20% ที่ใช่ ชีวิตก็เปลี่ยนได้ : ทำน้อยแต่ได้เยอะ กับวิธีการปฏิวัติชีวิตด้วยกฎพาเรโต

ต้องบอกว่าหลักการหนึ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้อย่างมหาศาล คือหลักการ 80/20 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎพาเรโต” ซึ่งคิดค้นโดย Vilfredo Pareto นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียนในช่วงปลายศตวรรษที่ 19

แก่นแท้ของหลักการนี้ก็คือ 80% ของผลลัพธ์มาจาก 20% ของสาเหตุ หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ 80% ของสิ่งที่เราต้องการในชีวิตมาจาก 20% ของสิ่งที่เราทำ แนวคิดนี้อาจฟังดูเรียบง่าย แต่เมื่อนำไปประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาด มันสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราจัดการกับเวลา ทรัพยากร และความสัมพันธ์ได้อย่างสิ้นเชิง

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้ามากมาย แต่คุณมักจะหยิบเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้นมาใส่ซ้ำๆ นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ของหลักการ 80/20 ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้า 20% ในตู้ของคุณถูกใช้งาน 80% ของเวลา ส่วนที่เหลือแทบไม่ได้ถูกแตะต้องเลย

แต่หลักการนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเสื้อผ้าเท่านั้น มันสามารถนำไปใช้ได้กับเกือบทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่การพักผ่อนหย่อนใจ ลองมาดูตัวอย่างที่น่าสนใจกันครับ

ในด้านการทำงาน หากคุณเป็นพนักงานขาย คุณอาจพบว่า 80% ของยอดขายของคุณมาจากลูกค้าเพียง 20% เท่านั้น หรือถ้าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ คุณอาจพบว่า 80% ของข้อผิดพลาดในโค้ดของคุณมาจากเพียง 20% ของโค้ดทั้งหมด การตระหนักถึงความจริงนี้จะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญและทุ่มเทความพยายามไปในทิศทางที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด

ในด้านความสัมพันธ์ คุณอาจพบว่า 80% ของความสุขและความพึงพอใจในชีวิตของคุณมาจากการใช้เวลากับคนเพียง 20% ในชีวิตของคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรละเลยคนอื่นๆ แต่มันเป็นการเตือนใจให้คุณให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าและมีความหมายอย่างแท้จริง

แม้แต่ในเรื่องของการพักผ่อนหย่อนใจ หลักการ 80/20 ก็สามารถนำมาใช้ได้ คุณอาจพบว่า 80% ของความสนุกสนานและความผ่อนคลายของคุณมาจากกิจกรรมยามว่างเพียง 20% ที่คุณทำ ดังนั้น แทนที่จะพยายามทำกิจกรรมมากมายเพื่อ “พักผ่อน” คุณอาจจะโฟกัสไปที่กิจกรรมที่ให้ความสุขและความผ่อนคลายกับคุณจริงๆ

การนำหลักการ 80/20 ไปใช้ในชีวิตประจำวัน

  1. สำรวจและวิเคราะห์: ขั้นตอนแรกในการนำหลักการ 80/20 ไปใช้คือการสำรวจและวิเคราะห์กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตของคุณ ลองจดบันทึกสิ่งที่คุณทำในแต่ละวันและผลลัพธ์ที่ได้ คุณอาจจะประหลาดใจที่พบว่ามีเพียงไม่กี่กิจกรรมที่สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
  2. จัดลำดับความสำคัญ: เมื่อคุณระบุ 20% ที่สร้างผลลัพธ์ 80% ได้แล้ว ให้จัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมเหล่านี้ ทุ่มเทเวลาและพลังงานให้กับสิ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
  3. ลดหรือกำจัด: พิจารณาลดหรือกำจัดกิจกรรมที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (80% ของกิจกรรมที่ให้ผลลัพธ์เพียง 20%) ออกไป นี่อาจหมายถึงการเลิกนิสัยบางอย่าง การปฏิเสธงานบางชิ้น หรือการมอบหมายงานให้ผู้อื่น
  4. ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: การนำหลักการ 80/20 ไปใช้ไม่ใช่เรื่องที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่เป็นกระบวนการที่ต้องฝึกฝนและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทบทวนและปรับเปลี่ยนวิธีการของคุณเป็นระยะ
  5. ยืดหยุ่นและปรับตัว: แม้ว่าหลักการ 80/20 จะมีประโยชน์มาก แต่ก็ไม่ควรยึดติดกับมันจนเกินไป บางครั้งสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงและคุณต้องปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ๆ

ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งของการใช้หลักการ 80/20

เมื่อคุณเริ่มนำหลักการ 80/20 ไปใช้อย่างจริงจัง คุณอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในชีวิตของคุณ:

  1. เพิ่มประสิทธิภาพ: คุณจะพบว่าคุณสามารถทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง เพราะคุณโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญจริงๆ
  2. ลดความเครียด: การตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกไปจะช่วยลดความเครียดและความวุ่นวายในชีวิตของคุณ
  3. เพิ่มความพึงพอใจ: การใช้เวลากับสิ่งที่มีความหมายและให้ผลตอบแทนสูงจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจในชีวิตของคุณ
  4. พัฒนาความสัมพันธ์: การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพของความสัมพันธ์ในชีวิตของคุณ
  5. เพิ่มโอกาสความสำเร็จ: การโฟกัสไปที่สิ่งที่สร้างผลกระทบมากที่สุดจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณ

ข้อควรระวังในการใช้หลักการ 80/20

แม้ว่าหลักการ 80/20 จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการที่คุณควรคำนึงถึง:

  1. อย่าละเลยสิ่งสำคัญอื่นๆ: แม้ว่า 20% จะสร้างผลลัพธ์ส่วนใหญ่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า 80% ที่เหลือไม่สำคัญเลย บางครั้งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็มีความสำคัญในการสร้างภาพรวมที่สมบูรณ์
  2. ระวังการตีความผิด: หลักการ 80/20 เป็นแนวคิด ไม่ใช่กฎตายตัว อย่ายึดติดกับตัวเลขมากเกินไป บางครั้งอาจเป็น 70/30 หรือ 90/10 ก็ได้
  3. อย่าละเลยการพัฒนาตนเอง: การโฟกัสเฉพาะสิ่งที่คุณเก่งอยู่แล้วอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ๆ
  4. รักษาสมดุล: การใช้หลักการ 80/20 ไม่ได้หมายความว่าคุณควรทำงานหนักขึ้นในเวลาที่น้อยลง แต่หมายถึงการทำงานอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  5. ยืดหยุ่นและปรับตัว: สิ่งที่เป็น 20% ที่สำคัญในวันนี้อาจไม่ใช่ในอนาคต ดังนั้นต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนและประเมินสถานการณ์ใหม่อยู่เสมอ

บทส่งท้าย: พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

หลักการ 80/20 ไม่ใช่เพียงทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิต การนำหลักการนี้ไปใช้อย่างชาญฉลาดสามารถช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย มีความสุขมากขึ้น และใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้น

แต่เช่นเดียวกับเครื่องมืออื่นๆ ประสิทธิภาพของหลักการ 80/20 ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน การนำไปปฏิบัติจริงอย่างต่อเนื่อง และการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ

ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเข้าใจในหลักการ 80/20 คุณสามารถเริ่มต้นการเดินทางสู่ชีวิตที่มีประสิทธิภาพ มีความสุข และประสบความสำเร็จมากขึ้นได้ เริ่มต้นวันนี้ด้วยการมองหา 20% ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ และดูว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ 80% ได้อย่างไร

ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งในชีวิตได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดได้ และนั่นคือพลังที่แท้จริงของหลักการ 80/20

References :
THE 80/20 PRINCIPLE by Richard Koch | Core Message
https://youtu.be/2YDR5-Mij1c?si=E2n3UMHSrE-EuICL

หยุดผัดวันประกันพรุ่ง! ชีวิตวุ่นวาย เริ่มต้นเป็นเจ้านายแห่งเวลาวันนี้ ด้วยการบริหารเวลาแบบ Thibaut Meurisse

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและภาระหน้าที่มากมาย การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพกลายเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน แต่หลายคนมักรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงในแต่ละวันนั้นไม่เพียงพอ และมักจะผัดวันประกันพรุ่งกับงานสำคัญอยู่เสมอ

Thibaut Meurisse ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้นำเสนอแนวคิดและกลยุทธ์ที่น่าสนใจในหนังสือ “Master Your Time : A Practical Guide to Increase Your Productivity and Use Your Time Meaningfully” ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถควบคุมเวลาของตนเองและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงได้

การตั้งเป้าหมาย – เข้าใจคุณค่าของเวลาและความสำคัญของการบริหารจัดการ

เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเรา แต่หลายคนกลับใช้มันอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการดูซีรีส์ติดต่อกันหลายชั่วโมง การเลื่อนหน้าจอโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆ หรือการผัดวันประกันพรุ่งกับงานสำคัญ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการสูญเสียโอกาสอันมีค่าที่จะพัฒนาตนเองและก้าวไปสู่ความสำเร็จ

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเป็นเจ้านายแห่งเวลา Thibaut Meurisse แนะนำให้เราพิจารณาชีวิตในระยะยาว และถามตัวเองว่าเราต้องการจะเป็นอะไรในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า จากนั้นจึงวางแผนการใช้เวลาในแต่ละวันให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวนั้น

นอกจากนี้ การเข้าใจถึงความสำคัญของ “ผลิตภาพ (Productivity)” ก็เป็นสิ่งจำเป็น ผลิตภาพไม่ได้หมายถึงแค่การทำงานให้เสร็จเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรักษาสมดุลระหว่างการทำงาน การพักผ่อน และการใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงด้วย การมีผลิตภาพที่ดีจะช่วยให้เราใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกด้านของชีวิต

Tibo Muice เสนอแนวคิดเรื่อง “วงจรพลังงาน” ซึ่งประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ การสะสมพลังงาน การกำหนดแหล่งที่จะใช้พลังงาน การส่งพลังงานไปยังงานสำคัญ การจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่ การพักเพื่อชาร์จพลังงาน และการเริ่มวงจรใหม่ การเข้าใจและปฏิบัติตามวงจรนี้จะช่วยให้เราสามารถใช้พลังงานและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเวลาและพลังงาน จะเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การเป็นเจ้านายแห่งเวลาอย่างแท้จริง

การเผชิญอุปสรรค – เอาชนะความท้าทายในการบริหารเวลา

แม้ว่าเราจะเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเวลาแล้ว แต่การนำไปปฏิบัติจริงนั้นมักจะเต็มไปด้วยความท้าทายและอุปสรรคมากมาย Thibaut Meurisse ได้พูดถึงปัญหาสำคัญที่มักจะขัดขวางการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น

1. การผัดวันประกันพรุ่ง

การผัดวันประกันพรุ่งเป็นนิสัยที่ทำลายประสิทธิภาพการทำงานและความสำเร็จในชีวิต Muice ได้วิเคราะห์สาเหตุของการผัดวันประกันพรุ่งไว้หลายประการ เช่น ความไม่ชัดเจนของงาน ความกลัวที่จะทำงานไม่ดีพอ หรือภาระงานที่ดูหนักเกินไป

วิธีเอาชนะการผัดวันประกันพรุ่ง:

  • ระบุความสำคัญและเหตุผลของงานให้ชัดเจน
  • แบ่งงานใหญ่ออกเป็นงานย่อยๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น
  • เริ่มต้นด้วยงานเล็กๆ ก่อนเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อน
  • ตั้งกำหนดเวลาที่ชัดเจนและมีความถี่มากขึ้น

2. การขาดสมาธิและสิ่งรบกวน

ในยุคดิจิทัล เราถูกรบกวนด้วยการแจ้งเตือนและสิ่งเร้าต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ยากที่จะมีสมาธิจดจ่อกับงานสำคัญ

วิธีเพิ่มสมาธิและลดสิ่งรบกวน:

  • ปิดการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขณะทำงาน
  • ใช้เทคนิค “Deep Work” โดยกำหนดช่วงเวลาที่จะทำงานอย่างเข้มข้นโดยไม่มีการรบกวน
  • ฝึกฝนการเข้าสู่ “Flow State” ซึ่งเป็นสภาวะที่เรามีสมาธิจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่จนลืมเวลา

3. การจัดการกับความคิดที่จำกัดตนเอง

บ่อยครั้งที่เราจำกัดตัวเองด้วยความคิดเชิงลบ เช่น “ฉันไม่มีเวลาพอ” หรือ “ฉันไม่เก่งพอที่จะทำงานนี้” ความคิดเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีจัดการกับความคิดที่จำกัดตนเอง:

  • ควรตระหนักรู้ถึงความคิดเชิงลบและท้าทายมัน
  • ใช้คำพูดที่สร้างพลังมากขึ้น เช่น “ฉันจะจัดสรรเวลาให้กับงานนี้เมื่อฉันจัดการงานปัจจุบันเสร็จ”
  • มองหาโอกาสในการพัฒนาทักษะและความสามารถของตนเอง

4. การขาดการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญ

หลายคนใช้เวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญหรือไม่เร่งด่วน เพราะขาดการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญที่ดี

วิธีปรับปรุงการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญ:

  • ใช้เทคนิค “เมทริกซ์ไอเซนฮาวร์” เพื่อแยกแยะงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน
  • ใช้หลักการ 80/20 (กฎพาเรโต) โดยมุ่งเน้นไปที่ 20% ของงานที่จะสร้างผลลัพธ์ 80%
  • วางแผนวันล่วงหน้าและกำหนดเป้าหมายรายวันที่ชัดเจน

การเผชิญหน้าและเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาทักษะการบริหารจัดการเวลา เมื่อเราสามารถจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้ เราก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตของเรา

การบรรลุผลสำเร็จ – กลยุทธ์และเทคนิคในการเป็นเจ้านายแห่งเวลา

หลังจากที่เราได้เข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารจัดการเวลาและเรียนรู้วิธีเอาชนะอุปสรรคต่างๆ แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ มาปฏิบัติเพื่อให้เราสามารถเป็นเจ้านายแห่งเวลาได้อย่างแท้จริง Tibo Muice ได้นำเสนอแนวทางที่มีประสิทธิภาพหลายประการ ดังนี้

1.การสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ

การสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการเป็นเจ้านายแห่งเวลา Meurisse แนะนำให้เราสร้างกิจวัตรประจำวันที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เรามีพลังงานสูงสุด เช่น ตอนเช้าสำหรับคนที่ตื่นเช้า หรือตอนกลางคืนสำหรับคนที่ทำงานได้ดีในช่วงค่ำ

นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือบริหารจัดการเวลาอย่างง่ายๆ เช่น ปฏิทิน รายการสิ่งที่ต้องทำ (To-do list) หรือแอปพลิเคชันจัดการงาน ก็สามารถช่วยให้เราจัดระเบียบชีวิตและงานได้ดีขึ้น

2. การพัฒนาทักษะการจัดลำดับความสำคัญ

การรู้จักจัดลำดับความสำคัญของงานเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งในการบริหารเวลา Muice เสนอให้ใช้หลักการ 80/20 หรือกฎของพาเรโต ซึ่งกล่าวว่า 80% ของผลลัพธ์มาจาก 20% ของความพยายาม ดังนั้น เราควรมุ่งเน้นไปที่งานสำคัญ 20% ที่จะสร้างผลกระทบมากที่สุด

วิธีการจัดลำดับความสำคัญที่มีประสิทธิภาพ:

  • แยกแยะงานตามความสำคัญและความเร่งด่วน
  • มุ่งเน้นที่งานที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของคุณ
  • ตัดทอนหรือมอบหมายงานที่ไม่สำคัญให้ผู้อื่น

3. การใช้เทคนิค “Deep Work” และ “Flow State”

Muice ให้ความสำคัญกับแนวคิดเรื่อง “Deep Work” ซึ่งหมายถึงการทำงานอย่างเข้มข้นโดยปราศจากสิ่งรบกวน และ “Flow State” ซึ่งเป็นสภาวะที่เรามีสมาธิจดจ่อกับงานอย่างเต็มที่จนลืมเวลา

วิธีเข้าสู่สภาวะ Deep Work และ Flow State:

  • กำหนดช่วงเวลาทำงานที่ปราศจากการรบกวน
  • ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่สามารถทำได้
  • ลดสิ่งรบกวนให้เหลือน้อยที่สุด เช่น ปิดการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์
  • ฝึกฝนสมาธิอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความสามารถในการจดจ่อ

4. การใช้เวลาอย่างชาญฉลาด

Muice เน้นย้ำว่าการใช้เวลาอย่างชาญฉลาดไม่ได้หมายถึงการทำงานตลอดเวลา แต่หมายถึงการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและสมดุล ซึ่งรวมถึงการพักผ่อน การออกกำลังกาย และการใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงด้วย

วิธีใช้เวลาอย่างชาญฉลาด:

  • วางแผนกิจกรรมพักผ่อนและสันทนาการเช่นเดียวกับที่คุณวางแผนในการทำงาน
  • ใช้เวลาว่างในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ
  • ตระหนักถึงคุณค่าของเวลาและใช้มันอย่างมีสติ

5. การลงทุนในตนเอง

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มคุณค่าของเวลาของคุณ Meurisse แนะนำให้เราลงทุนในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ การอ่านหนังสือ และการเข้าร่วมการอบรมหรือสัมมนาที่จะช่วยพัฒนาความสามารถของเรา

การลงทุนในตนเองไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจในชีวิตด้วย

6. การทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ

การเป็นเจ้านายแห่งเวลาไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นกระบวนการที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Muice แนะนำให้เราทบทวนการใช้เวลาของตนเองเป็นประจำ และปรับปรุงวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตอยู่เสมอ

วิธีทบทวนและปรับปรุง:

  • จดบันทึกการใช้เวลาของเราเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อดูว่าเราใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง
  • ตั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว และทบทวนความก้าวหน้าเป็นประจำ
  • เปิดใจรับฟังคำติชมและข้อเสนอแนะจากผู้อื่น
  • ทดลองใช้เทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ในการบริหารเวลา

บทสรุป

การเป็นเจ้านายแห่งเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณค่าของเวลา การเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และการนำกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมาใช้ เราสามารถพัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการเวลาของเราได้อย่างแน่นอน

Thibaut Meurisse ได้นำเสนอแนวคิดและเทคนิคที่มีคุณค่าในหนังสือ “Master Your Time” ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท หรือเจ้าของธุรกิจ การเป็นเจ้านายแห่งเวลาจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นลงมือทำ เริ่มจากการทำความเข้าใจตนเอง ระบุเป้าหมายที่ชัดเจน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนิสัยและวิธีการทำงานของคุณ จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่าอย่างแน่นอน

ด้วยการฝึกฝนและความมุ่งมั่น คุณจะสามารถควบคุมเวลาของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตที่มีความสุข ประสบความสำเร็จ และมีความสมดุลมากขึ้น เริ่มต้นวันนี้ และก้าวไปสู่การเป็นเจ้านายแห่งเวลาของคุณเอง!

References :
หนังสือ Master Your Time : A Practical Guide to Increase Your Productivity and Use Your Time Meaningfully โดย Thibaut Meurisse 

Geek Life EP23 : เปลี่ยนชีวิตด้วยพลังนิสัย รู้ทันกลไกสมอง เรียนรู้วิธีสร้าง ‘นิสัยแห่งความสำเร็จ’

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสร้างนิสัยที่ดีอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิต Charles Duhigg ผู้เขียนหนังสือขายดี “The Power of Habit” ได้ศึกษาวิจัยเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง และค้นพบว่าการเข้าใจกลไกการทำงานของนิสัยสามารถช่วยให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/25t9ftsd

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/y8vu2wp8

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ain5KCyBKM4

Geek Life EP22 : The Super Mario Effect! ทำไมการมองชีวิตเป็นเกมถึงช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น

ในโลกแห่งการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจและทรงพลังเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ “The Super Mario Effect” ซึ่งถูกนำเสนอโดย Mark Rober นักประดิษฐ์และยูทูบเบอร์ชื่อดัง แนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่าการมองชีวิตเหมือนเกมวิดีโอ สามารถช่วยให้เราเรียนรู้ได้มากขึ้นและประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/54t3shha

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4ms6j5fs

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/gllioDcjD30

Geek Life EP17 : ชนะเวลา ชนะชีวิต! ฉีกกฎการใช้เวลาแบบเดิมๆ วิธีเพิ่มประสิทธิภาพชีวิตแบบ 10X

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความรีบเร่งและวุ่นวาย เวลากลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดที่เรามี การเรียนรู้ที่จะใช้เวลาอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพจึงเป็นทักษะสำคัญที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ บทความนี้จะมานำเสนอแนวทางและเทคนิคในการจัดการเวลาอย่างมีคุณค่าที่สุดสำหรับทุกคน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yzdyju6p

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/29rwx743

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/OYdASl7o9dQ