เปลี่ยนชีวิตด้วยวิธีคิดแบบไคเซ็น : ก้าวเล็กๆ สู่ความสำเร็จครั้งใหญ่ ด้วยวิธีคิดแบบปรัชญาญี่ปุ่น

ท่ามกลางความวุ่นวายของโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน มีปรัชญาการพัฒนาที่น่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย

เรื่องราวนี้เริ่มต้นจาก Robert Maurer นักจิตวิทยาคลินิกแห่ง UCLA ที่ได้สังเกตเห็นโฆษณารถยนต์ Lexus ซึ่งภาคภูมิใจนำเสนอรางวัลคุณภาพมากมายที่ได้รับตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

สิ่งนี้จุดประกายความสงสัยในใจของเขาว่า อะไรทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นสามารถรักษามาตรฐานคุณภาพระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง

คำตอบของปริศนานี้ย้อนกลับไปในช่วงปลายทศวรรษ 1940 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Dr. Edward Deming ชาวอเมริกันเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิต ด้วยประสบการณ์จากการมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการผลิตของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงคราม ทำให้ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจแนวคิดของเขาเป็นอย่างมาก

Deming ได้มอบหลักการสำคัญให้กับคนงานในโรงงานญี่ปุ่น นั่นคือการตั้งคำถามกับตัวเองทุกวันว่า “มีขั้นตอนเล็กๆ อะไรบ้างที่ฉันสามารถทำเพื่อพัฒนากระบวนการหรือผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น”

แนวคิดนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ “Kaizen” หรือ “ไคเซ็น” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากความเสียหายของสงครามและก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตในช่วงปลายศตวรรษที่ 20

จากความสำเร็จในภาคอุตสาหกรรม Robert Maurer จึงเกิดแนวคิดที่จะนำหลักการ Kaizen มาประยุกต์ใช้ในการบำบัดทางจิตวิทยา

เขาเริ่มแนะนำให้คนไข้ทำการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย แทนที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทันที เช่น แทนที่จะแนะนำให้ลาออกจากงานที่ไม่พอใจ เขากลับให้คนไข้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อวันในการจินตนาการถึงงานในฝัน หรือแทนที่จะกำหนดให้ออกกำลังกายที่ยิมนาน 30 นาที เขาแนะนำให้เริ่มจากการเดินอยู่หน้าทีวีในช่วงโฆษณาเพียง 1 นาที

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้ดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญ แต่กลับสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง เพราะสมองของมนุษย์มีกลไกการทำงานที่น่าสนใจ เมื่อเราเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมองส่วน amygdala จะถูกกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองแบบ “สู้หรือหนี” ทำให้เราหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความท้าทายและหันไปหาความสบายใจชั่วคราวแทน

แต่เมื่อเราใช้หลักการ Kaizen การเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยจะช่วยให้เราหลบผ่านระบบเตือนภัยของสมอง ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกกลัวหรือต่อต้าน เราจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง

ตัวอย่างความสำเร็จที่น่าประทับใจมาจากกรณีของ Jack St. นักธุรกิจที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อย่างรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการข้ออักเสบกว่า 20 จุด แม้แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทั้งหมด แต่ Jack เลือกที่จะใช้หลักการ Kaizen ด้วยการเริ่มจากก้าวเล็กๆ และให้รางวัลกับตัวเองในทุกความสำเร็จ

ทุกเช้า Jack จะตั้งเป้าหมายเพียงแค่การลุกจากเตียง เมื่อทำสำเร็จ เขาจะให้กำลังใจตัวเองด้วยคำชมสั้นๆ แต่จริงใจ จากนั้นเขาจึงเดินทางไปยิม โดยตั้งใจเพียงแค่จะพูดคุยกับพนักงานที่นั่น

เมื่อก้าวขึ้นลู่วิ่ง เขาเริ่มต้นด้วยการเดินเพียง 2 นาที พร้อมให้รางวัลตัวเองด้วยคำชมและกำลังใจ ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งคือ เมื่อ Jack อายุ 70 ปี เขาสามารถคว้าแชมป์การแข่งขัน Mr. World bodybuilding ในรุ่นอายุของเขาได้สำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงแบบ Kaizen ไม่เพียงใช้ได้ผลในการพัฒนาร่างกาย แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการพัฒนาในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ การพัฒนาอาชีพ หรือแม้แต่การสร้างความสัมพันธ์

Michael Ondaatje ผู้เขียนนวนิยายรางวัลวรรณกรรมเรื่อง “The English Patient” ใช้หลักการคล้ายคลึงกันในการสร้างสรรค์ผลงาน

แทนที่จะตั้งคำถามใหญ่ว่าจะสร้างตัวละครที่น่าประทับใจได้อย่างไร เขาเลือกที่จะเริ่มจากคำถามเล็กๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่ง เช่น “ใครคือชายในเครื่องบินที่ตก” “เขามาที่นี่ได้อย่างไร” “ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุ” คำถามเล็กๆ เหล่านี้ค่อยๆ นำไปสู่การสร้างเรื่องราวและตัวละครที่มีมิติลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ในโลกปัจจุบันที่ผู้คนมักถูกกดดันให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว หลักการ Kaizen อาจดูขัดกับกระแสหลัก แต่การเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยกลับเป็นวิธีที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะช่วยให้เราสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและพัฒนาไปอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องต่อสู้กับความกลัวหรือแรงต้านจากภายในจิตใจของเราเอง

การนำหลักการ Kaizen มาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้หมายความว่าเราต้องล้มเลิกความฝันหรือเป้าหมายใหญ่ แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีการเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้น ด้วยการแบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นก้าวเล็กๆ ที่จับต้องได้ และให้รางวัลกับตัวเองในทุกความสำเร็จ

วิธีการนี้อาจดูเรียบง่ายเกินไปสำหรับบางคน แต่ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มักเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ที่มั่นคง

References :
หนังสือ One Small Step Can Change Your Life: The Kaizen Way โดย Robert Maurer Ph.D.

Geek Life EP131 : 3 บทเรียนสำคัญจาก Winning เคล็ดลับที่ทำให้ Jordan และ Kobe กลายเป็นตำนาน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการทุ่มเทและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

Tim Grover ผู้เขียนหนังสือ Winning ได้ใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการศึกษาและทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Michael Jordan และ Kobe Bryant ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัว ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นผู้ชนะอย่างลึกซึ้ง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/mf47sh7z

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/332xza22

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/vd5sshfeiLU

Geek Life EP130 : เลียนแบบอย่างไรให้เป็นตำนานลัดคิว! สู่ความสำเร็จด้วยวิธีคิดที่อัจฉริยะใช้

ในโลกแห่งการพัฒนาตนเอง หนังสือ “Decoding Greatness” โดย Ron Friedman ได้เปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ ซึ่งแตกต่างไปจากความเชื่อดั้งเดิมที่มีมาอย่างยาวนาน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4zbajd29

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4ejwup5t

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/UD3F3uefQbk

Geek Life EP125 : 3 นิสัยหยุดล้มเหลวตลอดกาล ทำไมคนเก่งถึงเก่งได้ตลอด เคล็ดลับความสำเร็จจาก CEO ระดับโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความท้าทาย การพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะทำได้สำเร็จ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยยกระดับชีวิตของคุณสู่อีกขั้น ผ่านแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Brendon Bouchard ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4r9wt5b6

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/f7da9z33

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kUpj1hkhE2w

3 บทเรียนสำคัญจาก Winning : เคล็ดลับที่ทำให้ Jordan และ Kobe กลายเป็นตำนาน

ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์ของการทุ่มเทและความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละ

Tim Grover ผู้เขียนหนังสือ Winning ได้ใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการศึกษาและทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนานอย่าง Michael Jordan และ Kobe Bryant ในฐานะเทรนเนอร์ส่วนตัว ประสบการณ์อันล้ำค่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเป็นผู้ชนะอย่างลึกซึ้ง

จากสนามบาสสู่สนามชีวิต

การเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับ Michael Jordan ยาวนานถึง 15 ปี และ Kobe Bryant อีก 9 ปี ทำให้ Grover ได้เห็นการพัฒนาและการเติบโตของพวกเขาในทุกแง่มุม ไม่เพียงแค่การเตรียมความพร้อมทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝึกฝนทางจิตใจและการสร้างทัศนคติของผู้ชนะ

หลักการและแนวคิดที่พวกเขาใช้ในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นเลิศนั้นสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การแข่งขันในธุรกิจ หรือการบรรลุเป้าหมายส่วนตัวที่ท้าทาย

บทเรียนสำคัญที่ Grover ได้เรียนรู้คือ ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์หรือโชคชะตา แต่เป็นผลมาจากการตัดสินใจและการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆ วัน

การเลือกที่จะลุกขึ้นมาซ้อมในขณะที่คนอื่นยังนอนหลับ การยอมอดทนกับความเจ็บปวดในขณะที่คนอื่นเลือกความสบาย และการมุ่งมั่นฝึกฝนต่อไปแม้จะเหนื่อยล้าในขณะที่คนอื่นยอมแพ้

รหัสลับสู่ชัยชนะ

Grover อธิบายถึงการชนะด้วยอุปมาอุปไมยที่น่าสนใจ โดยเปรียบเสมือนว่าชัยชนะครั้งต่อไปของเราถูกเก็บไว้ในตู้เซฟ และมีสิ่งที่เรียกว่า “การชนะ” เป็นผู้ถือรหัสลับ “การชนะ” นี้จะคอยสังเกตและประเมินการกระทำของเราตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อพิจารณาว่าเราคู่ควรกับชัยชนะหรือไม่ โดยมีคำถามสำคัญสามข้อที่เราต้องตอบให้ได้

1. ความกล้าที่จะเดิมพันกับตนเอง

ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จล้วนต้องผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่เชื่อมั่นจากผู้อื่น เหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าที่จะเดิมพันกับตนเองเกิดขึ้นในปี 1990

หลังจากที่ทีม Chicago Bulls พ่ายแพ้ต่อ Detroit Pistons ในรอบเพลย์ออฟ นักวิจารณ์มากมายต่างลงความเห็นว่า Jordan ไม่มีทางรับมือกับสไตล์การเล่นที่หนักหน่วงของ Pistons ได้

แทนที่จะย่อท้อ Jordan กลับทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้ถึง 15 ปอนด์ในช่วงซัมเมอร์เดียว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลเสียต่อการยิง แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาตนเองต่อไป จนในที่สุดสามารถปรับปรุงเปอร์เซ็นต์การยิงให้ดีขึ้น และนำทีมเอาชนะ Pistons จนคว้าแชมป์แรกได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับ Kobe Bryant ที่ตัดสินใจก้าวกระโดดเข้าสู่ NBA ทันทีหลังจบมัธยมปลาย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง เพียงสี่ปีต่อมา เขาก็สั่งสมประสบการณ์มากพอที่จะนำทีม Lakers คว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกัน

เมื่อถูกท้าทายว่าไม่สามารถคว้าแชมป์ได้โดยปราศจาก Shaquille O’Neal เขาก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นจนสามารถคว้าแชมป์เพิ่มได้อีกสองสมัย

และแม้กระทั่งหลังเกษียณจากวงการบาสเกตบอล Kobe ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความกล้าที่จะท้าทายตัวเองในวงการใหม่ ด้วยการคว้ารางวัล Oscar จากภาพยนตร์สั้นเรื่อง “Dear Basketball” ที่เขาเป็นทั้งผู้บรรยายและผู้ผลิต

2. การยอมรับและใช้ประโยชน์จากด้านมืด

หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจที่สุดในหนังสือ Winning คือการมองด้านมืดในตัวเองในแง่บวก Grover เชื่อว่าทุกคนมีด้านมืดในตัวเอง แต่สิ่งที่แยกผู้ชนะออกจากคนทั่วไปคือความกล้าที่จะยอมรับและใช้ประโยชน์จากมัน

Kobe เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ประโยชน์จากด้านมืด เขาสร้างบุคลิกภาพที่แยกต่างหากในชื่อ “Black Mamba” ซึ่งเป็นเสมือนหน้ากากที่เขาสวมใส่เมื่อต้องการตัดขาดจากสิ่งรบกวนและยกระดับผลงานของตนเอง

Black Mamba ไม่ใช่แค่ฉายา แต่เป็นการแปลงร่างทางจิตวิทยาที่ช่วยให้ Kobe สามารถแยกตัวตนส่วนตัวออกจากนักกีฬามืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์

Jordan เองก็ใช้ด้านมืดเป็นแรงผลักดัน โดยเฉพาะความผิดหวังจากการถูกตัดตัวจากทีมบาสเกตบอลมัธยมปลาย ความเจ็บปวดนั้นฝังลึกจนกระทั่งเขายังกล่าวถึงในสุนทรพจน์ตอนเข้าหอเกียรติยศหลังผ่านไป 31 ปี แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ด้านลบสามารถกลายเป็นเชื้อเพลิงอันทรงพลังได้หากรู้จักใช้มันอย่างถูกต้อง

Grover เปรียบเทียบด้านมืดกับพลังพิเศษของซูเปอร์ฮีโร่ เช่น ชุดเกราะของ Iron Man กำไลข้อมือของ Wonder Woman โล่ของ Captain America ค้อนของ Thor และหน้ากากของ Batman ด้านมืดเป็นเสมือนพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน รอเวลาที่จะถูกปลดปล่อยออกมาในยามที่ต้องการ

3. การใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล

หนึ่งในบทเรียนที่ยากที่สุดของการเป็นผู้ชนะคือการยอมรับว่าความสำเร็จมักมาพร้อมกับการเสียสละ Grover เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่สะเทือนใจ เมื่อลูกสาววัย 5 ขวบถามว่า “คุณพ่อคะ ทำไมพ่อต้องเดินทางบ่อยจัง?” เขาอธิบายว่าเขาเดินทางเพื่อทำงานและหาเลี้ยงครอบครัว แต่คำตอบของลูกสาวที่ว่า “ถ้าหนูกินน้อยลง พ่อจะอยู่บ้านมากขึ้นไหมคะ?” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกรถชน จนต้องหันหน้าหนีเพื่อซ่อนน้ำตาของลูกผู้ชาย

Grover ยอมรับว่าถ้าเป็นในภาพยนตร์ พ่อคนหนึ่งอาจจะตัดสินใจเลือกครอบครัวและยุติการเดินทาง แต่ในความเป็นจริง การชนะเรียกร้องความทุ่มเทอย่างไม่มีขีดจำกัด บางครั้งอาจถูกมองว่าคลั่งไคล้ เห็นแก่ตัว หรือละเลยด้านอื่นๆ ของชีวิต แต่นี่คือความจริงที่ผู้ต้องการความสำเร็จต้องเผชิญ

ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการกีฬา แต่ปรากฏในทุกสาขาอาชีพที่ต้องการความเป็นเลิศ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นนวัตกรรม ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับโลก ล้วนต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากระหว่างการไล่ตามความฝันกับการใช้เวลากับครอบครัวและชีวิตส่วนตัว

การยอมรับความไม่สมดุลไม่ได้หมายความว่าเราต้องละทิ้งทุกสิ่ง แต่หมายถึงการเข้าใจว่าในช่วงเวลาสำคัญของการไล่ตามเป้าหมาย เราอาจต้องให้ความสำคัญกับบางด้านของชีวิตมากกว่าด้านอื่นๆ เป็นการชั่วคราว ความท้าทายอยู่ที่การหาจุดที่เหมาะสมระหว่างการทุ่มเทเพื่อความสำเร็จกับการรักษาความสัมพันธ์ที่สำคัญในชีวิต

ราคาของชัยชนะ

Grover เน้นย้ำว่าการชนะไม่ใช่สิ่งที่จะครอบครองได้ถาวร แต่เปรียบเสมือนการเช่าที่ต้องจ่ายค่าเช่าใหม่ทุกวัน แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่และฝ่าฟันอุปสรรคอีกครั้งเพื่อรักษาความสำเร็จนั้นไว้

เขาอธิบายว่า “การชนะไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ เราแค่เช่ามันได้เท่านั้น และไม่ว่าเราจะจ่ายเท่าไหร่ เราก็ต้องจ่ายทั้งหมดอีกครั้งเมื่อตื่นขึ้นหลังจากชัยชนะ”

ความสำเร็จเปรียบเสมือนการปีนเขา เมื่อถึงยอดเขาลูกหนึ่ง เรามักจะเห็นยอดเขาที่สูงกว่ารออยู่เบื้องหน้า การรักษาตำแหน่งผู้นำหรือแชมป์มักจะยากกว่าการก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นเสียอีก เพราะทุกคนต่างจับจ้องและพยายามที่จะแซงขึ้นมา

บทเรียนสุดท้าย: เวลาคือทรัพยากรที่มีจำกัด

ท้ายที่สุด Grover เตือนว่าเวลาและโอกาสนั้นมีจำกัด เขามักพูดคุยกับ Kobe เสมอว่าไม่ควรคิดว่าเรามีเวลาเหลือเฟือ ซึ่งการจากไปอย่างกะทันหันของ Kobe ในปี 2020 ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของการลงมือทำในวันนี้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

การรอคอยเวลาที่เหมาะสมอาจเป็นข้ออ้างที่อันตรายที่สุดในการไม่ลงมือทำ เพราะความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตคือการคิดว่าเรามีเวลาเหลือเฟือ ทักษะและโอกาสของเรามีวันหมดอายุ และบางครั้งเราอาจไม่ได้รับโอกาสที่สองให้แก้ตัวอีกต่อไป

บทสรุป

หนังสือ Winning ไม่เพียงแต่เป็นคู่มือสู่ความสำเร็จ แต่ยังเป็นการเปิดเผยความจริงอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับราคาที่ต้องจ่ายเพื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด Grover ได้ถ่ายทอดบทเรียนอันล้ำค่าที่ได้เรียนรู้จากการทำงานร่วมกับนักกีฬาระดับตำนาน ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิต

หนังสือเล่มนี้อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจและแนวทางในการยกระดับตัวเองสู่ความเป็นเลิศ Winning จะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะจ่ายเพื่อความสำเร็จมากแค่ไหน และช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่กับความฝัน

References :
หนังสือ Winning: The Unforgiving Race to Greatness โดย Tim Grover