เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนกำลังเปลี่ยนไป! จากข้อมูลตลอดปี 2024 พบว่ารถไฮบริดได้รับความนิยมสูงกว่ารถไฟฟ้าล้วนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าผู้บริโภคจีนจะหันมาใช้รถที่ไม่ใช้น้ำมันล้วนกันมากขึ้นก็ตาม
BYD พี่ใหญ่ในวงการยานยนต์พลังงานสะอาดของจีนรายงานยอดขายที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะจากยอดขายรถนั่งส่วนบุคคลทั้งหมด 4.3 ล้านคันในปี 2024 มากกว่าครึ่งเป็นรถไฮบริด ซึ่งเป็นการพลิกสถานการณ์จากปี 2023 ที่รถยนต์ไฟฟ้านำมาแบบสิ้นเชิง
ในขณะที่บริษัทสตาร์ทอัพรถไฟฟ้าของจีนที่ผลิตเฉพาะรถไฟฟ้าล้วนกลับมียอดส่งมอบรถในปีที่ผ่านมาน้อยกว่าบริษัทที่จำหน่ายรถไฮบริดเสียอีก ความโหดของตลาดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้บริโภคกำลังต้องการอะไร
BYD เปิดเผยในรายงานว่าบริษัทขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้ 4.3 ล้านคันในปี 2024 โดยเกือบ 2.5 ล้านคันเป็นรถไฮบริด ต่างจากปี 2023 ที่ BYD มียอดขายรถไฮบริดน้อยกว่ารถไฟฟ้าล้วน ถือว่าเป็นการพุ่งทะยานอย่างไม่น่าเชื่อของรถยนต์ไฮบริด
Tesla ที่ขายเฉพาะรถไฟฟ้าล้วนมีแนวโน้มขายรถในจีนได้มากกว่า 600,000 คันเป็นปีที่สองติดต่อกัน ตามการคำนวณของ CNBC ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดา แต่ก็ยังห่างจาก BYD อยู่มาก
Joe McCabe ประธานและซีอีโอของ AutoForecast Solutions กล่าวว่า “เรายังเห็นการเติบโตในตลาดรถไฟฟ้าล้วนของจีน แต่มันกำลังถึงจุดอิ่มตัว” เขาคาดว่าจนถึงปี 2031 จะยังมีความต้องการรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปรวมถึงรถไฮบริดอยู่ ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าล้วนเท่านั้น
Li Auto บริษัทสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้ขึ้นมาท้าชิง Tesla ด้วยยอดส่งมอบทำสถิติสูงสุดที่ 500,508 คันในปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์ส่วนใหญ่ของบริษัทมาพร้อมถังน้ำมันสำหรับขยายระยะทางขับขี่ของแบตเตอรี่ ซึ่งมันตรงความต้องการของผู้บริโภคในตลาด mass มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างเห็นได้ชัด
Leapmotor พันธมิตรจีนของ Stellantis ที่ขายทั้งรถไฟฟ้าล้วนและรถไฮบริด รายงานส่งมอบรถเกือบ 300,000 คันในปี 2024 และตั้งเป้าทะลุ 500,000 คันในปีถัดไป โดยมีแผนการที่จะรุกตลาดด้วยรถทั้งสองประเภท
สตาร์ทอัพรถไฟฟ้าของจีนที่ผลิตเฉพาะรถไฟฟ้าล้วนกลับมียอดส่งมอบต่ำกว่า โดย Zeekr ขายได้ 222,123 คัน Nio ขายได้ 221,970 คัน และ Xpeng ขายได้ 190,068 คัน ซึ่งรวมตัวเลขจากแบรนด์ลูกที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2024 แล้ว
น่าสนใจว่า Xpeng เปิดตัวระบบไฮบริดในเดือนพฤศจิกายน ส่วน Zeekr ก็ประกาศแผนเปิดตัวรถไฮบริดรุ่นแรกในปี 2025 นี่คือการปรับตัวครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่าตลาดกำลังชี้นำผู้ผลิตให้หันมาทำรถไฮบริดมากขึ้น
แบรนด์รถไฟฟ้าในจีนเผชิญการแข่งขันที่โหดเหี้ยมมากขึ้นในปีที่ผ่านมา เมื่อบริษัทสมาร์ทโฟน Xiaomi เปิดตัวรถไฟฟ้าซีดาน SU7 ในเดือนมีนาคม ณ สิ้นเดือนธันวาคม Xiaomi อ้างว่าส่งมอบรถแล้วกว่า 135,000 คัน และตั้งเป้าทะลุ 300,000 คันในปี 2025
Zeekr ตั้งเป้าส่งมอบรถ 320,000 คันในปี 2025 หลังจากพลาดเป้าเล็กน้อยจากที่วางไว้ 230,000 คันในปี 2024 ถือว่าเป็นความท้าทายที่ต้องฝ่าฝันต่อสู้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
การเติบโตของรถพลังงานใหม่ในจีนถึงจุดพีคในเดือนกรกฎาคม 2024 เมื่อส่วนแบ่งของยานยนต์พลังงานใหม่ (รวมรถไฟฟ้าและไฮบริด) ทะลุครึ่งหนึ่งของรถยนต์นั่งทั้งหมดในเดือนนั้น ตามข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน
แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ด้วยอัตราการเข้าถึงตลาดที่ 52.3% ซึ่งเติบโตจาก 36% ในเดือนกรกฎาคม 2023 ถือว่าเป็นการเติบโตแบบพุ่งทะยานเป็นอย่างมาก
McCabe ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือจีนยังมีสิ่งจูงใจมากมายสำหรับคนท้องถิ่นในการซื้อยานยนต์พลังงานใหม่ การผลักดันตลาดเป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างผู้เล่นในประเทศแทนที่จะพึ่งพาแบรนด์ต่างชาติ
เมืองใหญ่ในจีนอย่างปักกิ่งกำลังทำให้การขอป้ายทะเบียนสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ง่ายขึ้นกว่ารถน้ำมัน ส่วนหนึ่งของการกระตุ้นการบริโภคของจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามุ่งเน้นไปที่การอุดหนุนการซื้อยานยนต์พลังงานใหม่
รถไฮบริดยังขับเคลื่อนยอดขายรถเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กในสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สอง ทำให้อัตราการเข้าถึงตลาดรวมของรถไฮบริดและรถไฟฟ้าอยู่ที่ 18.7% ตามข้อมูลของ Wards Intelligence ซึ่งเผยแพร่โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ
ในภาพรวม จีนเป็นเหมือนสนามทดลองสำหรับโลกยานยนต์พลังงานสะอาด และตอนนี้ตลาดกำลังบอกว่ารถไฮบริดคือตัวเลือกที่ make sense ที่สุดสำหรับช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้รถไฟฟ้าล้วนจะเป็นความฝันระยะยาว แต่ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานก็ยังมีปัญหาอยู่แม้กระทั่งในประเทศจีนเองก็ตาม
BYD ที่เข้าใจความต้องการนี้จึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดเหนือ Tesla อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บทเรียนนี้ทำให้แม้แต่บริษัทรถไฟฟ้าล้วนอย่าง Xpeng และ Zeekr ยังต้องปรับตัวรับเทรนด์ไฮบริด เมื่อตลาดยานยนต์พลังงานสะอาดกำลังถึงจุดเปลี่ยน
การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่ยังช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต โดยการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฮบริดในจีนอาจเป็นต้นแบบสำหรับตลาดยานยนต์ทั่วโลกในการวางแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนนั่นเองครับผม
References :
https://www.cnbc.com/2025/01/02/chinas-electric-car-boom-is-increasingly-more-about-hybrids.html