จากคนที่แย่ที่สุด สู่คนที่ดีที่สุด : Your Future Self หยุดทำร้ายตัวเองในอนาคตด้วยการตัดสินใจผิดๆ วันนี้

ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกหนึ่งเล่มนะครับ หนังสือ “Your Future Self” ที่เขียนโดย Hal Hershfield ได้เปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ผ่านแนวคิดที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าตัวตนของเราเป็นสิ่งที่หยุดนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลง

Hershfield นำเสนอมุมมองที่แตกต่างว่า ตัวตนของเราคือการเดินทาง เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นใหม่ได้เสมอผ่านการตัดสินใจและการกระทำในแต่ละวัน

เรื่องราวของ Pedro Rodriguez Filio ที่ถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในหนังสือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงตนเอง แม้จะเคยเป็นอาชญากรที่โหดร้าย แต่เขาก็สามารถพลิกผันชีวิตและสร้างตัวตนใหม่ได้อย่างสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงของเขาไม่เพียงท้าทายความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งคำถามกับความเชื่อที่ว่าตัวตนของเราถูกกำหนดโดยอดีตเพียงอย่างเดียว

การค้นพบตัวตน

จากการศึกษาของ Harvard Medical School พบว่า สมองของมนุษย์มีความยืดหยุ่นและสามารถสร้างเส้นทางประสาทใหม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานทางชีววิทยาที่รองรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเองของมนุษย์ เรื่องราวของ Rodriguez Filio เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความจริงข้อนี้

เขาเกิดมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรง มีรอยแผลเป็นบนกะโหลกศีรษะจากการถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้าย ความรุนแรงในวัยเด็กนำไปสู่เส้นทางอาชญากรรม

จนกระทั่งในปี 1985 เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 71 ราย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเขาได้รับโอกาสกลับสู่สังคม การเปลี่ยนแปลงของเขาเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การตื่นแต่เช้าตรู่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการละเว้นจากสิ่งเสพติดทุกชนิด

การศึกษาอันลึกซึ้งของ Professor Nina Strohminger ได้ช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับธรรมชาติของอัตลักษณ์มนุษย์ ผ่านการศึกษาผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้ป่วย Alzheimer’s, ALS และ frontotemporal dementia ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า แก่นแท้ของตัวตนไม่ได้อยู่ที่ร่างกายหรือความทรงจำ แต่อยู่ที่คุณค่าทางศีลธรรมและจริยธรรมที่เรายึดถือ

นักประสาทวิทยาได้ค้นพบว่า บริเวณสมองส่วน prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมและการควบคุมพฤติกรรม สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ใหม่ๆ การค้นพบนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Rodriguez Filio ที่เลือกสร้างตัวตนใหม่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ดีงาม

ความท้าทายและอุปสรรค

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เราต้องเผชิญกับอคติทางความคิดหลายประการที่ฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ “projection bias” ที่ทำให้เราเชื่อว่าความรู้สึกและความต้องการในปัจจุบันจะคงอยู่ตลอดไป เช่น การตัดสินใจซื้อบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด อาจทำให้เราให้ความสำคัญกับระบบปรับอากาศมากเกินไป โดยลืมพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆ

อีกหนึ่งอคติที่สำคัญคือ “end of history illusion” ที่ทำให้เราเชื่อว่าตัวตน ความชอบ และค่านิยมของเราจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

การศึกษาจาก MIT แสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มักประเมินการเปลี่ยนแปลงของตนเองในอนาคตต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ความเชื่อนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม เช่น การสักรูปที่อาจไม่สะท้อนตัวตนในอนาคต หรือการเลือกเส้นทางอาชีพโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของความสนใจ

ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการมองตัวตนในอนาคตเป็นคนแปลกหน้า ทำให้เรามักตัดสินใจโดยคำนึงถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า เช่น การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยด้วยบัตรเครดิต การผลัดวันประกันพรุ่งในการทำงานสำคัญ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ให้ความสุขทันทีแทนที่จะคำนึงถึงสุขภาพในระยะยาว

การก้าวข้ามอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

Hershfield นำเสนอกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคต โดยเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ให้มองว่าเป็นเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือและการดูแล สร้างวิธีการในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เช่น การเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต การสร้างแคปซูลเวลาที่บรรจุความหวังและความฝันของเรา และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนพร้อมแผนการปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน

นักจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania พบว่า การจินตนาการถึงตัวเองในอนาคตอย่างละเอียดสามารถเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานหนักเพื่อเป้าหมายระยะยาวได้ถึง 80%

การสร้างภาพที่ชัดเจนของตัวตนในอนาคตช่วยให้เราตัดสินใจในปัจจุบันได้ดีขึ้น เช่น การจินตนาการถึงตัวเองในวัยเกษียณที่มีความมั่นคงทางการเงิน อาจช่วยให้เราเริ่มออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้

การสร้างสมดุลระหว่างความสุขในปัจจุบันกับเป้าหมายระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะมองว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถผสมผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เช่น การฟัง Audio Book หรือพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ระหว่างออกกำลังกาย การทำงานในร้านกาแฟที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มความสุขในการทำงาน หรือการแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกสำเร็จและมีความสุขได้ในทุกๆ วัน

การวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์พบว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพฤติกรรมที่ต้องการมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อมให้สนับสนุนเป้าหมายระยะยาว เช่น การเก็บอาหารที่มีประโยชน์ไว้ใกล้มือ การตั้งค่าหักเงินออมอัตโนมัติ หรือการจัดตารางเวลาที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

บทส่งท้าย: สู่อนาคตที่ดีกว่า

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์และความมุ่งมั่นในการพัฒนา แนวคิดของ Hershfield ไม่เพียงช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวตนในปัจจุบันและอนาคต แต่ยังชี้ให้เห็นว่า การสร้างความเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคตเป็นกุญแจสำคัญสู่การตัดสินใจที่ดีในปัจจุบัน

เมื่อเรามองตัวตนในอนาคตเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ไกลเกินเอื้อม เราจะเริ่มเห็นว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันล้วนมีความหมาย เปรียบเสมือนการวาดภาพที่ค่อยๆ เติมสีและรายละเอียดทีละนิด จนกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

ในท้ายที่สุด การสร้างอนาคตที่ดีกว่าไม่ใช่เรื่องของการเสียสละความสุขในปัจจุบันทั้งหมด แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลและความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนในแต่ละช่วงเวลา เหมือนการเต้นรำที่ต้องก้าวไปข้างหน้าและถอยหลังอย่างสอดประสาน เพื่อสร้างท่วงทำนองที่งดงามของชีวิตนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Your Future Self: How to Make Tomorrow Better Today โดย Hal Hershfield

Geek Life EP125 : 3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4r9wt5b6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/f7da9z33

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kUpj1hkhE2w

3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล : ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

Brendon Bouchard ไม่ใช่เพียงนักเขียนหรือโค้ชธรรมดา แต่เขาได้ฝึกอบรมผู้คนกว่า 2 ล้านคนผ่านระบบออนไลน์ในด้านการพัฒนาประสิทธิภาพ และใช้เวลาถึง 3 ปีในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และติดตามผลการเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด เพื่อค้นหาว่าอะไรคือนิสัยที่แท้จริงของผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูง

จากการศึกษาอย่างละเอียดของ Bouchard พบว่ามีนิสัยสำคัญสามประการที่โดดเด่นและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแต่ละนิสัยมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง

การเปลี่ยนความตึงเครียดให้เป็นพลัง

เรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อ Bouchard ได้รับการติดต่อจาก CEO แห่งหนึ่งใน Silicon Valley ผู้กำลังเผชิญกับวิกฤตชีวิต ทั้งด้านการงานและชีวิตครอบครัว ความเครียดจากการทำงานได้คืบคลานเข้ามาทำลายความสัมพันธ์กับภรรยา จนเขารู้สึกหมดไฟและสิ้นหวัง

Bouchard ได้แนะนำเทคนิคง่ายๆ แต่ทรงพลัง นั่นคือการฝึกปล่อยวางความตึงเครียดก่อนเข้าสู่สถานการณ์สำคัญ โดยเริ่มจากการหยุดพัก หลับตา และพูดคำว่า “ปล่อยวาง” กับตัวเอง พร้อมกับค่อยๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน จากไหล่ คอ ใบหน้า กราม หลัง และขา จากนั้นให้ถามตัวเองว่า “ความรู้สึกที่เราต้องการนำเข้าไปในสถานการณ์นี้คืออะไร?”

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ CEO ท่านนี้น่าประทับใจมาก เขาสามารถกลับไปสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขกับภรรยาได้อีกครั้ง และรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เทคนิคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องครอบครัว แต่สามารถนำไปใช้ได้ในทุกช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นก่อนเข้าประชุม ก่อนออกกำลังกาย หรือแม้แต่ก่อนเริ่มต้นวันใหม่

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงเข้าใจดีว่า พวกเขามีอำนาจในการเลือกและสร้างอารมณ์ที่ต้องการได้ แทนที่จะปล่อยให้อารมณ์ถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมภายนอก

การสร้างความจำเป็นผ่านตัวตน

“คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณแข็งแกร่งแค่ไหน จนกว่าการแข็งแกร่งจะเป็นทางเลือกเดียวที่คุณมี” คำพูดอันทรงพลังของ Bob Marley สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของนิสัยประการที่สอง นั่นคือการสร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ

แนวคิดนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การรบของแม่ทัพจีน Sun Tzu (ซุนวู) ที่ว่า เมื่อกองทัพต้องต่อสู้ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางถอย เพราะมีภูเขาหรือมหาสมุทรขวางอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะต่อสู้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เพราะนั่นคือ “พื้นที่แห่งความตาย” ที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอาชนะให้ได้

ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงใช้หลักการเดียวกันนี้ในการสร้างตัวตนที่ผูกติดกับเป้าหมายและความสำเร็จ พวกเขาไม่ได้แค่หวังว่าจะทำได้ดี แต่สร้างสถานการณ์และกรอบความคิดที่ทำให้การประสบความสำเร็จกลายเป็นสิ่งจำเป็น เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของพวกเขาไปเลย

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือนักกีฬาระดับโลก แม้การฝึกซ้อมอย่างหนักจะไม่ใช่เรื่องสนุก แต่พวกเขาทำเพราะมันคือส่วนหนึ่งของการเป็นนักกีฬาระดับแชมเปี้ยน การฝึกซ้อมไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่สอดคล้องกับตัวตนของพวกเขา

การนำศักยภาพสูงสุดมาใช้เพื่อผู้อื่น

นิสัยประการสุดท้ายที่น่าสนใจคือการค้นพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับสูงมักไม่ได้มุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงโลกหรือช่วยเหลือคนนับล้าน แต่พวกเขามักจะมุ่งเน้นที่การช่วยเหลือคนเพียงคนเดียว การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาแรงจูงใจและความมุ่งมั่นได้ดีกว่า

Bouchard แนะนำให้ฝึกถามตัวเองว่า “ใครต้องการศักยภาพสูงสุดของเรา?” คำถามนี้จะช่วยให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนว่าใครคือคนที่จะได้รับประโยชน์จากความพยายามของเรา อาจจะเป็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ

การมีภาพของบุคคลที่เราต้องการช่วยเหลืออยู่ในใจจะช่วยเพิ่มพลังให้กับการทำงานของเรา เสมือนเป็นเข็มทิศที่คอยชี้นำทางในยามที่เราเหนื่อยล้าหรือท้อแท้ เมื่อเรารู้ว่ามีใครสักคนกำลังรอคอยและต้องการความช่วยเหลือจากเรา พลังและแรงจูงใจจะหลั่งไหลเข้ามาโดยอัตโนมัติ

ดังที่โค้ชฟุตบอลระดับตำนาน Vince Lombardi เคยกล่าวไว้ว่า “คุณภาพชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศโดยตรง” ซึ่งสุดท้ายแล้วการพัฒนานิสัยทั้งสามประการนี้จะช่วยนำพาเราไปสู่ความเป็นเลิศและชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ High Performance Habits: How Extraordinary People Become That Way  โดย ฺBrendon Burchard

Geek Life EP100 : กฎแห่งร้อยวัน กับ 100 วันที่จะเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นคนที่พิเศษกว่าใคร

ในชีวิตของคนเราล้วนมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และค้นพบว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างที่คิด วันนี้จะมาชวนคุยถึงเคล็ดลับที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคือ “กฎแห่งร้อยวัน” หรือที่เรียกว่า Law of 100 ซึ่งเป็นหลักการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณอย่างถาวร

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4n6zvrhu

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5ja46bha

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/NaBgmQEVQTk

กฎแห่งร้อยวัน กับ 100 วันที่จะเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นคนที่พิเศษกว่าใคร

ในชีวิตของคนเราล้วนมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และค้นพบว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างที่คิด วันนี้จะมาชวนคุยถึงเคล็ดลับที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคือ “กฎแห่งร้อยวัน” หรือที่เรียกว่า Law of 100 ซึ่งเป็นหลักการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณอย่างถาวร

เรื่องราวที่สนใจของ Jerry Seinfeld นักแสดงตลกชื่อดังระดับโลก เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลังแห่งความต่อเนื่อง ในช่วงที่เขายังเป็นนักแสดงตลกหน้าใหม่ เขาได้คิดค้นวิธีการที่เรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ปฏิทินขนาดใหญ่แขวนไว้บนผนัง

โดยในทุกวันที่เขาเขียนมุกตลก เขาจะทำเครื่องหมาย X ลงบนปฏิทิน ไม่ว่ามุกนั้นจะดีหรือแย่ สิ่งสำคัญคือการทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นเครื่องหมาย X เรียงต่อกันเป็นสาย ความรู้สึกไม่อยากทำลายสายนั้นกลายเป็นแรงผลักดันอันทรงพลัง จนทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักแสดงตลกที่ประสบความสำเร็จและมั่งคั่งที่สุดในโลก

แก่นแท้ของกฎแห่งร้อยวันคือการเลือกหนึ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ ซึ่งเราเรียกว่า “นิสัยหลัก” หรือ Keystone Habit และทำสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 100 วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น อาจเป็นการตื่นเช้าตรงเวลาทุกวัน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือการโทรหาลูกค้าให้ครบ 100 สายต่อวัน

สิ่งสำคัญคือต้องปรับเปลี่ยนตารางชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายนั้น แม้ว่าอาจต้องหายตัวไปจากสังคมชั่วคราว ยกเว้นภาระครอบครัวที่สำคัญจริงๆ

สมองของเรานั้นเปรียบเสมือนผืนป่าทึบ การสร้างนิสัยใหม่ก็เหมือนการบุกเบิกเส้นทางใหม่ในป่า ยิ่งเราเดินซ้ำไปซ้ำมาบนเส้นทางนั้น มันก็จะยิ่งชัดเจนและเดินได้ง่ายขึ้น ในทางตรงกันข้าม เส้นทางเก่าที่เราไม่ได้ใช้ก็จะค่อยๆ รกร้างและหายไปในที่สุด

ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากความฉลาดหรือพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความสม่ำเสมอและการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลที่น่าสนใจคือ 80% ของเศรษฐีในอเมริกาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางหรือล่าง พวกเขาไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความมั่งคั่ง แต่สร้างมันขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและวินัยในตัวเอง

หลายคนมักจะรอให้ตัวเองพร้อมหรือมีความเชื่อมั่นเต็มที่ก่อนจึงจะเริ่มต้น แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มที่ก่อน แค่เริ่มลงมือทำและทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะค่อยๆ สร้างความเชื่อมั่นให้คุณเอง

เปรียบเสมือนการปลูกต้นไผ่จีน ที่ต้องรดน้ำและดูแลอย่างต่อเนื่องถึง 6 ปีโดยแทบไม่เห็นผลลัพธ์ใดๆ แต่เมื่อถึงปีที่ 6 มันกลับเติบโตสูงถึง 80 ฟุตภายในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ บางวันเติบโตถึง 2 ฟุต นี่คือวิธีที่ความสำเร็จทำงาน – คุณอาจไม่เห็นผลอะไรเลยในช่วงแรก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ทุกอย่างจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่น่าเสียดายคือคนส่วนใหญ่มักยอมแพ้เร็วเกินไป โดยไม่รู้ตัวว่าพวกเขาอยู่ใกล้จุดพลิกผันแค่ไหน มีคำกล่าวที่ว่า “ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด คือเวลาก่อนฟ้าสาง” เช่นเดียวกับการเดินทางสู่ความสำเร็จ หลังจากจุดที่ยากที่สุดมักจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมแพ้ตรงนั้น

ลองย้อนกลับไปนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา คุณเคยยอมแพ้กับตัวเองกี่ครั้ง? ทั้งแผนการออกกำลังกาย การเริ่มต้นธุรกิจ หรือความฝันต่างๆ ที่คุณเคยบอกกับตัวเองว่าจะทำ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำจนสำเร็จ

แต่ลองจินตนาการดูว่า ถ้าตั้งแต่วันนี้คุณตัดสินใจว่า “ฉันจะไม่เป็นคนแบบเดิมอีกต่อไป เมื่อฉันตัดสินใจทำอะไรแล้ว ฉันจะทำให้สำเร็จ” คุณคิดว่าชีวิตของคุณในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร?

สิ่งที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงยากไม่ใช่ตัวการกระทำ แต่เป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของเรา เราสร้างข้อแก้ตัวและความกลัวให้ตัวเอง คำถามที่คอยรบกวนจิตใจเช่น “ถ้าไม่สำเร็จล่ะ?” “ถ้าฉันไม่เก่งพอล่ะ?” “ถ้าฉันไม่ฉลาดพอล่ะ?” เหล่านี้คือกำแพงที่เราสร้างขึ้นมาเอง

หากลองคิดในมุมกลับ สมมติว่ามีคนมาบอกคุณว่า ถ้าคุณทำงานหนักทุกวันเป็นเวลา 3 ปี คุณจะได้เงิน 5 ล้านดอลลาร์แน่นอน 100% คุณจะลังเลที่จะทำไหม? แน่นอนว่าคุณจะทำทันที! เพราะเมื่อผลลัพธ์ชัดเจน การตัดสินใจก็ง่ายขึ้นนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องใช้เวลา แต่ถ้าคุณมุ่งมั่นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งทุกวันเป็นเวลา 100 วัน คุณจะกลายเป็นคนละคนกับที่เคยเป็น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้กับตัวเอง และเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ตั้งแต่วันนี้

References :
How to Be Consistent: A Simple Secret to Personal Development
https://youtu.be/sCQ0VYNCmKw?si=Pj8hrbVOhLu5Y_qN