มาดู Concept หุ่นยนต์สายลับนักฆ่า ในอนาคตกันเถอะ

ในเดือนมิถุนายน Corridor Digital จากสตูดิโอที่ผลิตในลอสแองเจลิสได้เปิดตัววิดีโอล้อเลียน Boston Dynamics ซึ่งหุ่นยนต์ได้แสดงถึงความพยายามในการแก้แค้นทีมงาน หลังจากที่พวกมันได้รับการฝึกฝนความทนทานที่สุดแข็งแกร่ง

ในวิดีโอใหม่ทีม“ Bosstown Dynamics” มุ่งหน้าไปยังสนามยิงปืนในทะเลทรายสำหรับการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นด้วยหุ่นยนต์ทางการทหาร

คลิปดังกล่าว หุ่นยนต์จะยิงเป้าทุกครั้งโดยใช้อาวุธปืนหลายครั้งแม้ว่าผู้ฝึกจะพยายามทดสอบความแข็งแกร่งมันเท่าไหร่ก็ตามที

พวกเขาทุบก้อนอิฐเหนือศีรษะของหุ่นยนต์ และทุบอกด้วยไม้ฮอกกี้ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของหุ่นยนต์ที่ด้านหลัง แต่ถึงแม้จะดูเหมือนหุ่นยนต์ถูกทารุณกรรม แต่ทั้งหมด นั้นอยู่ในหลักสูตรการฝึกอบรม

ที่สุดแม้ว่าทีมจะพบว่าหุ่นยนต์ของพวกเขามีขีดจำกัด ซึ่งหุ่นยนต์ดังกล่าวนั้นได้แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายสุนัขสีเหลืองที่มีความคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์ที่แข็งแกร่งของบริษัทผลิตหุ่นยนต์ชื่อดังอย่าง boston Dynamics’ อย่าง SpotMini

แม้ในวิดีโอนั้นชัดเจนว่าเป็นเรื่องตลก แต่หุ่นยนต์ทหารที่มีความเป็นไปได้สูงมากสำหรับอนาคตถ้าเทียบกับเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้กำลังวิจัยและพัฒนาในหลาย ๆ แล็ปทั่วโลก รวมถึง DARPA ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ

ตอนนี้ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก กำลังตื่นตัวกับการสร้างเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการปฏิบัติการทางทหารจาก AI ไปจนถึงการขับเคลื่อนรถถังและเรือที่เป็นการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ

มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงก้าวกระโดดที่สำคัญของหุ่นยนต์ทางการทหาร และคงไม่กล่าวเกินจริงว่า อีกไม่นานเราอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์เหมือนที่ปรากฎในวิดีโอไปใช้งานจริง ๆ ในสนามรบนั่นเอง

References : https://futurism.com/the-byte/cgi-video-military-robot-flipping-table-guns https://i.ytimg.com/vi/y3RIHnK0_NE/maxresdefault.jpg

Avatars Robot กับการทดแทนการบินจริง ๆ ของคุณที่แสนเหนื่อยล้า

การเดินทางทางอากาศเชิงพาณิชย์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้โดยสารหลย ๆ คนต้องการที่จะใช้เวลาในช่วงคริสต์มาสกับพ่อแม่ของคุณ ณ เมืองอีกซีกโลกหนึ่ง? คุณจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินทางด้วยสายการบินเหล่านี้

แต่ตอนนี้สายการบินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นหวังที่จะสร้างการเดินทางใหม่ – โดยตัดเครื่องบินออกจากสมการดังกล่าว และเพิ่มในหุ่นยนต์ทางไกลที่มีรูปแบบเสมือนจริง

ในวันจันทร์ที่งานมหกรรมรวมเทคโนโลยีขั้นสูงของโตเกียวออลนิปปอนแอร์เวย์ส (ANA) ได้เปิดตัว newme ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีหน้าตาเหมือน iPad ติดอยู่บน Roomba

ความคิดคือ newme สามารถใช้เป็นสัญลักษณ์สำหรับนักเดินทางที่ต้องการให้พวกเขามีความสามารถในการสัมผัสกับปลายทางโดยไม่ต้องเดินทาง พ่อแม่ของคุณอาจมีน้องคนใหม่ที่บ้านของพวกเขา ตัวอย่างเช่นและเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการเยี่ยมชมคุณแค่สวมหูฟัง VR ควบคุมหุ่นยนต์ และทำการวิดีโอแชทกับแม่และพ่อในขณะที่มันได้ให้ประสบการณ์จริง ๆ เหมือนไปอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ของคุณ

จากการแถลงข่าว ANA มีแผนที่จะติดตั้ง Avatars ตัวใหม่ 1,000 ตัวในช่วงฤดูร้อนปี 2020 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันกีฬาจากบ้านของพวกเขาหรือประสบการณ์ในการช็อปปิ้งในอีกซีกหนึ่งของโลกของโลกได้

ในที่สุด ANA เชื่อว่า newme และอวตารอื่น ๆ ที่กำลังพัฒนาสามารถอนุญาตให้ผู้คน“ เดินทาง” ไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งแม้แต่ทะเลลึกหรือฐานบนดวงจันทร์มันก็สามารถช่วยคุณได้

และหุ่นยนต์ดังกล่าวยัง สามารถช่วยให้แพทย์รักษาผู้ป่วยจากฝั่งตรงข้ามของโลกได้ พวกเขายังสามารถใช้เป็นที่ทำงานแทนคนที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้เนื่องจากความพิการ

“ เมื่อวางโลกไว้ที่ปลายนิ้วของคุณ Avatars Robot เหล่านี้จะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับคุณ” ซีอีโอ ของ ANA Shinya Katanozaka กล่าวในงานแถลงข่าว“ เทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะช่วยพัฒนาทุกอย่างตั้งแต่ธุรกิจและการศึกษาไปจนถึงการดูแลสุขภาพและความบันเทิงนั่นเอง”

References : https://www.bloomberg.com

หุ่นยนต์ใหม่ของ Toyota กับการเป็นผู้ช่วยดูแลบ้านของคุณ

หุ่นยนต์ในบ้านสามารถทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือพวกมันยังสามารถให้ผู้สูงอายุมีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้น แต่การฝึกอบรมหุ่นยนต์เพื่อใช้งานในบ้านเป็นเรื่องยากเพราะบ้านแต่ละหลังนั้นมีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยวัตถุมากมายในรูปแบบและการผสมผสานที่แตกต่างกัน 

สถาบันวิจัยโตโยต้า ( TRI ) อาจมีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ : โดยการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality เพื่อเปลี่ยนวิธีการฝึกอบรมหุ่นยนต์เหล่านี้

ระบบการฝึกอบรม VR ช่วยให้ครูมนุษย์เห็นสิ่งที่หุ่นยนต์เห็นในรูปแบบ 3 มิติจากเซ็นเซอร์ ครูสามารถสั่งการหุ่นยนต์ และใส่คำอธิบายประกอบในรูปแบบฉาก 3 มิติ เช่นการเพิ่มโน้ตเกี่ยวกับวิธีการจับที่จับ 

ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้ฝึกสอนมนุษย์สามารถสอนหุ่นยนต์ให้ทำงานด้วยความหลากหลายของวัตถุแทนที่จะเป็นงานเฉพาะอย่างที่พวกเขาเคยทำในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้มากกว่า

ระบบ TRI ช่วยให้หุ่นยนต์ที่จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น พวกเขาไม่ต้องการแผนที่บ้านทั้งหมด แต่พวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจวัตถุที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ และต้องขอบคุณการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของมัน เมื่อหุ่นยนต์ตัวหนึ่งได้รับการฝึกฝนในงานแต่ละงานที่มนุษย์สอน

แม้ระบบยังไม่สมบูรณ์แบบนัก ในวิดีโอของ บริษัท TRI เตือนผู้ชมว่าหุ่นยนต์ดังกล่าวเป็นการสร้างต้นแบบการวิจัยไม่ใช่แนวคิดผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามระบบที่ใช้ VR สามารถเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของหุ่นยนต์และวิธีการที่เราสามารถใช้พวกมันในการตั้งค่าที่แตกต่างกันได้นั่นเอง

References : https://www.engadget.com

OMRON Forpheus หุ่นยนต์ใหม่กับแนวคิดการผสานความร่วมมือกับมนุษย์

OMRON เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพเช่นเครื่องวัดอุณหภูมิและวัดความดันโลหิต   แต่ตอนนี้ความทะเยอทะยานของบริษัทกำลังก้าวสู่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างการสร้างหุ่นยนต์ เทเบิลเทนนิส Forpheus 

ในทางเทคนิคแล้ว Forpheus เป็นหุ่นยนต์ตัวใหม่ ในขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้มีแนวโน้มที่จะใช้ฮาร์ดแวร์จำนวนมากเกินไป แต่รุ่นใหม่นี้สร้างขึ้นแบบใหม่เพื่อเล่นปิงปอง  แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นตัวกล้องหลักนั้นมีขนาดเล็กกว่ารุ่นเดิม ๆ มาก 

โดยเฉพาะกล้องสองตัวที่ให้ความสำคัญกับการติดตามลูกปิงปอง มีอีกสองตัวที่อยู่ที่ผู้เล่นที่เป็นมนุษย์  รวมถึงกล้องความเร็วสูงบนไม้สำหรับใช้ตีปิงปอง ยิ่งไปกว่านั้นตัวไม้ยังมีป้ายสีเขียวติดอยู่ทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้กล้องความเร็วสูงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ซึ่งด้วยวิธีนี้ Forpheus สามารถระบุรูปแบบของการหมุนของลูกปิงปองได้อย่างง่ายดาย ด้วยการอัพเกรดเทคโนโลยี Computer Vision ใหม่ พร้อมกับระบบอัตโนมัติล่าสุดของ OMRON ทำให้ Forpheus สามารถทำนายพฤติกรรมของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี

โดย Forpheus นั้นมีแขนหุ่นยนต์แบบหลายแกนรูปแบบใหม่ที่สามารถเลียนแบบข้อศอกและข้อมือของมนุษย์ได้ดีกว่า ซึ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Forpheus:  แต่ไม่เพียงแค่นั้นบอทสามารถตีกลับด้วยท็อปสปินและแบ็คสปินได้เหมือนมนุษย์ รวมถึงตัวควบคุมเซอร์โวที่เร็วขึ้นเห็นได้ชัดว่าช่วยได้มากเช่นกัน

Forpheus โชว์การเล่นปิงปองระดับเทพ
Forpheus โชว์การเล่นปิงปองระดับเทพ

รายงานบนหน้าจอยังได้แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของForpheus นั้นใกล้เคียงกับผู้เล่นมืออาชีพถึง 78% ซึ่งตามรายงานของ OMRON เป็นผลงานที่ค่อนข้างดีมาก 

เมื่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวกำลังจะมาถึงในปีหน้า OMRON จะใช้โอกาสนี้เพื่อโปรโมตหุ่นยนต์ปิงปอง  และยังไม่มีความชัดเจนว่า OMRON จะทำการจัดจำหน่าย Forpheus หรือไม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วโครงการนี้เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมอัตโนมัติของบริษัท การออกแบบเครื่องจักรกลและความสุดยอดของเทคโนโลยี AI นั่นเอง

OMRON แสดงความสามารถของหุ่นยนต์เล่นปิงปองเพื่อ?

แม้กระทั่งกีฬาที่ใช้ความว่องไวสูงอย่าง ปิงปอง นั้น เราจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีทางด้านแขนหุ่นในปัจจุบันได้พัฒนาไปมากขนาดไหน เจ้าหุ่นยนต์ Forpheus  นั้นคงแค่สื่อให้เห็นถึงความเร็วในการทำงานของแขนหุ่นมากกว่า ที่จะนำมาใช้ในการแข่ง ปิงปอง จริง ๆ ที่คิดว่าคงไม่มีใครกล้าจะลงทุนซื้ออย่างแน่นอน

แต่ถ้าเรามองถึงการผลิตในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นความเร็วที่เป็นต่อในการผลิต ก็สามารถทำให้ได้เปรียบคู่แข่งได้ และอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างศักยภาพในการแข่งขันในตลาดได้

และที่สำคัญ มันได้แสดงให้เห็นแนวคิดที่สำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่าง มนุษย์กับหุ่นยนต์ ที่มันอาจจะไม่ได้มาแย่งงานเราทั้งหมดก็ได้ ในอนาคตนั้น การทำงานร่วมกับหุ่นยนต์จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน งานหลาย ๆ งานยังต้องพึ่งพามนุษย์อยู่และหุ่นยนต์จะมาเป็นเพียงผู้ช่วยเพื่อให้งานต่าง ๆ มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม จากที่เราใช้ทำด้วยมนุษย์เพียงอย่างเดียว แนวคิดการทำงานร่วมกันนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งสุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือมนุษย์เรานั่นเองครับ

References : 
https://www.engadget.com/2019/01/16/omron-forpheus-fifth-generation-table-tennis-robot-ces/

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนลูกชายออทิสติกให้กลายเป็นหุ่นยนต์

นักประสาทวิทยา Vivienne Ming  (วิเวียน หมิง) ได้ทำการสำรวจวิธีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพของมนุษย์  แต่ในบทความใหม่จาก Quartz (qz.com) มีสิ่งที่น่าสนใจโดยเธอให้รายละเอียดว่าเธอได้ถ่ายทอด “ ความบ้าวิทยาศาสตร์” ภายในตัวเธอออกมาได้อย่างไร

หมิง กล่าวว่าหลังจากที่ลูกชายของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก เธอก็ได้เริ่มมีความสนใจในการทำงานเพื่อสร้างระบบจดจำใบหน้าโดยใช้อุปกรณ์อย่าง Google Glass ที่ออกแบบมาเพื่อตีความการแสดงออกทางสีหน้าของผู้อื่นได้แบบเรียลไทม์

“ ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนลูกชายของฉันให้กลายเป็นหุ่นยนต์ และเปลี่ยนนิยามของความหมายของการเป็นมนุษย์เสียใหม่ ” เธอกล่าว 

มีคำถามว่าการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มลักษณะทางชีววิทยาของมนุษย์ จะไม่อ้างอิงจากจินตนาการจากหนัง Sci-Fi ไม่ได้ เมื่อมองดูความจริงในวันนี้ คนที่มีประสาทหูเทียม , ตาไบโอนิค และ การควบคุมขาเทียมโดยใช้จิต อยู่รวมในหมู่พวกเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อุปกรณ์เหล่านี้อาจแตกต่างกันในวัตถุประสงค์เฉพาะของมัน แต่โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีทั้งหมดสร้างขึ้นเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกัน: ทำให้คนที่ผิดปรกติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอัมพาต ตาบอด หรืออะไรก็ตาม ให้กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป

ซึ่งระบบหมิงที่สร้างขึ้นก็เพื่อให้ลูกชายของเธอกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนมนุษย์ทั่วไปเช่นเดียวกันนั่นเอง

References : https://qz.com/1650393/transhumanist-parents-are-turning-their-children-into-cyborgs/