หยุดกลัวการถูกปฏิเสธ! ชายจีนผู้ท้าทายการถูกปฏิเสธ 100 วัน และบทเรียนที่เปลี่ยนชีวิต

ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างเคยเผชิญกับความกลัวการถูกปฏิเสธมาแล้วทั้งนั้น บางคนถึงขั้นยอมทิ้งความฝันและโอกาสดีๆ ในชีวิตเพียงเพราะกลัวคำว่า “ไม่”

แต่มีชายคนหนึ่งที่กล้าท้าทายความกลัวนี้ด้วยวิธีที่แปลกประหลาดและน่าสนใจ เขาคือ Jia Jiang ชายชาวจีนผู้อพยพมาอเมริกาพร้อมความฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการ

Jia Jiang เกิดและเติบโตในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่เด็กเขามีความฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการในอเมริกา แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้พบกับ Bill Gates ในงานที่โรงเรียนตอนอายุ 14 ปี ทำให้เขาตัดสินใจมุ่งมั่นที่จะย้ายมาเรียนและทำงานในอเมริกา

แม้จะประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานในบริษัทชั้นนำ แต่ความฝันของเขากลับถูกขัดขวางด้วยความกลัวการถูกปฏิเสธที่ฝังรากลึก จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากนักลงทุนปฏิเสธที่จะสนับสนุนสตาร์ทอัพของเขา แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับตัดสินใจท้าทายตัวเองด้วยการทำภารกิจที่เรียกว่า “100 วันแห่งการถูกปฏิเสธ” ซึ่งผมว่ามันเป็นการทดลองที่เจ๋งมาก ๆ

แรงบันดาลใจในการทำภารกิจนี้มาจาก Jason Comely ผู้สร้างเกม “Rejection Therapy” ที่มีกฎง่ายๆ คือผู้เล่นต้องทำให้ตัวเองถูกปฏิเสธจากใครสักคนทุกวัน Comely สร้างเกมนี้หลังจากที่ภรรยาของเขาจากไป และเขาต้องต่อสู้กับความกลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง

ภารกิจของ Jia Jiang เริ่มต้นด้วยการขอสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในแต่ละวัน เช่น การขอยืมเงิน 100 ดอลลาร์จากคนแปลกหน้า การขอให้พนักงาน Krispy Kreme ทำโดนัทเป็นรูปวงแหวนโอลิมปิก การเคาะประตูบ้านคนแปลกหน้าเพื่อขอเล่นฟุตบอลในสนามหลังบ้าน การขอถ่ายรูปกับพนักงานรักษาความปลอดภัยในท่าซูเปอร์ฮีโร่ หรือแม้แต่การเดินเข้าไปในออฟฟิศแบบสุ่มเพื่อขอทำงานเพียงวันเดียว

หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าประทับใจที่สุดคือวันที่เขาขอให้พนักงาน Krispy Kreme ทำโดนัทรูปวงแหวนโอลิมปิก แทนที่จะถูกปฏิเสธ Jackie พนักงานที่อยู่เวรกลับใช้เวลา 15 นาทีในการวาดและจัดวางโดนัทเป็นรูปวงแหวนโอลิมปิก พร้อมทั้งใช้น้ำตาลสีต่างๆ ตกแต่งให้สวยงาม โดยไม่คิดเงินเพิ่ม

จากการทดลองนี้ Jia Jiang ได้ค้นพบความจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับธรรมชาติของการถูกปฏิเสธ ประการแรก เขาพบว่าการถูกปฏิเสธนั้นเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ต่างจากการที่คนไม่ชอบไอศกรีมรสมินต์ปฏิเสธที่จะรับประทาน มันไม่ได้สะท้อนถึงคุณค่าของตัวเราแต่อย่างใด

ในระหว่างการทดลอง เขาพบว่าผู้คนมักมีเหตุผลส่วนตัวในการปฏิเสธที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย เช่น กฎระเบียบขององค์กร ข้อจำกัดด้านเวลา หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น การเข้าใจเรื่องนี้ช่วยให้เขารับมือกับการถูกปฏิเสธได้ดีขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Joshua Bell นักไวโอลินรางวัล Grammy ที่แต่งตัวธรรมดาใส่ยีนส์และหมวกเบสบอล ไปเล่นดนตรีในสถานีรถไฟใต้ดิน DC มีเพียง 7 คนจาก 1,097 คนที่หยุดฟัง ทั้งที่การแสดงของเขามักได้รับเสียงปรบมือยืนยาวในคอนเสิร์ตฮอลล์ชื่อดังอย่าง John F. Kennedy Center

การทดลองของ Joshua Bell เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ Washington Post ในปี 2007 เพื่อศึกษาการรับรู้ความงามของศิลปะในบริบทที่ไม่คาดคิด Bell เล่นบทเพลงคลาสสิกที่ยากที่สุดบางบทด้วยไวโอลิน Stradivarius มูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ แต่ได้รับเงินบริจาคเพียง 32 ดอลลาร์จากการแสดง 45 นาที

นี่แสดงให้เห็นว่าบริบทและจังหวะเวลามีผลต่อการตอบรับมากกว่าความสามารถที่แท้จริง เช่นเดียวกับที่คนในสถานีรถไฟไม่ได้ปฏิเสธความสามารถของ Joshua Bell แต่พวกเขาแค่ไม่ได้อยู่ในโหมดที่จะชื่นชมดนตรีคลาสสิกในตอนเช้าที่เร่งรีบ

ประการที่สอง การถามหาเหตุผลของการปฏิเสธอย่างสุภาพสามารถเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ได้ เช่นครั้งที่ Jia Jiang ขอประกาศเรื่องความปลอดภัยบนเครื่องบิน Southwest แม้จะถูกปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อถามถึงเหตุผล พนักงานกลับคิดหาทางออกใหม่ให้เขาได้พูดต้อนรับผู้โดยสารแทน

การถามหาเหตุผลยังช่วยให้เราเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย และบางครั้งอาจนำไปสู่ทางออกที่ดีกว่าเดิม เช่นกรณีที่เขาขอใช้เครื่องประกาศเสียงที่ร้าน Costco เพื่อประกาศชมเชยพนักงาน แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ผู้จัดการกลับรู้สึกประทับใจในความตั้งใจดีของเขาและเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทน

นอกจากนี้ การถามเหตุผลยังช่วยให้เราได้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับการปรับปรุงคำขอในครั้งต่อไป เช่น เมื่อเขาขอให้สายการบินอนุญาตให้ประกาศ เขาได้เรียนรู้ว่ามีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ต้องคำนึงถึง ทำให้ในครั้งต่อไปเขาสามารถปรับคำขอให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเหล่านั้นได้

ประการที่สาม การลดขนาดคำขอลง หรือที่ Robert Cialdini ผู้เขียนหนังสือ “Influence” เรียกว่า “Retreating” เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะผู้คนมักรู้สึกไม่สบายใจที่จะปฏิเสธคำขอเล็กๆ หลังจากที่ปฏิเสธคำขอใหญ่ไปแล้ว

จากการศึกษาของ Cialdini พบว่าการลดขนาดคำขอสามารถเพิ่มโอกาสการตอบรับได้ถึง 76% เพราะเป็นการแสดงความยืดหยุ่นและความเข้าใจต่อข้อจำกัดของอีกฝ่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากหลักจิตวิทยาที่เรียกว่า “การตอบแทน (Reciprocity)” ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าควรตอบแทนความยืดหยุ่นที่เราแสดงออก

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเมื่อ Jia Jiang ขอแซนด์วิช McGriddle จาก McDonald’s ในตอนบ่าย 2 โมง ซึ่งเลยเวลาอาหารเช้าไปแล้ว เมื่อถูกปฏิเสธและได้รับคำอธิบายว่าเครื่องทำไข่และไส้กรอกถูกล้างไปแล้ว เขาจึงปรับคำขอเป็นขนมปังกริดเดิลราดน้ำผึ้งกับชีสแทน ซึ่งพนักงานสามารถจัดให้ได้

การลดขนาดคำขอยังช่วยให้เราได้เรียนรู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เราต้องการจริงๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราขอในตอนแรก เช่น ในกรณีของ McDonald’s เขาได้ค้นพบว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือรสชาติของขนมปังกริดเดิล ไม่ใช่แซนด์วิช McGriddle ทั้งชิ้น

การถูกปฏิเสธยังมีประโยชน์แฝงอยู่หลายประการที่น่าสนใจ ประการแรกคือการสร้างภูมิคุ้มกันต่อการถูกปฏิเสธในอนาคต เมื่อเราเข้าใจว่าการถูกปฏิเสธไม่ได้ทำลายคุณค่าในตัวเรา เราจะกล้าเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น เหมือนการฉีดวัคซีนที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค การเผชิญกับการถูกปฏิเสธบ่อยๆ จะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น

ในช่วงท้ายของการทดลอง Jia Jiang พบว่าเขาสามารถรับมือกับการถูกปฏิเสธได้ดีขึ้นมาก เขารู้สึกเจ็บปวดน้อยลงเมื่อถูกปฏิเสธ และสามารถมองหาโอกาสใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนกับนักมวยที่โดนต่อยบ่อยๆ จนชินและรู้วิธีรับมือกับหมัด

ประการที่สองคือการเพิ่มแรงจูงใจ เหมือนกรณีของ Michael Jordan ที่ใช้การถูกปฏิเสธจากทีมบาสเก็ตบอลมัธยมเป็นแรงผลักดันในการฝึกซ้อมหนักขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในนักบาสเก็ตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

Michael Jordan เคยเล่าว่าเขาถูกตัดตัวจากทีมบาสเก็ตบอลมัธยมปลายในปีที่สอง แต่แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับใช้ความผิดหวังนั้นเป็นแรงผลักดันให้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อซ้อมก่อนเข้าเรียน และซ้อมต่อจนถึงค่ำทุกวัน จนในที่สุดเขาก็ได้กลับเข้าทีมและกลายเป็นดาวเด่น

ประการสุดท้ายคือการให้แนวทางในการปรับปรุง ดังที่ Thomas Edison กล่าวว่า เขาไม่ได้ล้มเหลว 10,000 ครั้ง แต่ค้นพบ 10,000 วิธีที่ใช้ไม่ได้ผล การมองการปฏิเสธแบบไม่มีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องจะช่วยให้เราเห็นจุดที่ต้องปรับปรุงได้ชัดเจนขึ้น

Edison เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้การล้มเหลวเป็นบทเรียน ในการคิดค้นหลอดไฟฟ้า เขาทดลองวัสดุที่จะใช้เป็นไส้หลอดมากกว่า 6,000 ชนิด แต่ละครั้งที่ล้มเหลว เขาจดบันทึกอย่างละเอียดว่าทำไมมันถึงใช้ไม่ได้ จนในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าใยไม้ไผ่เป็นวัสดุที่เหมาะสมที่สุด

หลังจากจบภารกิจ 100 วัน Jia Jiang ได้กลายเป็นวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธ เขาได้เขียนหนังสือ “Rejection Proof” และให้การบรรยาย TED Talk ที่มีผู้ชมนับล้าน ประสบการณ์ของเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวการถูกปฏิเสธ

ปัจจุบัน Jia Jiang ได้ก่อตั้งบริษัท Rejection Therapy เพื่อช่วยให้ผู้คนและองค์กรต่างๆ เอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธ เขาได้รับเชิญไปบรรยายในองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น Google, Microsoft, และ Bank of America โดยเขาเน้นย้ำว่าการเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธไม่เพียงช่วยให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ยังช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้นด้วย

ในท้ายที่สุด Jia Jiang สรุปว่า การถูกปฏิเสธที่เคยเป็นเหมือนยักษ์โกลิอัทในชีวิตของเขา ได้กลายเป็นเพียงความท้าทายที่สามารถเอาชนะได้ด้วยมุมมองที่ถูกต้องและการฝึกฝน เมื่อเราเข้าใจว่าการถูกปฏิเสธไม่ใช่การตัดสินคุณค่าของเรา เราก็จะมีอิสระในการขอสิ่งที่ต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอเลื่อนตำแหน่ง การขอความช่วยเหลือ หรือแม้แต่การขอโอกาสในการทำความฝันให้เป็นจริง

References :
หนังสือ Rejection Proof: How I Beat Fear and Became Invincible Through 100 Days of Rejection โดย Jia Jiang

Geek Life EP132 : หน้าเดียวจบ ครบทุกเป้าหมาย เปิดโลกความสำเร็จด้วยกระดาษแผ่นเดียว กับเคล็ดลับจาก Dr. Sarah Glova

ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความวุ่นวาย บางครั้งแนวคิดที่เรียบง่ายที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุด เช่นเดียวกับที่ Dr. Sarah Glova นักข่าวธุรกิจและพิธีกรพอดแคสต์ผู้มากประสบการณ์ ได้ค้นพบระหว่างการสนทนากับเพื่อนของเธอ

เธอกล่าวว่าแม้แต่เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดอย่างการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็สามารถวางแผนได้ในกระดาษเพียงหนึ่งหน้า คำกล่าวนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อสำหรับหลายคน แต่เบื้องหลังแนวคิดนี้คือประสบการณ์อันยาวนานและการค้นพบที่น่าสนใจมาก ๆ ของเธอ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/bwwhr8wp

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/2bty2mx8

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/fD5LMsuGuB4

Geek Life EP131 : 3 บทเรียนสำคัญจาก Winning เคล็ดลับที่ทำให้ Jordan และ Kobe กลายเป็นตำนาน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการทุ่มเทและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

Tim Grover ผู้เขียนหนังสือ Winning ได้ใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการศึกษาและทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Michael Jordan และ Kobe Bryant ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัว ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นผู้ชนะอย่างลึกซึ้ง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mf47sh7z

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/332xza22

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/vd5sshfeiLU

Geek Life EP125 : 3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4r9wt5b6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/f7da9z33

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kUpj1hkhE2w

หน้าเดียวจบ ครบทุกเป้าหมาย : เปิดโลกความสำเร็จด้วยกระดาษแผ่นเดียว กับเคล็ดลับจาก Dr. Sarah Globa

ในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความวุ่นวาย บางครั้งแนวคิดที่เรียบง่ายที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุด เช่นเดียวกับที่ Dr. Sarah Globa นักข่าวธุรกิจและพิธีกรพอดแคสต์ผู้มากประสบการณ์ ได้ค้นพบระหว่างการสนทนากับเพื่อนของเธอ

เธอกล่าวว่าแม้แต่เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดอย่างการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็สามารถวางแผนได้ในกระดาษเพียงหนึ่งหน้า คำกล่าวนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อสำหรับหลายคน แต่เบื้องหลังแนวคิดนี้คือประสบการณ์อันยาวนานและการค้นพบที่น่าสนใจมาก ๆ ของเธอ

การค้นพบรูปแบบแห่งความสำเร็จ

ตลอดเส้นทางอาชีพที่ยาวนาน Dr. Globa ได้มีโอกาสสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จมากมาย ตั้งแต่ผู้ก่อตั้งบริษัทที่สร้างนวัตกรรมใหม่ ผู้นำการเคลื่อนไหวทางสังคมที่สร้างการเปลี่ยนแปลง นักเทคโนโลยีที่พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่เปลี่ยนโลก ไปจนถึงผู้บุกเบิกที่ทำลายกำแพงด้านเชื้อชาติและเพศในวงการต่างๆ

จากการสัมภาษณ์ที่มีมากกว่าพันครั้ง Dr. Globa เริ่มสังเกตเห็นรูปแบบที่น่าสนใจ แม้ว่าแต่ละคนจะมีภูมิหลัง ประสบการณ์ และเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่พวกเขามีวิธีการจัดการกับความท้าทายและการบรรลุเป้าหมายที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ สิ่งนี้จุดประกายให้เธอใช้เวลาหลายปีในการศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบดังกล่าว

การพัฒนาสู่แนวคิด “แผนหนึ่งหน้า”

หลังจากการวิจัยอย่างละเอียดและการทดสอบกับกลุ่มคนหลากหลาย Dr. Globa ได้พัฒนาแนวคิด “แผนหนึ่งหน้า” ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับเป้าหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นสามองค์ประกอบสำคัญที่ต้องทำงานร่วมกัน

องค์ประกอบที่ 1: การสร้างความเฉพาะเจาะจง

ส่วนแรกของแผนเน้นที่การกำหนดเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการระบุสิ่งที่ต้องการอย่างกว้างๆ เช่น “อยากเขียนหนังสือ” หรือ “อยากเริ่มธุรกิจ” แต่ต้องลงลึกถึงรายละเอียดที่ทำให้เป้าหมายนั้นเป็นของเราอย่างแท้จริง

การสร้างความเฉพาะเจาะจงต้องตอบคำถามสำคัญหลายข้อ:

  • เหตุผลและแรงจูงใจที่แท้จริงในการตั้งเป้าหมายนี้
  • คุณค่าและความหมายของเป้าหมายที่มีต่อชีวิตของเรา
  • จุดแข็ง ความสามารถ และประสบการณ์เฉพาะตัวที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย
  • กรอบเวลาที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ
  • รูปแบบการทำงานที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตและความรับผิดชอบที่มีอยู่

Dr. Globa เน้นย้ำว่าความเฉพาะเจาะจงนี้ควรใช้พื้นที่ประมาณหนึ่งในสามของกระดาษ และต้องเขียนในลักษณะที่ทำให้ไม่มีใครสามารถนำแผนของเราไปใช้แทนได้ เพราะมันสะท้อนตัวตน เป้าหมาย และสถานการณ์เฉพาะของเราอย่างชัดเจน

องค์ประกอบที่ 2: การจัดลำดับความสำคัญและการลงมือทำ

ส่วนที่สองของแผนให้โฟกัสที่การลงมือทำอย่างมีประสิทธิภาพ Dr. Globa สังเกตว่าหลายคนติดกับดักของการวางแผนไม่สิ้นสุด เช่น การปรับแต่งเรซูเม่หรือโปรไฟล์ LinkedIn อยู่เป็นเดือนๆ โดยไม่เคยก้าวไปสู่การกระทำที่สำคัญจริงๆ

ในพื้นที่ส่วนกลางของกระดาษ แผนจะประกอบด้วยวันที่และเป้าหมายระยะสั้นที่สำคัญ โดยเน้นที่การกระทำที่จะสร้างความก้าวหน้าอย่างแท้จริง แม้ว่าบางครั้งอาจรู้สึกเสี่ยงหรือท้าทาย เช่น การส่งใบสมัครงาน การเขียนบทแรกของหนังสือ หรือการติดต่อนักลงทุน

Dr. Globa พบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จมักมีความสามารถพิเศษในการระบุและให้ความสำคัญกับการกระทำที่สร้างผลกระทบสูง แม้ว่าพวกเขาจะมีรายการสิ่งที่ต้องทำมากมายเช่นเดียวกับคนทั่วไป แต่พวกเขาสามารถแยกแยะและโฟกัสไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดได้อย่างแม่นยำ

องค์ประกอบที่ 3: การสร้างชุมชนและเครือข่ายสนับสนุน

ส่วนสุดท้ายของแผน ซึ่ง Dr. Globa มองว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด คือการสร้างระบบสนับสนุน จากการสัมภาษณ์ผู้ประสบความสำเร็จทุกคน เธอพบว่าไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จโดยลำพัง ทุกคนล้วนมีที่ปรึกษา พี่เลี้ยง หรือผู้สนับสนุนที่คอยช่วยเหลือในยามที่เผชิญอุปสรรค

การสร้างชุมชนและเครือข่ายไม่เพียงแต่เป็นการระบุคนที่เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ในปัจจุบัน แต่ยังต้องวางแผนว่าเราต้องการความเชี่ยวชาญหรือการสนับสนุนในด้านใดเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น Dr. Globa เน้นย้ำว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสร้างเครือข่ายคือก่อนที่เราจะต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมื่อเราติดขัดแล้ว

การประยุกต์ใช้แผนหนึ่งหน้า

ในยุคที่ข้อมูลและความวุ่นวายหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด การมีแผนที่กระชับเพียงหนึ่งหน้าช่วยให้เรามีจุดยึดเหนี่ยวที่ชัดเจน แผนนี้ทำหน้าที่เสมือนเข็มทิศที่คอยเตือนใจถึงเป้าหมายและสิ่งที่สำคัญท่ามกลางเสียงรบกวนรอบตัว

นอกจากนี้ ความเรียบง่ายของแผนหนึ่งหน้ายังทำให้เราสามารถพกพาและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในห้องทำงาน หอพัก หรือในกระเป๋าเป้ การมีแผนอยู่ใกล้ตัวช่วยเตือนความทรงจำและรักษาแรงบันดาลใจให้คงอยู่ แม้ในวันที่ยากลำบาก

ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่จากแนวคิดที่เรียบง่าย

Dr. Globa เชื่อว่าโลกจะเป็นสถานที่ที่ดีขึ้นถ้าผู้คนสามารถบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา แผนหนึ่งหน้าจึงเป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นเดินทางสู่ความสำเร็จได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้มีทรัพยากรหรือเครื่องมือที่ซับซ้อน

การมีแผนที่ชัดเจนและกระชับไม่เพียงช่วยให้เราโฟกัสที่สิ่งสำคัญ แต่ยังเป็นการเตือนใจถึงศักยภาพที่เรามี และการสนับสนุนที่เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการนั่นเองครับผม

References :
How to achieve your goals with a single page | Sarah Glova | TEDxShawUniversity
https://youtu.be/LeXSrEMXvQk?si=rQPVtLkQt3qNBekF