หยุดกลัวการถูกปฏิเสธ! ชายจีนผู้ท้าทายการถูกปฏิเสธ 100 วัน และบทเรียนที่เปลี่ยนชีวิต

ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างเคยเผชิญกับความกลัวการถูกปฏิเสธมาแล้วทั้งนั้น บางคนถึงขั้นยอมทิ้งความฝันและโอกาสดีๆ ในชีวิตเพียงเพราะกลัวคำว่า “ไม่”

แต่มีชายคนหนึ่งที่กล้าท้าทายความกลัวนี้ด้วยวิธีที่แปลกประหลาดและน่าสนใจ เขาคือ Jia Jiang ชายชาวจีนผู้อพยพมาอเมริกาพร้อมความฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการ

Jia Jiang เกิดและเติบโตในเมืองปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่เด็กเขามีความฝันที่จะเป็นผู้ประกอบการในอเมริกา แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้พบกับ Bill Gates ในงานที่โรงเรียนตอนอายุ 14 ปี ทำให้เขาตัดสินใจมุ่งมั่นที่จะย้ายมาเรียนและทำงานในอเมริกา

แม้จะประสบความสำเร็จในการเรียนและการทำงานในบริษัทชั้นนำ แต่ความฝันของเขากลับถูกขัดขวางด้วยความกลัวการถูกปฏิเสธที่ฝังรากลึก จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากนักลงทุนปฏิเสธที่จะสนับสนุนสตาร์ทอัพของเขา แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับตัดสินใจท้าทายตัวเองด้วยการทำภารกิจที่เรียกว่า “100 วันแห่งการถูกปฏิเสธ” ซึ่งผมว่ามันเป็นการทดลองที่เจ๋งมาก ๆ

แรงบันดาลใจในการทำภารกิจนี้มาจาก Jason Comely ผู้สร้างเกม “Rejection Therapy” ที่มีกฎง่ายๆ คือผู้เล่นต้องทำให้ตัวเองถูกปฏิเสธจากใครสักคนทุกวัน Comely สร้างเกมนี้หลังจากที่ภรรยาของเขาจากไป และเขาต้องต่อสู้กับความกลัวการถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง

ภารกิจของ Jia Jiang เริ่มต้นด้วยการขอสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในแต่ละวัน เช่น การขอยืมเงิน 100 ดอลลาร์จากคนแปลกหน้า การขอให้พนักงาน Krispy Kreme ทำโดนัทเป็นรูปวงแหวนโอลิมปิก การเคาะประตูบ้านคนแปลกหน้าเพื่อขอเล่นฟุตบอลในสนามหลังบ้าน การขอถ่ายรูปกับพนักงานรักษาความปลอดภัยในท่าซูเปอร์ฮีโร่ หรือแม้แต่การเดินเข้าไปในออฟฟิศแบบสุ่มเพื่อขอทำงานเพียงวันเดียว

หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าประทับใจที่สุดคือวันที่เขาขอให้พนักงาน Krispy Kreme ทำโดนัทรูปวงแหวนโอลิมปิก แทนที่จะถูกปฏิเสธ Jackie พนักงานที่อยู่เวรกลับใช้เวลา 15 นาทีในการวาดและจัดวางโดนัทเป็นรูปวงแหวนโอลิมปิก พร้อมทั้งใช้น้ำตาลสีต่างๆ ตกแต่งให้สวยงาม โดยไม่คิดเงินเพิ่ม

จากการทดลองนี้ Jia Jiang ได้ค้นพบความจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับธรรมชาติของการถูกปฏิเสธ ประการแรก เขาพบว่าการถูกปฏิเสธนั้นเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ต่างจากการที่คนไม่ชอบไอศกรีมรสมินต์ปฏิเสธที่จะรับประทาน มันไม่ได้สะท้อนถึงคุณค่าของตัวเราแต่อย่างใด

ในระหว่างการทดลอง เขาพบว่าผู้คนมักมีเหตุผลส่วนตัวในการปฏิเสธที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย เช่น กฎระเบียบขององค์กร ข้อจำกัดด้านเวลา หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น การเข้าใจเรื่องนี้ช่วยให้เขารับมือกับการถูกปฏิเสธได้ดีขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Joshua Bell นักไวโอลินรางวัล Grammy ที่แต่งตัวธรรมดาใส่ยีนส์และหมวกเบสบอล ไปเล่นดนตรีในสถานีรถไฟใต้ดิน DC มีเพียง 7 คนจาก 1,097 คนที่หยุดฟัง ทั้งที่การแสดงของเขามักได้รับเสียงปรบมือยืนยาวในคอนเสิร์ตฮอลล์ชื่อดังอย่าง John F. Kennedy Center

การทดลองของ Joshua Bell เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ Washington Post ในปี 2007 เพื่อศึกษาการรับรู้ความงามของศิลปะในบริบทที่ไม่คาดคิด Bell เล่นบทเพลงคลาสสิกที่ยากที่สุดบางบทด้วยไวโอลิน Stradivarius มูลค่า 3.5 ล้านดอลลาร์ แต่ได้รับเงินบริจาคเพียง 32 ดอลลาร์จากการแสดง 45 นาที

นี่แสดงให้เห็นว่าบริบทและจังหวะเวลามีผลต่อการตอบรับมากกว่าความสามารถที่แท้จริง เช่นเดียวกับที่คนในสถานีรถไฟไม่ได้ปฏิเสธความสามารถของ Joshua Bell แต่พวกเขาแค่ไม่ได้อยู่ในโหมดที่จะชื่นชมดนตรีคลาสสิกในตอนเช้าที่เร่งรีบ

ประการที่สอง การถามหาเหตุผลของการปฏิเสธอย่างสุภาพสามารถเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ได้ เช่นครั้งที่ Jia Jiang ขอประกาศเรื่องความปลอดภัยบนเครื่องบิน Southwest แม้จะถูกปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อถามถึงเหตุผล พนักงานกลับคิดหาทางออกใหม่ให้เขาได้พูดต้อนรับผู้โดยสารแทน

การถามหาเหตุผลยังช่วยให้เราเข้าใจมุมมองของอีกฝ่าย และบางครั้งอาจนำไปสู่ทางออกที่ดีกว่าเดิม เช่นกรณีที่เขาขอใช้เครื่องประกาศเสียงที่ร้าน Costco เพื่อประกาศชมเชยพนักงาน แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ผู้จัดการกลับรู้สึกประทับใจในความตั้งใจดีของเขาและเลี้ยงอาหารเป็นการตอบแทน

นอกจากนี้ การถามเหตุผลยังช่วยให้เราได้ข้อมูลที่มีค่าสำหรับการปรับปรุงคำขอในครั้งต่อไป เช่น เมื่อเขาขอให้สายการบินอนุญาตให้ประกาศ เขาได้เรียนรู้ว่ามีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ต้องคำนึงถึง ทำให้ในครั้งต่อไปเขาสามารถปรับคำขอให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเหล่านั้นได้

ประการที่สาม การลดขนาดคำขอลง หรือที่ Robert Cialdini ผู้เขียนหนังสือ “Influence” เรียกว่า “Retreating” เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ เพราะผู้คนมักรู้สึกไม่สบายใจที่จะปฏิเสธคำขอเล็กๆ หลังจากที่ปฏิเสธคำขอใหญ่ไปแล้ว

จากการศึกษาของ Cialdini พบว่าการลดขนาดคำขอสามารถเพิ่มโอกาสการตอบรับได้ถึง 76% เพราะเป็นการแสดงความยืดหยุ่นและความเข้าใจต่อข้อจำกัดของอีกฝ่าย นอกจากนี้ ยังเป็นการใช้ประโยชน์จากหลักจิตวิทยาที่เรียกว่า “การตอบแทน (Reciprocity)” ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าควรตอบแทนความยืดหยุ่นที่เราแสดงออก

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเมื่อ Jia Jiang ขอแซนด์วิช McGriddle จาก McDonald’s ในตอนบ่าย 2 โมง ซึ่งเลยเวลาอาหารเช้าไปแล้ว เมื่อถูกปฏิเสธและได้รับคำอธิบายว่าเครื่องทำไข่และไส้กรอกถูกล้างไปแล้ว เขาจึงปรับคำขอเป็นขนมปังกริดเดิลราดน้ำผึ้งกับชีสแทน ซึ่งพนักงานสามารถจัดให้ได้

การลดขนาดคำขอยังช่วยให้เราได้เรียนรู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เราต้องการจริงๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่เราขอในตอนแรก เช่น ในกรณีของ McDonald’s เขาได้ค้นพบว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือรสชาติของขนมปังกริดเดิล ไม่ใช่แซนด์วิช McGriddle ทั้งชิ้น

การถูกปฏิเสธยังมีประโยชน์แฝงอยู่หลายประการที่น่าสนใจ ประการแรกคือการสร้างภูมิคุ้มกันต่อการถูกปฏิเสธในอนาคต เมื่อเราเข้าใจว่าการถูกปฏิเสธไม่ได้ทำลายคุณค่าในตัวเรา เราจะกล้าเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น เหมือนการฉีดวัคซีนที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค การเผชิญกับการถูกปฏิเสธบ่อยๆ จะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น

ในช่วงท้ายของการทดลอง Jia Jiang พบว่าเขาสามารถรับมือกับการถูกปฏิเสธได้ดีขึ้นมาก เขารู้สึกเจ็บปวดน้อยลงเมื่อถูกปฏิเสธ และสามารถมองหาโอกาสใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น เขาเปรียบเทียบว่าเหมือนกับนักมวยที่โดนต่อยบ่อยๆ จนชินและรู้วิธีรับมือกับหมัด

ประการที่สองคือการเพิ่มแรงจูงใจ เหมือนกรณีของ Michael Jordan ที่ใช้การถูกปฏิเสธจากทีมบาสเก็ตบอลมัธยมเป็นแรงผลักดันในการฝึกซ้อมหนักขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในนักบาสเก็ตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

Michael Jordan เคยเล่าว่าเขาถูกตัดตัวจากทีมบาสเก็ตบอลมัธยมปลายในปีที่สอง แต่แทนที่จะยอมแพ้ เขากลับใช้ความผิดหวังนั้นเป็นแรงผลักดันให้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อซ้อมก่อนเข้าเรียน และซ้อมต่อจนถึงค่ำทุกวัน จนในที่สุดเขาก็ได้กลับเข้าทีมและกลายเป็นดาวเด่น

ประการสุดท้ายคือการให้แนวทางในการปรับปรุง ดังที่ Thomas Edison กล่าวว่า เขาไม่ได้ล้มเหลว 10,000 ครั้ง แต่ค้นพบ 10,000 วิธีที่ใช้ไม่ได้ผล การมองการปฏิเสธแบบไม่มีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องจะช่วยให้เราเห็นจุดที่ต้องปรับปรุงได้ชัดเจนขึ้น

Edison เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้การล้มเหลวเป็นบทเรียน ในการคิดค้นหลอดไฟฟ้า เขาทดลองวัสดุที่จะใช้เป็นไส้หลอดมากกว่า 6,000 ชนิด แต่ละครั้งที่ล้มเหลว เขาจดบันทึกอย่างละเอียดว่าทำไมมันถึงใช้ไม่ได้ จนในที่สุดเขาก็ค้นพบว่าใยไม้ไผ่เป็นวัสดุที่เหมาะสมที่สุด

หลังจากจบภารกิจ 100 วัน Jia Jiang ได้กลายเป็นวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธ เขาได้เขียนหนังสือ “Rejection Proof” และให้การบรรยาย TED Talk ที่มีผู้ชมนับล้าน ประสบการณ์ของเขาได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวการถูกปฏิเสธ

ปัจจุบัน Jia Jiang ได้ก่อตั้งบริษัท Rejection Therapy เพื่อช่วยให้ผู้คนและองค์กรต่างๆ เอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธ เขาได้รับเชิญไปบรรยายในองค์กรชั้นนำมากมาย เช่น Google, Microsoft, และ Bank of America โดยเขาเน้นย้ำว่าการเอาชนะความกลัวการถูกปฏิเสธไม่เพียงช่วยให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ยังช่วยให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้นด้วย

ในท้ายที่สุด Jia Jiang สรุปว่า การถูกปฏิเสธที่เคยเป็นเหมือนยักษ์โกลิอัทในชีวิตของเขา ได้กลายเป็นเพียงความท้าทายที่สามารถเอาชนะได้ด้วยมุมมองที่ถูกต้องและการฝึกฝน เมื่อเราเข้าใจว่าการถูกปฏิเสธไม่ใช่การตัดสินคุณค่าของเรา เราก็จะมีอิสระในการขอสิ่งที่ต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอเลื่อนตำแหน่ง การขอความช่วยเหลือ หรือแม้แต่การขอโอกาสในการทำความฝันให้เป็นจริง

References :
หนังสือ Rejection Proof: How I Beat Fear and Became Invincible Through 100 Days of Rejection โดย Jia Jiang

Geek Life EP117 : Ego คือศัตรู ทำไมคนเก่งถึงพังในวันสำคัญ เผยวิธีรับมือแบบนักกีฬามืออาชีพ

ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว Sochi 2014 Craig Manning ยืนอยู่ท่ามกลางโค้ชและนักกีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกาในพื้นที่ที่พวกเขาเรียกว่า “the pit” ขณะชมการแข่งขันรายการแรก คำถามหนึ่งผุดขึ้นในความคิด: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดเช่นนี้?

การได้เป็นตัวแทนประเทศในกีฬาโอลิมปิกนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของนักกีฬาอยู่แล้ว แต่พวกเขายังต้องแข่งขันกับนักกีฬาที่เก่งที่สุดจากทั่วโลก นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเป็นที่สุดในบรรดาผู้ที่เป็นที่สุดอยู่แล้ว แล้วเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ พวกเขาจะทำอย่างไรให้ไม่เพียงแค่ได้เหรียญ แต่ต้องเป็นเหรียญทองด้วย?

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/5ccr2492

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4mtxk4ub

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/sdYsWmv5wCY

Geek Life EP112 : หยุดคิดว่าตัวเองไม่เก่ง! บทเรียนจากโค้ชผู้สร้างแชมป์ ทำไมคนเก่งถึงพ่ายแพ้ให้คนมั่นใจ

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาของการเป็นโค้ชฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัย Dr. Ivan Joseph ได้พบเจอกับความท้าทายและบทเรียนมากมายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในสนามกีฬาและในชีวิตจริง หลังจากที่ทีมของเขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ระดับประเทศ

หลายคนมักเข้าใจผิดว่านักกีฬามากมายอยากเข้าร่วมทีมเพราะชื่อเสียงของทีมเขา แต่ความจริงแล้วแรงจูงใจหลักคือทุนการศึกษามูลค่า 25,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับการศึกษาที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านกีฬา

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4jekmy7j

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/yttz8pex

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/5RNQzY_60bA

Ego คือศัตรู : ทำไมคนเก่งถึงพังในวันสำคัญ เผยวิธีรับมือแบบนักกีฬามืออาชีพ

ณ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว Sochi 2014 Craig Manning ยืนอยู่ท่ามกลางโค้ชและนักกีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกาในพื้นที่ที่พวกเขาเรียกว่า “the pit” ขณะชมการแข่งขันรายการแรก คำถามหนึ่งผุดขึ้นในความคิด: อะไรคือปัจจัยที่ทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดเช่นนี้?

การได้เป็นตัวแทนประเทศในกีฬาโอลิมปิกนั้นถือเป็นจุดสูงสุดของนักกีฬาอยู่แล้ว แต่พวกเขายังต้องแข่งขันกับนักกีฬาที่เก่งที่สุดจากทั่วโลก นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเป็นที่สุดในบรรดาผู้ที่เป็นที่สุดอยู่แล้ว แล้วเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้ พวกเขาจะทำอย่างไรให้ไม่เพียงแค่ได้เหรียญ แต่ต้องเป็นเหรียญทองด้วย?

จากประสบการณ์หลายทศวรรษในการสังเกตและทำงานร่วมกับนักกีฬาเหล่านี้ Manning ได้เรียนรู้ว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์หรือความรู้ที่สั่งสมมา แต่อยู่ที่ความสามารถในการใช้จิตใจให้เป็น

เพราะจะมีประโยชน์อะไรหากคุณมีพรสวรรค์และความรู้มากมาย แต่ไม่สามารถปลดล็อกศักยภาพเหล่านั้นออกมาใช้ได้? ในแวดวงวิทยาศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า “cognitive control” หรือ “grit” แต่ Manning ชอบเรียกมันว่า “ความเข้มแข็งทางจิตใจ”

Ego : ศัตรูตัวร้ายในใจเรา

Ego เป็นตัวการสำคัญที่สร้างความวุ่นวายในชีวิตของเรา มันคอยเรียกร้องการยอมรับอยู่ตลอดเวลา ลองนึกดู หากคุณต้องการการยอมรับจากคนเพียงคนเดียว คุณต้องการมันบ่อยแค่ไหนต่อวัน? แล้วถ้าเป็นสองคน สามคน หรือห้าคนล่ะ? สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จิตใจของคุณจะกลายเป็นที่อยู่ของความกระวนกระวาย หรือแม้กระทั่งความคลั่งไคล้ในการแสวงหาการยอมรับ

แล้ว Ego จะได้รับการยอมรับที่ต้องการได้อย่างไร? คำตอบคือ ผ่านผลลัพธ์ เพราะผลลัพธ์คือเส้นทางลัดสู่การได้รับการยอมรับ แต่ปัญหาของการมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์คือ ผลลัพธ์มาจากอนาคต และนั่นคือที่มาของความกลัว

ทุกสิ่งที่เราหวาดกลัวล้วนมาจากอนาคตทั้งสิ้น Manning ได้ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัว ในฐานะคนออสเตรเลียที่อาศัยอยู่ในดินแดนของจระเข้ เมื่อครั้งที่เขาเข้าพบที่ปรึกษา และถูกถามว่าเขากลัวอะไร Manning ตอบว่า “จระเข้”

ที่ปรึกษาจึงชวน Manning วิเคราะห์ลึกลงไปว่า ถ้าจระเข้เข้ามาทางประตูตอนนี้ จะทำอย่างไร? คำตอบคือ ทุกคนคงวิ่งหนีออกประตูทันที แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความกลัวไม่ได้เกิดจากจระเข้ที่อยู่ตรงหน้า แต่เกิดจากความคิดที่ว่าจระเข้อาจจะทำอะไรเราในอนาคต

เช่นเดียวกับคนที่กลัวการบิน พวกเขาไม่ได้กลัวการนั่งเครื่องบินจริงๆ แต่กลัวความคิดที่ว่าเครื่องบินอาจจะตก นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าความกลัวทั้งหมดมาจากอนาคต และนี่คือปัญหาของการมีจิตใจที่มุ่งเน้นแต่ผลลัพธ์

ความสมบูรณ์แบบ: อีกด้านของ Ego

สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่า “ฉันเป็นคนที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ แสดงว่าฉันมี Ego มากเกินไปหรือไม่?” คำตอบคือ ไม่เสมอไป คนที่เป็น Perfectionist ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นคนดีที่เพียงแค่ต้องการการยอมรับจากผู้อื่น พวกเขามักจะแสดงพฤติกรรมคล้ายคนที่ยึดติดกับ Ego เพราะต่างก็มุ่งเน้นที่ผลลัพธ์เช่นกัน

จากการศึกษาทางจิตวิทยาการกีฬาพบว่า นักกีฬาที่มีลักษณะ Perfectionist มักจะมีความเครียดและความวิตกกังวลสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการแข่งขัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญ

เรื่องราวของ Olga: บทเรียนแห่งความมุ่งมั่น

Manning ยกตัวอย่างที่ชัดเจนจากประสบการณ์การเป็นโค้ชที่มหาวิทยาลัย BYU เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ เรื่องราวของ Olga นักเทนนิสจากรัสเซียที่เขาได้คัดตัวมา เธอไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่น และไม่มีลูกตบแบบสมัยใหม่ แต่เธอมีคุณสมบัติที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือความถ่อมตัวและจิตใจที่มุ่งเน้นที่งานจริง ๆ

Manning เริ่มพัฒนาเกมของเธอโดยอาศัยจุดแข็งที่มีอยู่ ด้วยการมุ่งเน้นที่งานและประสิทธิภาพ เธอพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จนกระทั่งในปีสุดท้าย เธอขึ้นมาอยู่อันดับที่ 61 ของประเทศ และผ่านเข้ารอบ 32 คนสุดท้ายในการแข่งขันที่ Columbus รัฐ Ohio โดยต้องเผชิญหน้ากับนักเทนนิสอันดับที่ 25 ของประเทศ

ในการแข่งขันนัดนั้น Olga เล่นตามแผนได้อย่างยอดเยี่ยม เธอใช้จุดแข็งในการรับลูกเร็วและเล่นแต้มระยะสั้น จนนำ 4-1 แต่แล้วจิตใจของเธอก็เปลี่ยนไป

เมื่อความคิดที่ว่า “เดี๋ยวนะ ฉันอาจจะชนะได้” แทรกเข้ามา นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนจากจิตใจที่มุ่งเน้นที่งานไปสู่จิตใจที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ ความวิตกกังวลเข้าครอบงำ กลไก fight-or-flight เริ่มทำงาน เธอเกร็งและเล่นแบบเคยชิน จนแพ้ห้าเกมรวดและตามหลัง 1-4 ในเซตที่สอง

การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจในช่วงเวลาวิกฤตนี้เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้บ่อยในวงการกีฬา นักจิตวิทยาการกีฬาเรียกว่า “choking under pressure” ซึ่งเกิดจากการที่นักกีฬาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากเกินไปจนส่งผลกระทบต่อการแสดงความสามารถ

การกลับคืนสู่จิตใจที่มุ่งเน้นที่งาน

ในฐานะโค้ช Manning พยายามช่วยดึง Olga กลับมาสู่สภาวะจิตใจที่เหมาะสม แต่วิธีปกติไม่ได้ผล เขาจึงใช้จิตวิทยาแบบย้อนกลับ เมื่อเธอนั่งลงตอนเปลี่ยนข้าง Manning พูดว่า “Olga รีบๆ จบเกมนี้หน่อย ผมหิวแล้ว” เธอหันมามองอย่างไม่พอใจ เขาจึงพูดต่อ “เธอเล่นแย่มาก ร้าน Outback ปิดแล้ว รีบๆ จบซะ ผมอยากกินสเต็ก”

กลยุทธ์นี้ได้ผล เมื่อความโกรธของเธอเปลี่ยนจากการโกรธตัวเองไปเป็นโกรธเขาแทน เธอกลับมามุ่งเน้นที่งานอีกครั้ง และสามารถพลิกเกมกลับมาชนะได้ด้วยสกอร์ 6-1, 4-6, 6-4, 6-1 นี่คือพลังของจิตใจเมื่ออยู่ในสภาวะที่ถูกต้อง

การท้าทายครั้งใหญ่: เผชิญหน้ากับมือหนึ่งของประเทศ

หลังจบเกม ขณะที่ Manning ตรวจดูสายการแข่งขัน และพบว่าคู่ต่อไปของ Olga คือมือหนึ่งของประเทศ เขาอดคิดไม่ได้ว่า “โอ้ นี่จะเป็นงานที่ยากมาก”

ในคืนถัดมา Olga ลงแข่งในแมตช์สุดท้าย เธอเล่นเทนนิสได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะแพ้เซตแรกไป 6-4 แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ เธอไม่ได้ท้อแท้หรือยอมแพ้ แม้จะทำดีที่สุดแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่หวัง เธอยังคงมุ่งเน้นที่งานและถาม Manning ว่า “ฉันต้องทำอะไรให้ดีขึ้น?” นี่คือลักษณะของจิตใจที่มุ่งเน้นที่การพัฒนา

การรักษาสมาธิและความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองแม้ในยามที่เผชิญความท้าทายเป็นคุณลักษณะสำคัญที่พบในนักกีฬาระดับโลก พวกเขามักจะมองความพ่ายแพ้เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา มากกว่าจะมองว่าเป็นความล้มเหลว

บทเรียนสุดท้าย: มั่นใจและถ่อมตัว

จากประสบการณ์ในโอลิมปิกและการทำงานกับนักกีฬาระดับยอดเยี่ยมมาหลายปี Manningได้ข้อสรุปสำคัญสองประการที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตประจำวัน นั่นคือ เราต้องมั่นใจในทักษะของตัวเอง ไม่ใช่ทักษะของคนอื่น และในขณะเดียวกัน เราต้องถ่อมตัว

“Confident Humility” หรือ “อ่อนน้อมถ่อมตนแบบมั่นใจ” คือกุญแจสำคัญที่ Manning หวังว่าทุกคนจะจดจำไว้ จงมั่นใจในทักษะของคุณ แต่ถ่อมตัวพอที่จะตระหนักว่าความสำเร็จไม่ได้มาฟรีๆ เราต้องทำงานเพื่อมัน และเราต้องมุ่งเน้นที่งานหากต้องการใช้ศักยภาพของเราได้อย่างเต็มที่

การรักษาสมดุลระหว่างความมั่นใจและความถ่อมตัวเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับที่นักกีฬาต้องฝึกซ้อมทักษะทางกายภาพ การพัฒนาทักษะทางจิตใจก็ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป

ความสำเร็จในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในวงการกีฬาหรือในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์หรือความรู้เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและการควบคุม Ego การมีจิตใจที่มุ่งเน้นที่งานไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นหรือดึงดูดความสนใจ แต่เป็นหนทางที่แท้จริงสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

References :
Overcoming Our Egos | Craig Manning | TEDxBYU
https://youtu.be/SalS7dlNKRU?si=4kUA_EvVJE4NwbvU

หยุดคิดว่าตัวเองไม่เก่ง! บทเรียนจากโค้ชผู้สร้างแชมป์ ทำไมคนเก่งถึงพ่ายแพ้ให้คนมั่นใจ

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาของการเป็นโค้ชฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัย Dr. Ivan Joseph ได้พบเจอกับความท้าทายและบทเรียนมากมายที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งในสนามกีฬาและในชีวิตจริง หลังจากที่ทีมของเขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ระดับประเทศ

หลายคนมักเข้าใจผิดว่านักกีฬามากมายอยากเข้าร่วมทีมเพราะชื่อเสียงของทีมเขา แต่ความจริงแล้วแรงจูงใจหลักคือทุนการศึกษามูลค่า 25,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นโอกาสที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับการศึกษาที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านกีฬา

การพูดคุยกับผู้ปกครองในแต่ละฤดูกาลทำให้ Joseph ได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า หลายครอบครัวยังคงให้ความสำคัญกับทักษะทางกายภาพมากเกินไป โดยมองข้ามปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จในระยะยาว

เมื่อผู้ปกครองเข้ามาถามเขาว่า “ลูกของผมอยากมาเล่นให้ทีมของคุณ เราควรต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? คุณกำลังมองหาคุณสมบัติแบบไหน?” ด้วยแนวทางการสอนแบบ Socratic ที่ทาง Joseph ยึดถือมาตลอด เขามักจะย้อนถามกลับไปว่า “ลูกของคุณมีความโดดเด่นในด้านใด?”

การตอบคำถามของผู้ปกครองส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมในสังคมที่มักให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากกว่าการพัฒนาทักษะด้านจิตใจ

ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะยกย่องความสามารถทางกายภาพและทักษะการเล่น เช่น ลูกชายมีวิสัยทัศน์ดี มองเกมออก สามารถอ่านเกมและคาดการณ์สถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ หรือลูกสาววิ่งเร็วที่สุดในทีม ไม่มีใครสามารถไล่ตามทัน หรือลูกชายเตะบอลด้วยเท้าซ้ายได้อย่างแม่นยำ เล่นลูกกลางอากาศเก่ง

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ทักษะเหล่านี้กลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ Joseph ให้ความสำคัญในการพิจารณารับนักกีฬาเข้าทีม เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขาพบว่าทักษะทางกายภาพสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง

ความเชื่อมั่นในตนเองคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาตนเอง ไม่เพียงแต่ในวงการกีฬา แต่รวมถึงในทุกแง่มุมของชีวิต เปรียบเสมือนรากฐานที่จะช่วยค้ำจุนให้ความสามารถด้านอื่นๆ เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น

การขาดความเชื่อมั่นในตนเองเปรียบเสมือนการสร้างบ้านบนทรายที่ไม่มั่นคง ไม่ว่าคุณจะมีทักษะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่หากขาดความเชื่อมั่น ทุกอย่างก็อาจพังทลายลงได้ในพริบตา

Dr. Albert Bandura นักจิตวิทยาชื่อดังได้ศึกษาและพบว่า ความเชื่อมั่นในตนเอง หรือที่เขาเรียกว่า “Self-efficacy” มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจ แรงจูงใจ และความพยายามที่บุคคลจะทุ่มเทให้กับเป้าหมาย บุคคลที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมักจะตั้งเป้าหมายที่ท้าทายและพยายามอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น แม้จะเผชิญกับอุปสรรคก็ตาม

การสร้างความเชื่อมั่นในตนเองเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความอดทนและความทุ่มเท เปรียบเสมือนการสร้างกล้ามเนื้อที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ

หลายคนมักจะบอกว่า “ฉันเป็นคนขี้อาย ฉันคงทำไม่ได้หรอก” แต่นั่นคือความเข้าใจผิดที่อันตราย เพราะความเชื่อมั่นเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้เช่นเดียวกับทักษะอื่นๆ

Malcolm Gladwell ในหนังสือ “Outliers: The Story of Success” ได้นำเสนอแนวคิดเรื่องกฎ 10,000 ชั่วโมง ซึ่งกล่าวว่าการจะเชี่ยวชาญในทักษะใดๆ ต้องใช้เวลาฝึกฝนประมาณ 10,000 ชั่วโมง

แนวคิดนี้สอดคล้องกับประสบการณ์จริงที่ Joseph ได้พบเห็นในการโค้ชนักกีฬา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของผู้รักษาประตูจาก Colombia ที่เมื่อเริ่มต้นมาเล่นในทีม เขาแทบจะจับบอลไม่อยู่เลย ทักษะพื้นฐานยังต้องปรับปรุงอีกมาก แต่สิ่งที่ทำให้ Joseph ประทับใจคือความมุ่งมั่นของเขา

ทุกวัน เขาจะมาซ้อมก่อนเพื่อนร่วมทีมและกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย การฝึกซ้อมวันละ 350 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 เดือน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถพัฒนาได้ ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสไปเล่นในยุโรป นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตนเองเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองยังเกี่ยวข้องกับการสื่อสารภายในจิตใจ หรือที่นักจิตวิทยาเรียกว่า “Self-talk” เสียงที่ดังอยู่ในหัวของเราคือตัวกำหนดทิศทางของความคิดและการกระทำ

Muhammad Ali เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้คำพูดเชิงบวกกับตนเอง เมื่อเขาประกาศว่า “I am the greatest!” นั่นไม่ใช่เพียงคำโอ้อวด แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง เป็นการตอกย้ำความสามารถและศักยภาพที่มีอยู่ในตัว

Dr. Carol Dweck จาก Stanford University ได้ทำการวิจัยและพบว่า บุคคลที่มี Growth Mindset หรือความเชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าผู้ที่มี Fixed Mindset หรือเชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งตายตัว การสร้างความเชื่อมั่นในตนเองจึงเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อความสามารถของตนเอง

การสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้อื่นเป็นอีกทักษะสำคัญที่ต้องฝึกฝน การมองหาจุดดีและให้คำชมเชยอย่างจริงใจจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาความเชื่อมั่น

ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเองจะสามารถมองสถานการณ์ต่างๆ ในแง่บวกและเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ดี พวกเขามักจะมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา ไม่ใช่จุดจบของความพยายาม

ประสบการณ์ในการเป็นโค้ชสอน Joseph ว่าการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ที่ผู้คนกล้าที่จะลองผิดลองถูก กล้าที่จะทำผิดพลาด และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น

โดยในทีมของเขา แทบไม่เคยลงโทษนักกีฬาที่พยายามทำสิ่งใหม่ๆ แม้จะล้มเหลวก็ตาม เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนา

สุดท้ายแล้วความเชื่อมั่นในตนเองเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำทางเราไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีใครจะเชื่อในตัวคุณได้ถ้าคุณไม่เชื่อในตัวเองก่อน และเมื่อคุณกล้าที่จะแตกต่าง กล้าที่จะยืนหยัดในความเชื่อของตนเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นของการสร้างตัวตนที่แท้จริงของคุณ

References :
The skill of self confidence | Dr. Ivan Joseph | TEDxRyersonU
https://youtu.be/w-HYZv6HzAs?si=zWSXFRpO2BBMkdLv