ทำไม Google Video ถึงพ่ายแพ้? บทเรียนราคา 1.65 พันล้าน กับความล้มเหลวที่นำไปสู่การเกิดขึ้นของ YouTube

ผมว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ก่อนที่ YouTube จะกลายเป็นเจ้าพ่อวงการวิดีโอออนไลน์อย่างทุกวันนี้ Google เคยมีบริการวิดีโอของตัวเองที่ชื่อว่า Google Video มาก่อน แต่คำถามก็คือทำไมมันถึงต้องปิดตัวลง ทั้งๆ ที่อยู่ในมือของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google แท้ ๆ

เรื่องราวเริ่มต้นในเดือนมกราคม 2005 เมื่อ Google ปลุกปั้น Google Video ขึ้นมาด้วยไอเดียเรียบง่าย คือให้คนค้นหาคำบรรยายจากรายการทีวีได้

ผู้ใช้แค่พิมพ์คำค้นอย่าง “iPod” หรือ “Napa Valley” แล้ว Google Video ก็จะไปค้นข้อความในคำบรรยายรายการทีวี แล้วโชว์ภาพนิ่งจากรายการนั้นๆ ให้ดู

ความคิดนี้มันฟังดูเทพมาก ๆ ในยุคนั้น แต่คนใช้กลับรู้สึกว่าพวกเขาต้องการเข้ามาดูวิดีโอแต่ดันไม่เจอวิดีโอให้ดูซะอย่างงั้น

Google ไม่ใช่บริษัทที่จะยอมแพ้ง่ายๆ พอเห็นว่าคนอยากดูวิดีโอจริงๆ ในเดือนเมษายน 2005 เลยเริ่มให้อัพโหลดวิดีโอกันได้ แถมยังให้ตั้งราคาขายเองอีกต่างหาก

แต่ความวุ่นวายเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2005 เมื่อเปิดให้ดูวิดีโอได้จริงๆ แต่ต้องใช้ปลั๊กอินพิเศษที่พัฒนาจาก VideoLAN ซึ่งใช้ยากเหลือเกิน บางทีดูไม่ได้ด้วยซ้ำ คนใช้ถึงกับบ่นอุบกันเป็นแแถว

ในเดือนกันยายน 2005 เป็นจุดพีคของการเปลี่ยนแปลง เมื่อ Google ได้นำเอาปลั๊กอินที่ใช้งานยุ่งยากทิ้งไป หันมาใช้ Flash แทน ซึ่งมันโคตรเจ๋งมากในยุคนั้นเพราะเร็วกว่าและคนส่วนใหญ่ก็มี Flash กันอยู่แล้ว

ในเดือนมกราคม 2006 Google เปิดตัว Google Video Store ตลาดเนื้อหาพรีเมียมจากผู้ให้บริการระดับท็อปอย่าง CBS, SONY BMG และ ITN ใช้ระบบจ่ายเงินที่ต่อมากลายเป็น Google Checkout

เมษายน 2006 มีการเปิดตัว Google Video Top 100 แสดงวิดีโอฮิตติดลมบน ตามมาด้วยพฤษภาคม 2006 ที่ทำให้อัพโหลดวิดีโอง่ายขึ้นผ่านเว็บฟอร์ม ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม Google ยังเริ่มทดสอบโฆษณาวิดีโอตามบริบทอีกด้วย

มิถุนายน 2006 Google จัดหนักเพิ่มฟีเจอร์ชุมชนเข้ามา ทั้งคอมเมนต์ การให้คะแนน และ Tags แถมพัฒนาโปรแกรมเล่นวิดีโอสำหรับ Mac ด้วย

กรกฎาคม 2006 Google Video ขยายไปต่างประเทศด้วยการเปิด 8 เวอร์ชันนานาชาติ พร้อมปรับให้แชร์วิดีโอลงบล็อกและ MySpace ได้ง่ายขึ้น

สิงหาคม 2006 Google Video ได้เข้าไปอยู่บนหน้าแรกของ Google เป็นครั้งแรก ทำให้การเข้าถึงพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดด

แต่แล้วในเดือนตุลาคม 2006 เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น Google ซื้อกิจการ YouTube ด้วยเงินมหาศาลถึง 1.65 พันล้านดอลลาร์!

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ทั้งๆ ที่มี Google Video อยู่แล้ว? นี่คือคำถามที่ทำให้หลายคนต่างสัยสัยกับสิ่งที่ Google ทำในตอนนั้น

มกราคม 2007 Google Video เริ่มกลายพันธุ์ โดยเริ่มรวมวิดีโอจาก YouTube เข้ามาในผลการค้นหา พร้อมประกาศว่าจะมุ่งเป็นเครื่องมือค้นหาวิดีโอแทน

เมษายน 2007 มีการปรับปรุงผลการค้นหาให้ฉลาดขึ้น สามารถแนะนำวิดีโอได้แม่นยำแม้คำค้นจะคลุมเครือ ในเดือนมิถุนายน 2007 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ Google Video กลายเป็นเครื่องมือค้นหาอย่างแท้จริง โดยรวมวิดีโอจากแพลตฟอร์มอื่นๆ มากมาย ทั้ง Metacafe, Yahoo Video, MySpace, Daily Motion, Vimeo และอีกเพียบ แต่ YouTube ยังครองอันดับหนึ่งในผลการค้นหา

สิงหาคม 2007 Google ปิด Google Video Store ทำให้คนที่เคยซื้อวิดีโอไว้ดูไม่ได้อีกต่อไป แม้จะแก้ไขด้วยการคืนเครดิตเป็น Google Checkout ที่ใช้ได้ 60 วัน แต่ก็สร้างความโกรธเคืองให้กับผู้ใช้เป็นจำนวนมาก

พฤศจิกายน 2007 Google Video ขยายการทำ index ไปทั่วทั้งเว็บ และในเดือนธันวาคม มีการรีดีไซน์หน้าแรกใหม่ ให้แสดงวิดีโอฮิต คำแนะนำ และวิดีโอใหม่ล่าสุด

เมษายน 2008 Google พยายามสู้อีกครั้งด้วยการปรับปรุงหน้าวิดีโอให้ยืดหยุ่นขึ้น และเพิ่มโหมด “TV view” สุดเจ๋งที่ให้ดูวิดีโอโดยไม่ต้องออกจากหน้าค้นหา

แต่ความพยายามทั้งหมดไม่อาจต้านกระแส YouTube ได้ มกราคม 2009 Google จึงประกาศยุติการรับอัพโหลดวิดีโอใหม่ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีการค้นหาเท่านั้น

15 เมษายน 2011 เป็นจุดเริ่มต้นของการปิดฉาก Google ประกาศจะหยุดโฮสต์วิดีโอที่ผู้ใช้อัพโหลด แต่หลังจากคนโวยวาย ก็เปลี่ยนเป็นย้ายวิดีโอไป YouTube อัตโนมัติแทน

20 สิงหาคม 2012 คือวันที่ Google Video ดับสนิท บริการโฮสต์วิดีโอถูกปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ เนื้อหาทั้งหมดถูกย้ายไป YouTube โดยตั้งเป็นวิดีโอส่วนตัว แต่เจ้าของสามารถปรับเป็นสาธารณะได้

เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ ที่ Google Video มีข้อดีมากมาย ทั้งการดาวน์โหลดได้หลายรูปแบบ ข้อจำกัดน้อย และมีแบรนด์ Google หนุนหลัง แต่กลับมีวิดีโอแค่ 2.5 ล้านวีดีโอ

ในขณะที่ YouTube ที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน PayPal สามคนในปี 2005 กลับครองส่วนแบ่งมากกว่า 60% ของวิดีโอออนไลน์ในสหรัฐฯ

YouTube เป็นที่หมายปองของผู้ใช้เพราะมีจุดเด่นหลายอย่าง เช่น เปิดกว้างมากกว่า แสดงจำนวนการรับชม มีลิงก์ไปยังวิดีโอโดยตรง และเน้นการสร้างชุมชนตั้งแต่ต้น

YouTube ให้คุณมีวิดีโอโปรด สร้างเพลย์ลิสต์ได้ เข้าร่วมกลุ่ม และสร้างตัวตนออนไลน์ รวมถึงมีระบบค้นหาที่ดีกว่าอีกด้วย

เรื่องราวของ Google Video สอนเราว่า แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ล้มเหลวได้ ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนหรือเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ยังต้องเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง Google Video ควรจะเพิ่มอิสระให้คนใช้งานวิดีโออย่างสร้างสรรค์มากกว่า ไม่ใช่แค่พยายามเลียนแบบสิ่งที่ YouTube เป็น

ถึงวันนี้ แม้ Google Video จะดับสูญไปแล้ว แต่มรดกของมันยังคงอยู่ในรูปแบบของเครื่องมือค้นหาวิดีโอและบทเรียนสำคัญในวงการเทคโนโลยี ที่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนที่มีทรัพยากรมากที่สุดก็อาจพลาดได้ หากไม่ฟังเสียงของผู้ใช้อย่างแท้จริง

Geek Story EP274 : ทำไม Google Video ถึงพ่ายแพ้? ความล้มเหลวที่นำไปสู่การเกิดขึ้นของ YouTube

ในยุคเริ่มต้นของการแชร์วิดีโอออนไลน์ ก่อนที่ YouTube จะกลายเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ Google ก็มีบริการสตรีมมิ่งวิดีโอเป็นของตัวเองที่เรียกว่า Google Video ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2005 แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สำหรับผู้ใช้งานในการอัปโหลดและแชร์วิดีโอ คล้ายกับ YouTube ในปัจจุบัน

Google Video มีหน้าตาที่เรียบง่ายตามสไตล์การออกแบบของ Google ในยุคนั้น ผู้ใช้งานสามารถค้นหาวิดีโอผ่านช่องค้นหา และผลลัพธ์จะแสดงเป็นตารางกริดคล้ายกับ YouTube ในยุคแรก วิดีโอทั้งหมดถูกจัดเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ของ Google โดยตรง และมีเครื่องเล่นวิดีโอแบบในตัวที่มีโลโก้ Google Video อยู่ด้านล่าง แม้ว่าภาพหน้าจอที่หลงเหลืออยู่จะดูเก่าและมีความละเอียดต่ำ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการแชร์วิดีโอออนไลน์ได้เป็นอย่างดี

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/bdvvyv9n

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/y7wdz2na

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/mr3su37s

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/R_LsJE-cHaw

ประวัติการก่อตั้ง Youtube

ในยุคปัจจุบันดูเหมือนเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Youtube คือแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกไม่แพ้ google เลยทีเดียว ใครคนไหนอยากจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างจะต้องเข้าเว็บไซด์ google เพื่อค้นหาข้อมูล แต่ถ้าใครอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหว วีดีโอคลิป แน่นอนว่า Youtube จะต้องเป็นตัวเลือกแรกๆของทุกคนอย่างแน่นอน

Youtube คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการแบ่งปัน (share) วิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอัพโหลด แชร์ หรือดูวิดีโอผ่านเว็บไซต์ได้ ในรูปแบบคลิป วิดีโอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร มิวสิควิดีโอ หรือการโชว์ความสามารถต่างๆ จากทางบ้าน โดยยูทูบ มีสโลแกนสั้นๆ ได้ใจความ 
ว่า “Broadcast Yourself”

Youtube เกิดจากพนักงานระดับล่าง 3 คนของบริษัท PayPal คือ Chad Hurley, Steve Chen และ Jawed Karim ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 
โดย Chad ได้เข้ามหาวิทยาลัยอินเดียนาแห่งเพนสิเวอร์เนีย ด้านการออกแบบ Steve กับ Jawed ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยในตอนแรก Chad และ Steve เป็นเพื่อนสนิทกันซึ่งทำงานด้วยกันในบริษัท Paypal

Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube
Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube

ไอเดียการคิดค้น youtube นั้นได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2005 ซึ่ง Chad อยากจะแชร์คลิปวีดีโอที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ให้กับ Steve ได้เห็น แต่เว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอนั้นหายากมากๆ และความยาวที่เกินกว่า 1 นาทียิ่งไม่ต้องพูดถึง ในงานปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนต์ของ Steve เขาจึงเริ่มแชร์ไอเดียว่าเขาอยากที่จะสร้างเว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอและแชร์ได้ในเวลาเดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา ง่ายต่อการอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต แต่ดูๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อมองถึงเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในขณะนั้น ความคิดนี้ของพวกเขาจึงหายไปช่วงเวลาหนึ่ง

สำหรับ Jawed นั้น เขาเป็นลูกครึ่งเยอรมันและบังกลาเทศ ได้ทำการย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศอเมริกา ในปี 2004 ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศอินเดีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

 ตัว Jawed เองนั้นพยายามค้นหาคลิปวีดีโอเหตุการณ์นั้นแต่หายากมาก เขาจึงเริ่มคิดอยากจะสร้างเว็บไซด์ในการฝากไฟล์วีดีโอที่ง่ายต่อการค้นหา แต่ความคิดนี้ก็ตกไปเพราะต้องใช้ทุนในการสร้างสูงมาก รวมถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงยังคงเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้มาใช้กัน

โดยที่ทั้ง 3 คนมารู้จักกันในการทำงานที่บริษัท Paypal และมีความคิดไปในทางเดียวกัน พวกเขาจึงระดมทุนได้จากเหล่า venture capital ซึ่งได้เงินลงทุนตั้งต้นมา 11.5 ล้านเหรียญ จากกองทุน Sequoia Capital ของมหาเศรษฐี Don Valentine ผู้เคยสร้างชื่อมาแล้วกับบริษัทหลายๆแห่งไม่ว่าจะเป็น Apple, Yahoo, Oracle Corporation, Cisco รวมถึงบริษัทเกมอย่าง Electronic Arts

Youtube จดทะเบียนเป็นบริษัทและมีโดเมนเนมว่า www.youtube.com ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2005 มีสำนักงานใหญ่อยู่บนชั้นสองของร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในเมือง San Mateo, California และคลิปวีดีโอแรกที่ถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซด์ครั้งแรกเป็นของ Jawed โดยใช้ชื่อว่า “Me at the zoo”

ในปีเดียวกันนั้นเอง คลิปวีดีโอที่แตะหลักล้าน Views เป็นครั้งแรกเป็นคลิปโฆษณาของ Nike โดยใช้นักฟุตบอลชื่อดังอย่างโรนัลดินโญ่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับการสนับสนุนเงินอีก 3.5 ล้านเหรียญของ Sequoia Capital ทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง Google นั้นเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Youtube จนต้องสร้างบริการ Google Video เข้ามาร่วมแข่งขัน

Youtube นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอ ที่สามารถอัดเก็บไว้ได้และนำมานำเล่นได้ใหม่ โดยจะใช้พื้นฐานของการโปรแกรม Macromedia’s Flash Player  และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263 อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังทำให้ Youtube สามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้านและสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของ Apple

แต่การใช้โปรแกรม Flash ของ Youtube ในยุคเริ่มต้นนั้น สามารถที่จะตอบสนองต่อการเล่นของผู้ใช้ได้ดีราว ๆ 90 % เมื่อทำการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต หรือในอีกทางหนึ่งผู้ใช้ สามารถเข้าไปใช้โดยเข้าเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์เพื่อที่จะทำการ Download วิดีโอมาติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของตนเองก็สามารถทำได้

Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player
Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player

ซึ่งการใช้วิดีโอเพื่อเล่นภาพและเสียงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบและเป็นองค์ ประกอบสำคัญที่ทำให้ Youtube ประสบความสำเร็จ และการยอมให้ผู้ชมเข้าไปดูวิดีโอได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมหรือต้องไปจัดการกับปัญหาเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยมีประสบการณ์กับเทคโนโลยีวิดีโอจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากันไม่ได้ หรือมีการใช้วีดีโอสำหรับผู้เล่นวีดีโอหลายรูปแบบมาก ๆ 

ด้วยการใช้งานที่ง่ายดายแตกต่างจากบริการวีดีโอ ออนไลน์ อื่น ๆ ทำให้ YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไปอย่างรวดเร็ว YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ได้ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก
คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก

ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวิดีโอที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีโอ ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้นเอง Youtube มีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไซต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Alexa

ซึ่งทำให้มี myspace เว๊บไซต์ทางด้าน Social Network ชื่อดังในขณะนั้น ตกอันดับลงมาได้สำเร็จ Youtube เป็นเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชม 20 ล้านคนต่อเดือนตามการบันทึกของ Nielsen/NetRatings โดยแยกออกมาเป็นผู้ชมเพศหญิง ร้อยละ 44 และเพศชาย ร้อยละ 56 โดยอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-17 ปีที่เข้าเว็ปไซต์มากที่สุดใน Youtube  ความโดดเด่นของ Youtube คือการตลาดที่เป็นรูปธรรม เว็ปไซต์ Hitwise.com ได้กล่าวว่า Youtube ได้ทำส่วนแบ่งทางการตลาดวิดีโอออนไลน์ในสหราชอาณาจักรถึง ร้อยละ 64 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงมากที่สุดในบรรดา บริการวีดีโอ ออนไลน์ทั้งหมด

ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เป็นที่ต้องตาของทั้งบริน และ เพจ เป็นอย่างมาก ที่ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม 2006 Google ได้ตกลงตัดสินใจเข้าซื้อ YouTube ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของ google การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้างได้นั่นเอง

ประวัติ Google ตอนที่ 13 : Broadcast Yourself

ในยุคปัจจุบันดูเหมือนเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Youtube คือแหล่งข้อมูลสำคัญของโลกไม่แพ้ google เลยทีเดียว ใครคนไหนอยากจะหาข้อมูลอะไรสักอย่างจะต้องเข้าเว็บไซด์ google เพื่อค้นหาข้อมูล แต่ถ้าใครอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหว วีดีโอคลิป แน่นอนว่า Youtube จะต้องเป็นตัวเลือกแรกๆของทุกคนอย่างแน่นอน

Youtube คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการแบ่งปัน (share) วิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถอัพโหลด แชร์ หรือดูวิดีโอผ่านเว็บไซต์ได้ ในรูปแบบคลิป วิดีโอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนัง ละคร มิวสิควิดีโอ หรือการโชว์ความสามารถต่างๆ จากทางบ้าน โดยยูทูบ มีสโลแกนสั้นๆ ได้ใจความ 
ว่า “Broadcast Yourself”

Youtube เกิดจากพนักงานระดับล่าง 3 คนของบริษัท PayPal คือ Chad Hurley, Steve Chen และ Jawed Karim ซึ่งทั้ง 3 คน นั้นเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 
โดย Chad ได้เข้ามหาวิทยาลัยอินเดียนาแห่งเพนสิเวอร์เนีย ด้านการออกแบบ Steve กับ Jawed ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยในตอนแรก Chad และ Steve เป็นเพื่อนสนิทกันซึ่งทำงานด้วยกันในบริษัท Paypal

Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube
Chad , Steve และ Jawed สามผู้ก่อตั้ง Youtube

ไอเดียการคิดค้น youtube นั้นได้เริ่มต้นขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ในปี 2005 ซึ่ง Chad อยากจะแชร์คลิปวีดีโอที่มีความยาวมากกว่า 1 นาที ให้กับ Steve ได้เห็น แต่เว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอนั้นหายากมากๆ และความยาวที่เกินกว่า 1 นาทียิ่งไม่ต้องพูดถึง ในงานปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนต์ของ Steve เขาจึงเริ่มแชร์ไอเดียว่าเขาอยากที่จะสร้างเว็บไซด์ที่ฝากไฟล์วีดีโอและแชร์ได้ในเวลาเดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา ง่ายต่อการอัพโหลดลงในอินเตอร์เน็ต แต่ดูๆแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อมองถึงเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในขณะนั้น ความคิดนี้ของพวกเขาจึงหายไปช่วงเวลาหนึ่ง

สำหรับ Jawed นั้น เขาเป็นลูกครึ่งเยอรมันและบังกลาเทศ ได้ทำการย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศอเมริกา ในปี 2004 ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศอินเดีย รวมถึงหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

 ตัว Jawed เองนั้นพยายามค้นหาคลิปวีดีโอเหตุการณ์นั้นแต่หายากมาก เขาจึงเริ่มคิดอยากจะสร้างเว็บไซด์ในการฝากไฟล์วีดีโอที่ง่ายต่อการค้นหา แต่ความคิดนี้ก็ตกไปเพราะต้องใช้ทุนในการสร้างสูงมาก รวมถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูงยังคงเป็นเรื่องใหม่ในสมัยนั้น ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดผู้คนให้มาใช้กัน

โดยที่ทั้ง 3 คนมารู้จักกันในการทำงานที่บริษัท Paypal และมีความคิดไปในทางเดียวกัน พวกเขาจึงระดมทุนได้จากเหล่า venture capital ซึ่งได้เงินลงทุนตั้งต้นมา 11.5 ล้านเหรียญ จากกองทุน Sequoia Capital ของมหาเศรษฐี Don Valentine ผู้เคยสร้างชื่อมาแล้วกับบริษัทหลายๆแห่งไม่ว่าจะเป็น Apple, Yahoo, Oracle Corporation, Cisco รวมถึงบริษัทเกมอย่าง Electronic Arts

Youtube จดทะเบียนเป็นบริษัทและมีโดเมนเนมว่า www.youtube.com ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2005 มีสำนักงานใหญ่อยู่บนชั้นสองของร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในเมือง San Mateo, California และคลิปวีดีโอแรกที่ถูกอัพโหลดขึ้นเว็บไซด์ครั้งแรกเป็นของ Jawed โดยใช้ชื่อว่า “Me at the zoo”

ในปีเดียวกันนั้นเอง คลิปวีดีโอที่แตะหลักล้าน Views เป็นครั้งแรกเป็นคลิปโฆษณาของ Nike โดยใช้นักฟุตบอลชื่อดังอย่างโรนัลดินโญ่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมกับการสนับสนุนเงินอีก 3.5 ล้านเหรียญของ Sequoia Capital ทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง Google นั้นเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Youtube จนต้องสร้างบริการ Google Video เข้ามาร่วมแข่งขัน

Youtube นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยีของการเล่นวีดีโอ ที่สามารถอัดเก็บไว้ได้และนำมานำเล่นได้ใหม่ โดยจะใช้พื้นฐานของการโปรแกรม Macromedia’s Flash Player  และใช้โปรแกรมบันทึกวิดีโอแบบ Sorenson Spark H.263 อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังทำให้ Youtube สามารถใช้วิดีโอเล่นภาพและเสียงได้อย่างมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับวิดีโอที่เล่นอยู่ที่บ้านและสามารถนำกลับมาเล่นซ้ำได้เหมือนกับ Windows Media Player, Realplayer หรือ Quicktime Player ของ Apple

แต่การใช้โปรแกรม Flash ของ Youtube ในยุคเริ่มต้นนั้น สามารถที่จะตอบสนองต่อการเล่นของผู้ใช้ได้ดีราว ๆ 90 % เมื่อทำการเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต หรือในอีกทางหนึ่งผู้ใช้ สามารถเข้าไปใช้โดยเข้าเป็นสมาชิกของ เว็บไซต์เพื่อที่จะทำการ Download วิดีโอมาติดตั้งไว้ในคอมพิวเตอร์ของตนเองก็สามารถทำได้

Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player
Youtube version แรกใช้การแสดงผลด้วยโปรแกรม Flash Player

ซึ่งการใช้วิดีโอเพื่อเล่นภาพและเสียงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบและเป็นองค์ ประกอบสำคัญที่ทำให้ Youtube ประสบความสำเร็จ และการยอมให้ผู้ชมเข้าไปดูวิดีโอได้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมหรือต้องไปจัดการกับปัญหาเดิม ๆ ที่ผู้ใช้เคยมีประสบการณ์กับเทคโนโลยีวิดีโอจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เข้ากันไม่ได้ หรือมีการใช้วีดีโอสำหรับผู้เล่นวีดีโอหลายรูปแบบมาก ๆ 

ด้วยการใช้งานที่ง่ายดายแตกต่างจากบริการวีดีโอ ออนไลน์ อื่น ๆ ทำให้ YouTube เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และได้รับความ สนใจเป็นอันมาก โดยเฉพาะการบอกแบบปากต่อปากที่ทำให้การเติบโตของ YouTube เป็นไปอย่างรวดเร็ว YouTube มาเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายต่อเนื่อง

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือเมื่อมีการนำภาพวิดีโอช่วง Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live มาแสดงบนเว็บ ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2006 ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ก็ได้เรียกร้องให้ทาง YouTube เอาคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์ทั้งหลายออกจากเว็บ ซึ่ง YouTube เองก็มีนโยบายที่จะไม่เอาคลิปที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาแสดงเช่นกัน นั่นทำให้ต่อมา You Tube กำหนดนโยบายที่ชัดเจนขึ้นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามกรณีพิพาทกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ได้ทำให้ YouTube เป็นข่าวและเพิ่มความดังมากขึ้นไปอีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก
คลิปช่วย Lazy Sunday ของรายการ Saturday Night Live ทำให้ Youtube ดังเป็นพลุแตก

ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่าง Youtube ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีวิดีโอที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีโอ ในเดือนกรกฎาคม ปีเดียวกันนั้นเอง Youtube มีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไซต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Alexa

ซึ่งทำให้มี myspace เว๊บไซต์ทางด้าน Social Network ชื่อดังในขณะนั้น ตกอันดับลงมาได้สำเร็จ Youtube เป็นเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชม 20 ล้านคนต่อเดือนตามการบันทึกของ Nielsen/NetRatings โดยแยกออกมาเป็นผู้ชมเพศหญิง ร้อยละ 44 และเพศชาย ร้อยละ 56 โดยอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-17 ปีที่เข้าเว็ปไซต์มากที่สุดใน Youtube  ความโดดเด่นของ Youtube คือการตลาดที่เป็นรูปธรรม เว็ปไซต์ Hitwise.com ได้กล่าวว่า Youtube ได้ทำส่วนแบ่งทางการตลาดวิดีโอออนไลน์ในสหราชอาณาจักรถึง ร้อยละ 64 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงมากที่สุดในบรรดา บริการวีดีโอ ออนไลน์ทั้งหมด

ซึ่งการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้เป็นที่ต้องตาของทั้งบริน และ เพจ เป็นอย่างมาก ที่ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม 2006 Google ได้ตกลงตัดสินใจเข้าซื้อ YouTube ด้วยมูลค่า 1,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนหุ้น อย่างไรก็ตาม YouTube ก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของบริษัทไปตามปกติ โดยเป็นอิสระจากการควบคุมของ google การรวมกันของสองบริษัทนี้จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้าใจได้มากขึ้น สำหรับผู้ใช้ที่สนใจในการอัพโหลด การดูวิดีโอ และการแชร์ภาพวิดีโอ รวมถึงการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้เป็นเจ้าของ ข้อมูล (content) ที่เป็นมืออาชีพที่จะนำเสนองานของพวกเขาไปสู่คนวงกว้างได้นั่นเอง

การที่ Google สามารถเข้าซื้อ Youtube ได้สำเร็จ นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งหนึ่งของ Google ที่ได้ยกระดับขึ้นมากลายเป็นบริษัท ที่พร้อมที่จะสู้กับ Microsoft หรือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ รายอื่นๆ  ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้ Youtube นั้นจะยังคงให้บริการฟรี และยังไมสามารถทำรายได้นั้น ก็ไม่เป็นปัญหากับ Google แต่อย่างใด เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่าเหล่าเครือข่ายโฆษณาของ Google ที่เป็นเครื่องจักรทำเงินของพวกเขา จะเข้ามาสู่ Youtube อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหยุด Google อยู่แล้วสำหรับความทะเยอทะยานครั้งใหม่นี้ สำหรับตอนหน้า จะเป็นตอนสุดท้ายของ Blog Series ชุดนี้แล้วนะครับ มาดูกันว่าบทสรุปของ Google จะเป็นอย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 14 : Googling Your Genes (ตอนจบ)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :When Larry Met Sergey *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

Credit แหล่งข้อมูลบทความ