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสนทนา การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ หรือการเรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ

ในการฝึกฝนเพื่อเข้าสู่สภาวะ Hyperfocus จำเป็นต้องเข้าใจว่าการรักษาสมาธิเปรียบเสมือนการเล่นเกมที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความอดทน เมื่อเริ่มต้นฝึก ผู้ฝึกอาจรู้สึกท้อแท้เมื่อจิตใจวอกแวกบ่อยครั้ง แต่นี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งสำคัญคือการไม่ตำหนิตัวเอง และค่อยๆ ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

การฝึกฝน Hyperfocus เริ่มต้นจากการเลือกเป้าหมายที่ชัดเจน โดย Bailey แนะนำให้พิจารณาเป้าหมายที่มีผลลัพธ์ต่อเนื่องในสามระดับ ยกตัวอย่างเช่น การเขียนหนังสือ ระดับแรกคือการเขียนร่างแรกของบทให้สำเร็จ ระดับที่สองคือการสร้างผลกระทบต่อชีวิตของผู้อ่าน และระดับที่สามคือการสร้างการบอกต่อแบบปากต่อปากจากผู้อ่านที่ได้รับประโยชน์

การฝึกจดจ่อความสนใจสามารถทำได้ด้วยการจินตนาการถึงวงกลมสองวง วงแรกเป็นวงกลมสีเขียวทึบที่แทนเป้าหมาย อีกวงเป็นเส้นประที่แทนพื้นที่ความสนใจของเรา เป้าหมายคือการเคลื่อนวงกลมความสนใจให้ทับซ้อนกับวงกลมเป้าหมายอย่างสมบูรณ์ การฝึกฝนเช่นนี้จะช่วยให้จิตใจมีความแข็งแกร่งและจดจ่อได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรักษาสมาธิให้จดจ่อนั้นมีความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือสิ่งรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือ ไอคอนแอปพลิเคชันต่างๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่ความไม่เป็นระเบียบของสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เราอยากจัดการ

ประการที่สองคือสิ่งรบกวนจากภายใน เช่น ความคิดเกี่ยวกับงานค้าง บุคคลที่ต้องติดต่อ หรือปัญหาที่รอการแก้ไข และประการสุดท้ายคือระดับการกระตุ้นของจิตใจที่อาจมาจากการเพิ่งใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือการอ่านข่าวสารมาก่อนหน้า

ก่อนเข้าสู่สภาวะ Hyperfocus Bailey แนะนำให้ฝึกสมาธิอย่างง่ายอย่างน้อยหนึ่งนาที โดยเลือกจุดเล็กๆ บนผนัง หน้าจอ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จากนั้นให้จดจ่อความสนใจทั้งหมดไปที่จุดนั้น หากจิตใจวอกแวกไปคิดเรื่องอื่น ให้ค่อยๆ ดึงกลับมาที่จุดเดิม

การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพไม่ได้หมายถึงการบังคับจิตใจให้จดจ่อตลอดเวลา แต่ต้องรู้จักสลับระหว่างช่วงเวลาของการจดจ่ออย่างเข้มข้น (Hyperfocus) กับช่วงเวลาของการปล่อยให้จิตใจพักผ่อน (Scatter Focus) อย่างเหมาะสม

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรอยู่ในสภาวะ Hyperfocus นานเกิน 90 นาที และควรสลับด้วยช่วง Scatter Focus ประมาณ 15-30 นาที เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการจดจ่อ

ในช่วง Scatter Focus เราสามารถทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น การพับผ้า การเดินเล่น ฯลฯ การปล่อยให้จิตใจล่องลอยอย่างมีสติในช่วงนี้จะช่วยให้สมองได้ประมวลผลข้อมูลและเชื่อมโยงความคิดต่างๆ อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

สำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกฝน Bailey แนะนำให้ตั้งนาฬิกาเตือนทุกชั่วโมง เมื่อได้ยินเสียงเตือน ให้ตรวจสอบว่าจิตใจกำลังล่องลอยโดยไม่ตั้งใจหรือไม่ หากพบว่าเป็นเช่นนั้น ให้ค่อยๆ ดึงความสนใจกลับมาสู่งานที่กำลังทำอยู่

ผลลัพธ์ของการฝึกฝนการควบคุมความใส่ใจอย่างต่อเนื่องจะปรากฏในหลายด้าน ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้อื่น

หากเราสามารถควบคุมความใส่ใจได้ดีมักจะประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีความสุขในการใช้ชีวิตมากกว่าผู้ที่ปล่อยให้จิตใจวอกแวกไปตามสิ่งเร้ารอบตัว

หนังสือ Hyperfocus ของ Chris Bailey นับเป็นคู่มือที่เจ๋งมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานและคุณภาพชีวิต ด้วยการรวบรวมงานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการโฟกัสและความใส่ใจ มานำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้วิธีการควบคุมจิตใจและใช้เวลาในแต่ละวันอย่างมีคุณค่า ทั้งในสภาวะ Hyperfocus และ Scatter Focus เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาวได้นั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Hyperfocus: How to Be More Productive in a World of Distraction โดย Chris Bailey

Geek Life EP82 : เทคนิคสร้างทีมให้ปัง ทีมแย่เพราะขาด Working Genius เปิดกลยุทธ์จัดทีมรูปแบบใหม่

ในโลกของการทำงานยุคใหม่ การเข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของตนเองและทีมถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Patrick Lencioni นักเขียนและที่ปรึกษาด้านการบริหารชื่อดัง ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจผ่านหนังสือ “The Six Types of Working Genius” ที่จะช่วยให้ผู้นำและสมาชิกในทีมค้นพบความเป็นอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ในตัวตน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mw2sx7hr

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/3xu87jmk

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/pS19wt86XI8

Geek Life EP73 : 4 เทคนิคลับ สร้าง Flow สภาวะมหัศจรรย์ที่ทุกคนสร้างได้จากนักจิตวิทยาระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าและการรบกวนมากมาย การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นความท้าทายที่หลายคนต้องเผชิญ แต่มีสภาวะจิตใจหนึ่งที่สามารถช่วยให้เราก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ นั่นคือ “Flow” หรือ “ภาวะลื่นไหล” ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำเสนอโดย Mihaly Csikszentmihalyi นักจิตวิทยาชื่อดัง ในหนังสือ “Flow: The Psychology of Optimal Experience”

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4s7fw934

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2p88rztu

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/GudyJ80lgf0

เทคนิคสร้างทีมให้ปัง : ทีมแย่ เพราะไม่รู้จัก Working Genius เปิดกลยุทธ์จัดทีมรูปแบบใหม่

ในโลกของการทำงานยุคใหม่ การเข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของตนเองและทีมถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ Patrick Lencioni นักเขียนและที่ปรึกษาด้านการบริหารชื่อดัง ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจผ่านหนังสือ “The Six Types of Working Genius” ที่จะช่วยให้ผู้นำและสมาชิกในทีมค้นพบความเป็นอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่ในตัวตน

เส้นทางสู่การค้นพบความเป็นอัจฉริยะ

การทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาทักษะเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการค้นหาและเข้าใจรูปแบบการทำงานที่เป็นธรรมชาติของแต่ละคน Lencioni ได้ค้นพบว่า มนุษย์ทุกคนมีรูปแบบความเป็นอัจฉริยะในการทำงานที่แตกต่างกัน โดยแต่ละคนจะ:

  • โดดเด่นใน 2 รูปแบบของความเป็นอัจฉริยะในการทำงาน
  • มีความสามารถในระดับใช้ได้อีก 2 รูปแบบ
  • รู้สึกยากลำบากและเหนื่อยล้ากับอีก 2 รูปแบบที่เหลือ

WIDGET: 6 รูปแบบความเป็นอัจฉริยะในการทำงาน

Wonder – ผู้มองเห็นโอกาส

ผู้ที่มีความเป็นอัจฉริยะด้านนี้มักมีสัญชาตญาณในการมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ พวกเขาสามารถเชื่อมโยงจุดต่างๆ และมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่คนอื่นมองข้าม เปรียบเสมือนนักสำรวจที่มองเห็นเส้นทางใหม่บนแผนที่เปล่า

Invention – ผู้สร้างสรรค์แผนงาน

เมื่อโอกาสถูกค้นพบ ผู้ที่มีความเป็นอัจฉริยะด้าน Invention จะเป็นผู้แปลงโอกาสนั้นให้กลายเป็นแผนงานที่เป็นรูปธรรม พวกเขาเป็นสถาปนิกแห่งความคิดที่สามารถออกแบบโครงสร้างและกลยุทธ์ที่จับต้องได้

Discernment – ผู้วินิจฉัยอย่างแม่นยำ

บุคคลกลุ่มนี้มีพรสวรรค์ในการมองเห็นจุดอ่อนและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พวกเขาสามารถประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำที่มีคุณค่าเพื่อปรับปรุงแผนงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

Galvanizing – ผู้สร้างแรงบันดาลใจ

ผู้ที่มีความเป็นอัจฉริยะด้านนี้สามารถสร้างความกระตือรือร้นและแรงจูงใจให้กับทีม พวกเขามีความสามารถพิเศษในการสื่อสารวิสัยทัศน์และดึงดูดผู้อื่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ

Enablement – ผู้สนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

บุคคลเหล่านี้มีความสามารถในการมองเห็นและแก้ไขอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จของทีม พวกเขาเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ช่วยให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

Tenacity – ผู้มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย

ผู้ที่มีความเป็นอัจฉริยะด้านนี้จะเติบโตจากความท้าทายและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค พวกเขามีแรงขับเคลื่อนภายในที่จะทำงานให้สำเร็จลุล่วง แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก

การสร้างแผนที่ความเป็นอัจฉริยะสำหรับทีม (Working Genius Team Map)

ในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้นำจำเป็นต้องเข้าใจและจัดวางบุคลากรให้สอดคล้องกับความเป็นอัจฉริยะของแต่ละคน การสร้างแผนที่ความเป็นอัจฉริยะจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของทีมได้ชัดเจนขึ้น

วิธีทำแผนที่ความเป็นอัจฉริยะสำหรับทีม:

  1. สร้างกล่องความเป็นอัจฉริยะ 6 กล่อง (Wonder, Invention, Discernment, Galvanizing, Enablement, Tenacity)
  2. ระบุรายชื่อสมาชิกทีมในคอลัมน์ “ความเป็นอัจฉริยะ” หรือ “ความคับข้องใจ” ในแต่ละกล่อง
  3. หากใครมีความสามารถในระดับใช้ได้ในด้านใด ไม่ต้องใส่ชื่อในกล่องนั้น

เมื่อทำแผนที่เสร็จ คุณจะ:

  1. สังเกตเห็นว่าใครกำลังทำงานที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นอัจฉริยะของตนและกำลังจะเผชิญภาวะหมดไฟ
  2. เห็นช่องว่างของความเป็นอัจฉริยะในทีมและสามารถจ้างคนอื่นมาเติมเต็มความสามารถของทีมได้

วิธีค้นหาประเภทความเป็นอัจฉริยะของสมาชิกในทีม

ให้สมาชิกแต่ละคนพิจารณาคำถามต่อไปนี้:

  1. คุณอยากอยู่ในช่วงใดโครงการ (Project) มากที่สุด?
  • ช่วงที่ 1: มองหาโอกาสใหม่ๆ
  • ช่วงที่ 2: การวางแผน
  • ช่วงที่ 3: ตรวจสอบแผนหาข้อผิดพลาด
  • ช่วงที่ 4: ขายแผนให้กับคนที่คุณทำงานด้วย
  • ช่วงที่ 5: สนับสนุนคนที่กำลังทำโครงการ
  • ช่วงที่ 6: การทำให้สำเร็จ
  1. คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาในช่วงใดของโครงการมากที่สุด? โดยโครงการมี 3 ช่วงหลัก:
  • ช่วงความคิด (Ideation): หากชอบช่วงนี้ มักเป็นประเภท Wonder หรือ Invention
  • ช่วงกระตุ้น (Activation): หากชอบช่วงนี้ มักเป็นประเภท Discernment หรือ Galvanizing
  • ช่วงลงมือทำ (Execution): หากชอบช่วงนี้ มักเป็นประเภท Enablement หรือ Tenacity
  1. ความอัจฉริยะของคุณถูกกระตุ้นเมื่อใด?

ประเภทที่ตอบสนอง (Responsive Genius) ต้องการข้อมูลและตัวเลือกมากพอก่อนที่ความเป็นอัจฉริยะจะถูกกระตุ้น ได้แก่:

  • Wonder: ต้องเห็นตัวเลือกมากพอก่อนจะมองเห็นโอกาส
  • Discernment: ต้องทบทวนงานมากพอก่อนจะเกิดความเข้าใจใหม่
  • Enablement: ต้องเห็นปัญหาในการดำเนินการหลายอย่างก่อนจะเกิดความคิดสร้างสรรค์

ประเภทที่มุ่งเน้น (Focused Genius) ต้องการข้อมูลน้อยแต่มีทิศทางที่ชัดเจนเพื่อกระตุ้นความเป็นอัจฉริยะ ได้แก่:

  • Invention: ได้รับเพียงโอกาสเดียวที่มีความชัดเจนก่อนถึงจะมีความคิดสร้างสรรค์
  • Galvanizing: ต้องมีโครงการเดียวที่สามารถส่งเสริมตัวของเขาได้ก่อนถึงจะคิดวิธีนำเสนอที่สร้างสรรค์
  • Tenacity: ต้องมีการโฟกัสไปที่เป้าหมายเดียวก่อนจะกระตุ้นทักษะการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

การประยุกต์ใช้ในองค์กร

การนำแนวคิดเรื่องความเป็นอัจฉริยะในการทำงานมาใช้ในองค์กรสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพการทำงาน ความพึงพอใจของพนักงาน และผลลัพธ์ทางธุรกิจ

ประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทีม
  • ลดอัตราการลาออกของพนักงาน
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง
  • พัฒนานวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์
  • เสริมสร้างความผูกพันของพนักงาน

สรุป

แนวคิดเรื่อง “The Six Types of Working Genius” ของ Patrick Lencioni ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ การจัดคนให้เหมาะกับงานโดยคำนึงถึงความเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของแต่ละคนจะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร

หากองค์กรใดสนใจที่จะนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้ สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการประเมินความเป็นอัจฉริยะของทีมและวางแผนการพัฒนาองค์กรอย่างเป็นระบบ การลงทุนในการค้นหาและพัฒนาความเป็นอัจฉริยะของบุคลากรจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาวได้อย่างแน่นอนนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ The 6 Types of Working Genius: A Better Way to Understand Your Gifts, Your Frustrations, and Your Team โดย Patrick M. Lencioni